[รีวิว] Tomorrow ซีรีส์เกาหลียมทูตสวยหล่อสุดแฟนตาซี ดีเด่นที่ฉากว้าวและปมปริศนา

[รีวิว] Tomorrow ซีรีส์เกาหลียมทูตสวยหล่อสุดแฟนตาซี ดีเด่นที่ฉากว้าวและปมปริศนา

[รีวิว] Tomorrow ซีรีส์เกาหลียมทูตสวยหล่อสุดแฟนตาซี ดีเด่นที่ฉากว้าวและปมปริศนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังจากเว็บตูน Tomorrow ลงแฟลตฟอร์มไลน์ เว็บตูน (LINE WEBTOON) ได้ไม่นาน ตัวซีรีส์ก็ลงตามในเนตฟลิกซ์อย่างติด ๆ ด้วยหน้าปกโปสเตอร์ ทริลเลอร์ที่ดูมีสีสันครบเครื่องและหน้าตาหล่อสวยของนักแสดง อีกทั้งยังผลิตโดยสตูดิโอเอน (Studio N) สตูดิโอของค่าย NAVER เจ้าของเรื่องออริจินัลมาเอง ทำให้เราตั้งความหวังกับฉบับซีรีส์อยู่พอสมควร และมันสมกับที่ตั้งความหวังไว้หรือเปล่านะ มา ๆ มาเฉลยกัน

เทียบกันจะ ๆ ซ้ายคือ Tomorrow ฉบับซีรีส์ ขวาคือฉบับเว็บตูน

ทันทีที่เปิดซีรีส์ขึ้นมาเราก็ต้องร้องว้าวเบา ๆ ฉบับซีรีส์นี้ให้ทั้งความเคารพต้นฉบับสูงเอามาก ๆ แถบจะซีนต่อซีน แต่สิ่งที่ล้ำกว่าคืองานโปรดักชั่น อย่างที่เคยรีวิวไปในฉบับเว็บตูนก่อนหน้า ว่างานภาพเองนั้นยังไม่อาจเรียกได้ว่าสวยตรึงจิต แต่มีดีที่เป็นเอกลักษณ์ ก็ดูเหมือนว่าทางสตูดิโอผู้ผลิตก็เห็นจุดนี้เป็นจุดอ่อนที่ควรเสริมเช่นกัน งานโปรดักชั่นที่เปิดมาจึงเรียกได้ว่าจัดหนักจัดเต็มครบเครื่องมาก ๆ ทั้งแสงสี ซีนเปิดตัวละครก็เรียกได้ว่าทำออกมาได้โดดเด่นเหนือชั้นกว่าฉบับการ์ตูนอย่างสุด ๆ ไปเลย

 

แค่ฉากเปิดพระนางเราก็ร้องว้าวแล้ว สีสันสวยงามมาก

 

หลากมุมงาม ๆ ของหัวหน้ายมทูต

แม้โดยรวมจะไม่ได้ลำดับการเล่าเรื่องราวเรียงออกมาเป๊ะ ๆ และใช้วิธี “จับกลุ่ม” เส้นเรื่องของฝั่งพระเอกที นางเอกทีแยกออกจากกันโดยสิ้นเชิง และก็ต้องยอมรับว่าวิธีเล่าฉบับซีรีส์นี้เสริมพลังความแฟนตาซี และกลิ่นอายลึกลับแนวปริศนาได้มากกว่าฉบับการ์ตูนอยู่โข

ในฉบับการ์ตูนนั้น เรื่องเริ่มขึ้นที่ฝั่ง ชเวจุนอุง ชายหนุ่มวัย 27 ปีที่เดินเตร็ดเตร่ด้วยความเซ็งจิตเพราะตกงานเจอเข้ากับชายไร้บ้านที่กำลังจะฆ่าตัวตาย และได้เจอคู่ยมทูตหญิงและชายที่โผล่เข้ามา จนเกิดเรื่องราวที่ทำให้เขาพลาดตกลงไปในแม่น้ำฮันซะเอง เมื่อฟื้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ในสภาพโคม่า และหญิงชายสองคนนั้นก็เสนองานยมทูตช่วยชีวิตคนให้เขาเสียแล้ว เรียกได้ว่าเป็นการเล่าแบบรวด ๆ พรวด ๆ จากฝั่งพระเอกแบบใช้หมัดฮุกให้เข้าพอยต์เรื่องเลย

ในขณะที่ฉบับซีรีส์เรื่องเปิดด้วยการปฏิบัติหน้าที่ของทีมวิกฤตของนางเอกก่อน ทำให้เห็นว่าเรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้นะ เกี่ยวกับการช่วยคนจากการฆ่าตัวตายแน่ ๆ แล้วค่อยไปเล่าย้อนให้เห็นฟากพระเอกว่าเป็นคนยังไง แล้วค่อยดึงมาว่าเกี่ยวข้องกันยังไง อาจเพราะช่วงเวลาที่จะทำให้คนตัดสินใจจะไปต่อหรือพอแค่นี้ของฉบับซีรีส์มีช่วงเวลาที่ยาวนานกว่า สามารถใช้องค์ประกอบศิลป์มาดึงดูดได้เต็มที่ ผู้สร้างก็เลยเลือกวิธีนี้ในการเล่า ซึ่งเราก็ยอมรับเลยว่า ส่วนนี้มันประสบความสำเร็จและมีผลดึงดูดคนดูซีรีส์ที่เน้นความสวยงามแฟนตาซีและอยากดูเรื่องที่ดูแปลกตาไปได้ดีกว่าจริง ๆ

กุญแจไขความทรงจำ หนึ่งไอเทมพิเศษของทีมยมทูตซึ่งไม่มีในเว็บตูนต้นฉบับ <br>แต่ก็ถือเป้นส่วนที่เพิ่มมาที่ทำให้เรื่องราวดูแฟนตาซีน่าตื่นตากว่าเดิมมาก

แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อเล่าเรื่องไปเรื่อย ๆ ดีเทลเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ทำให้ช่องว่างระหว่างฉบับการ์ตูนและซีรีส์ขยายกว้างมากขึ้น แทนที่เรื่องจะโฟกัสไปกับภารกิจเพื่อความพรุ่งนี้แบบฉึบฉับ อินเร็วซึ้งเร็วแบบฉบับการ์ตูน ซีรีส์ก็พยายามใส่เรื่องราวของโลกวิญญาณ “จูมาดึง” ลงไป จนโฟกัสของตัวละครที่เดิมอยู่กับที่ทีมวิกฤตสามคน ขยายวงออกกว้างไปเป็นตัวละครอื่น ๆ ให้เราเริ่มเลือกโฟกัสไม่ค่อยถูก

จากซ้าย หัวหน้าทีมยมทูต <strong>คูรยอน</strong> หนุ่มตกงานยมทูตมือใหม่ <strong>ชเวจุนอุง</strong> และยมทูตสุดหล่อ <strong>อิมรยุงกู</strong><br>ทั้งหมดสังกัดฝ่ายจัดการวิญญาณ ทีมจัดการภาวะวิกฤต ของโลกหลังความตาย<br>Credit : LINE WEBTOON

จากซ้าย หัวหน้าทีมยมทูต <strong>คูรยอน</strong> ยมทูตผู้ช่วย <strong>อิมรยุงกู</strong> และหนุ่มตกงานยมทูตมือใหม่ <strong>ชเวจุนอุง</strong> <br>จะเห็นว่าแฟชั่นอะไรก็จัดเต็มไม่ต่างกับฉบับเว็บตูนเลยจริง ๆ

เดิมทั้ง คูรยอน หัวหน้ายมทูตหญิงที่ดูเปรี้ยวซี้ดสุดคลู อิมรยุงกู ยมทูตชายหล่อสายซัปพอร์ต และ ชเวจุนอุง ยมทูตมือใหม่ที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรู้สึกแบบพนักงานกินเงินเดือนที่เพิ่งมีสังกัดบริษัทเป็นครั้งแรก ทั้งสามต่างมีความโดดเด่นไม่ต่างกันมากนัก แต่เมื่อมาอยู่ในฉบับซีรีส์ อิมรยุงกู (รับบทโดย ยุนจีอน) ดูจะได้รับการ “ลด” บทบาทไปอย่างเห็นได้ชัด แต่คนที่ได้รับบทเด่นกับเป็นหัวหน้าทีมยมทูตคู่แข่ง พัคจุงกิล (รับบทโดย อีซูฮยอก) และประธาน “จูมาดึง” ซึ่งในซีรีส์เรียกว่าเป็น เง็กเซียนฮ่องเต้ (รับบทโดย คิมแฮซอค) ไปเสียเฉย ๆ เลยทำให้ความรู้สึกของทีมวิกฤตดูเบาบาง ไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวน่าเอาใจช่วยเท่ากับในเว็บตูนเสียเท่าไหร่

นักแสดงในซีรีส์ Tomorrow จากซ้าย ชเวจุนอุน (รับบทโดย โรอุน) อิมรยุงกู (รับบทโดย ยุนจีอน)
คูรยอน (รับบทโดย คิมฮีซอน) และ พัคจุงกิล (รับบทโดย อีซูฮยอก)

ตัวละคร เง็กเซียนฮ่องเต้ ซึ่งในฉบับเว็บตูนยังไม่พ้นมาในช่วงแรกให้เราเห็น แต่มีปรากฏในซีรีส์ตั้งแต่ตอนแรก

อย่างไรก็ตาม ตัวละคร เง็กเซียนฮ่องเต้ ก็ยังดีที่มีเสน่ห์ ช่วยให้เรื่องราวฝั่งนางเอกดูมีปมปริศนาน่าติดตามยิ่งกว่าเดิม นักแสดงโดยรวมเองก็แสดงได้ดีสมบทบาท โดยเฉพาะ คูรยอน (รับบทโดย คิมฮีซอน) ที่เราว่าทำได้ดีเท่าเทียมกับตัวการ์ตูน ส่วนพระเอกอย่าง ชเวจุนอุง (รับบทโดย โรอุน) แม้จะดูน่าหมั่นไส้กว่า แต่ก็น่าเอ็นดูมากกว่าด้วยเหมือนกัน ดังนั้นในเรื่องนำ้หนักตัวละครของทั้งสองแฟลตฟอร์มเราจึงมองว่ายังกินกันไม่ลง พอสู้กันไปได้ ถือว่าทำได้ไม่เลวเลย

เมื่อเรื่องเล่าต่อไปเรื่อย ๆ ช่องว่างแห่งความต่างมาเห็นได้ชัดเจนขึ้นไปอีกตรงที่เคสฆ่าตัวตายแรกของโนอึลบีนี่ละ ซึ่งพอมาตรงจุดนี้ ส่วนตัวให้ฉบับเว็บตูนกินขาดกว่า เพราะดูแล้วขัดใจเหลือเกิน

ในเวอร์ชันเว็บตูนนั้นเรื่องราวของโนอึนบี คือเรื่องราวของเด็กสาววัยมัธยมที่ถูกเพื่อนรักรังแกอย่างหนักหน่วงจนเกิดความคิดที่จะฆ่าตัวตาย ในขณะที่ฉบับซีรีส์โนอึนบีกับเป็นสาววัยทำงานที่อยากจะฆ่าตัวตายอีกครั้ง เพราะดันมาเจอกับเพื่อนร่วมชั้นที่เคยกลั่นแกล้งเธอในสมัยเรียนมาก่อน ความไม่เมกเซนส์และหลุมใหญ่ของเคสนี้ในฉบับซีรีส์มันจึงอยู่ตรงนี้แหละว่า ในยามที่เธอต้องทุกข์ถึงขีดสุดในคราแรกนั้น เธอผ่านพ้นมันมาได้อย่างไง? แล้วทำไมเธอจะมาผ่านไปไม่ได้อีกกัน?

แอปเรดไลน์ใช้แจ้งสภาวะความคิดลบอยากฆ่าตัวตาย ซ้ายคือ ภาพโนอึลบีในแอปฉบับเว็บตูน และขวาคือภาพโนอึลบีในแอปฉบับซีรีส์

แน่นอนว่าภาวะที่ถูกกลั่นแกล้งและองค์ประกอบการเล่าในรายละเอียดในเว็บตูนเองก็นำเสนอเรื่องราวของโนอึนบีวัยมัธยมได้ดี มันทำให้เห็นมุมมองและรายละเอียดต่าง ๆ ตลอดจนความสัมพันธ์กับคนรอบตัวและครอบครัวรวมถึงการตั้งคำถามของตัวละครเอง ทั้งยังมีความพยายามในการฝ่าฟันปัญหาที่เห็นได้ชัดกว่ามาก ๆ ในขณะที่ฉบับซีรีส์กลับโฟกัสจัง ๆ ไปที่แค่การกลั่นแกล้งแบบเพียว ๆ แบบที่ไม่มีปี่ไม่ขลุ่ย แบบที่ดันซวย ดันมาเป็นตัวละครนี้แบบยัดเยียดไปหน่อย ทำเอาเราดูแล้วหงุดหงิดว่านี่นางจะไม่ลุกมาทำอะไรหน่อยเหรอ แล้วเราควรเอาใจช่วยตัวละครแบบนี้จริงๆ หรือไม่

อย่างไรก็ตาม อาจเพราะยังเคารพต้นฉบับอยู่สูง การหาจุดลงในตอนจบเคสที่พยายามเน้นและตะล่อมให้ โนอึลบีเกิดสำนึกที่อยากจะเข้มแข็งด้วย “ตัวเอง” บวกกับการแสดงของนักแสดงก็พอช่วยกู้สถานการณ์ให้พอกล้อมแกล้มได้อยู่บ้าง แต่ใดๆ แล้ว การมีช่วงจังหวะหนึ่งในซีรีส์ที่สื่อส่อไปในทางว่า เธอมันอ่อนแอเอง ไม่เข้มแข็งเอง ก็ดูจะโหดร้ายและไม่เข้าสถานการณ์ไปเสียหน่อย (อารมณ์เหมือนซ้ำเติมเหยื่อ ซึ่งส่วนตัวมองว่าจุดนี้ ซีรีส์แอบพลาดอย่างจัง) แถมยังไปลดความซึ้งชวนอินที่เว็บตูนปูมาพอสมควรเลย

ดังนั้นโดยสรุป เรายกให้ซีรีส์นั้นเหนือกว่าในแง่โปรดักชัน ความแฟนตาซีีมีปมชวนติดตาม ส่วนเรื่องตัวละครนั้นทำได้ดีพอ ๆ กัน แต่ถ้าว่าด้วยเนื้อหาและความซึ้งมุ่งประเด็นไปยังคำว่า Tomorrow แล้วละก็ฉบับเว็บตูนก็ชนะขาดลอย แต่ถ้าถามว่าแล้วซีรีส์ยังสนุกอยู่ไหม ทำได้ดีหรือเปล่า ถ้าคนไม่เคยอ่านฉบับเว็บตูนมาก่อน อาจจะไม่รู้สึกขัดอะไรแบบเราก็ได้นะ ดูได้เพลิน ๆ ชวนติดตามเลยแหละ แต่ถ้าอยากซึ้งให้สุดทางเราขอแนะนำว่าไปอ่านเว็บตูนด้วยก็จะดีกว่าจริง ๆ

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นนี่เป็นการรีวิวจากการดูการ์ตูนจบเคสแรก และดูซีรีส์ไปแค่ 2 ตอนเท่านั้น ไม่แน่ว่าตอนต่อไปที่ซีรีส์เปิดปมมาไว้อาจจะมีอะไรที่พลิกเกมทำให้ซีรีส์น่าตามกว่าก็เป็นได้

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ [รีวิว] Tomorrow ซีรีส์เกาหลียมทูตสวยหล่อสุดแฟนตาซี ดีเด่นที่ฉากว้าวและปมปริศนา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook