เล่นใหญ่ ฝันไกล ไปให้ถึง Better Nate Than Ever โกยคะแนนรีวิวเกือบเต็มร้อย สตรีมมิ่ง Disney+
ใครจะไปคาดคิดว่าหนังทางสตรีมมิ่ง Disney+ อย่าง Better Nate Than Ever กวาดคะแนนในเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ไปถึง 89% และคะแนนจากฝั่งคนดูก็เทใจให้หนังเรื่องนี้อย่างล้นหลามไม่แพ้กัน ถ้าใครกำลังมองหาหนังเติมพลังใจประจำเดือนเมษายนนี้ นี่คือหนังที่คุณต้องไม่พลาด
Better Nate Than Ever ดัดแปลงมาจากวรรณกรรมในชื่อเดียวกัน ผลงานการเขียนของทิม เฟเดอร์เล ซึ่งนอกจากเขาจะแต่งเรื่องราวขึ้นมาแล้ว ดิสนีย์ได้เล็งเห็นแววจากการดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการสร้างและเขียนบทให้กับซีรีส์ High School Musical: The Musical - The Series โดยในซีรีส์เรื่องดังกล่าว เรื่องราวคือการหยิบเอา High School Musical หนังมิวสิคัลเรื่องดังของดิสนีย์ชาร์แนลมารีเควล (รีบูทพร้อมกับเล่าเรื่องราวใหม่ต่อไปในเวลาเดียวกัน) ด้วยการให้ชมรมละครเวทีหยิบหนังเรื่องดังกล่าวมาทำเป็นละครเพลงประจำโรงเรียน
เส้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นใน High School Musical: The Musical - The Series ซีซั่นแรกเป็นการหยิบหนังดังชิ้นโบว์แดงซึ่งอยู่ในความทรงจำของเหล่าวัยรุ่นยุค 2000s กันมาปรับให้มีความร่วมสมัยมากขึ้น ประกอบกับการได้ดาวรุ่งอย่างโอลิเวีย ร็อดริโก มารับบทเป็นนางเอกด้วย โดยสิ่งที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในเวอร์ชั่นซีรีส์นั้นคือกลุ่มตัวละครที่คลั่งไคล้ในหนังและละครเวทีประเภทมิวสิคัล โดยเราจะได้เห็นกระบวนการทำงานละครเวทีอย่างเจาะลึกและสนุกไปกับความรักกุ๊กกิ๊กของเหล่าหนุ่มสาว
อารัมภบทมายาวเฟื้อยเพื่อที่จะบอกว่าทิม เฟเดอร์เล กับผลงานหนังเรื่องล่าสุดของเขาในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรก Better Nate Than Ever คือจดหมายรักที่เขามีต่อวงการละครเพลง เป็นการบอกเล่าความรู้สึกของตัวเองในวัยเยาว์ที่เคยรู้สึกเป็นคนนอก ผู้ใฝ่ฝันอยากไปจะโลดแล่นอยู่ในแสงไฟ โดยเล่าผ่านตัวละครอย่างเนท (รูบี้ วู๊ด) ตัวเอกของเรื่อง
เนท เด็กชายวัย 13 ปี ผู้หลงใหลในละครเวทีและละครเพลงชนิดเข้าเส้น ในระดับที่ขนาดที่แม่ของเขาระบุประเภทของละครเพลงผิดไปเป็นละครบทพูดธรรมดา เขาถึงกับหัวร้อนจนต้องแก้ต่างว่าแม่ของตัวเองกำลังจำผิด เนทมีพี่ชายสุดห้าวอย่างแอนโธนี่ (โจชัว บาสเซตต์) ที่ดูจะไม่ค่อยปลื้มที่มีน้องชายออกอาการตุ้งติ้งและเจ้าสำอาง ขนาดทาลิปกลอสเพื่อไม่ให้ปากแตกเพราะอากาศแห้ง
ถึงตรงนี้เราก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าตัวละครอย่างเนท นั้นเขาเป็นตัวละคร LGBTQ แม้คนดูอาจจะยังลังเลในตอนแรก แต่เมื่อพ่อแม่ของเขาให้การซับพอร์ทว่า การที่ลูกชายของตัวเองจะแวะไปค้างคืนที่บ้านของเพื่อนสาวสนิทอย่างลิบบี้ (อาเรีย บรูกส์) ได้อย่างสบายใจไม่ขัดเขิน จนพี่ชายอย่างแอนโธนีถามพ่อเขากลับว่า “ทำไมทีผม ไม่ยอมให้ไปค้างบ้านเพื่อนผู้หญิงบ้างล่ะ” พ่อของเขากล่าวว่า “มันไม่เหมือนกัน เพราะเนทเขา “แตกต่าง”” เราจึงมั่นใจได้เลยว่าครอบครัวนี้มองลูกชายด้วยสายตาที่เข้าใจในเพศสภาพและสิ่งที่เนทเป็น
ระหว่างที่พ่อและแม่ของเนทมีโปรแกรมจะไปเที่ยวพักร้อนที่ต่างเมือง แผนการแอบหนีพ่อแม่ไปออดิชั่นเป็นตัวเอกในละครมิวสิคัลเรื่องใหม่อย่าง “Lilo & Stitch” ที่นิวยอร์กของเนทจึงเริ่มต้นขึ้น เมื่อเขารวมหัวกับลิบบี้ ในการขึ้นรถทัวร์จากรัฐเพนซิลเวเนียเพื่อเดินทางไปยังจุดหมาย ระหว่างทางเนทได้หลับฝัน (และแน่นอนว่ามันถูกเล่าเป็นละครมิวสิคัล) โดยความฝันดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นว่าสิ่งที่ตัวเนทปรารถนาที่สุดในชีวิตคือการได้ไปโลดแล่นอยู่บนเวที ได้แสดงเป็นตัวละครที่มีผู้ชมจ้องมอง
ระหว่างการออดิชั่น ที่เนทเองก็ตีเนียนเข้าร่วมทดสอบบท เพราะตามกฎแล้วเด็กที่อายุต่ำกว่า 15 ปีจะต้องมีผู้ปกครองมาเซ็นใบอนุญาต แน่นอนว่าทุกอย่างดูสะดวกโยธิน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องออดิชั่นนั้น เนทเองก็ไม่ได้หวาดกลัวที่พรีเซนต์ความสามารถของตัวเอง แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเมื่อกางเกงขาดกลางคัน เหตุการณ์ในวันนั้นจบลงที่เขาไม่ผ่านการคัดเลือก แต่ใครจะไปเชื่อเมื่อจู่ๆ ความกล้าของเขาก็ดันไปเข้าตาคณะกรรมการคนหนึ่งที่เรียกเนทกลับไปทดสอบบทอีกครั้ง!
อีกหนึ่งตัวละครที่สำคัญที่ปรากฏตัวขึ้นระหว่างทางนั่นคือป้าไฮดี้ (ลิซา คูโดรว์) ซึ่งมาเจอเนทที่สถานที่ออดิชั่นโดยบังเอิญ ตัวละครนี้ได้กลายเป็นภาพสะท้อนอดีตคนที่เคยตะกายฝัน แต่ไม่มีโอกาสจะได้ไปเป็นดาวที่เจิดจรัสอย่างที่ตั้งใจซักที เรื่องราวของตัวละครนี้จัดได้ว่าน่าสนใจเอามากๆ เมื่อเนทได้แสดงความเข้าอกเข้าใจว่าทำไม ป้าไฮดี้ถึงไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของแม่เนท นั่นก็เพราะในวันเดียวกันนั้นเอง เธอได้รับข้อเสนอในการไปออดิชั่นเป็นตัวละครที่เธอฝันเอาไว้มาทั้งชีวิต แน่นอนว่าทุกอย่างมีสิ่งที่ต้องแลกและผลจากการตัดสินใจก็มีราคาที่จะต้องจ่ายเช่นกัน
อย่างไรก็ตามแม้ว่าป้าไฮดี้จะรู้สึกว่าตัวเธอเองล้มเหลวที่จะตะกายฝัน ปัจจุบันเธอแก่ตัวลง ทำงานอยู่ในบริษัทแคทเทอริ่ง เสิร์ฟอาหารตามงานอีเวนท์ และเช่าห้องพักอยู่ในย่านควีนส์ที่เสื่อมโทรม แต่เธอก็ยังมีฝันว่าสักวันตัวเองจะทำในสิ่งที่ตัวเองตั้งใจไว้ให้ได้ แน่นอนว่าคำพูดที่เยียวยาและเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดคือ การที่หลานเธออย่างเนทพูดว่า “ไม่ว่ายังไง สิ่งที่ป้าทำคือฮีโร่สำหรับผมเสมอนะครับ” มันอาจจะไม่ได้มากมาย แต่นั่นคือสิ่งที่ทำให้เธอรู้ว่าอย่างน้อยความพยายามของเธอยังมีคนมองเห็นอยู่
อย่างที่เรารู้กันดีว่าหนังประเภทตัวละครตะกายฝัน จะต้องมีฉากไคลแมกซ์ที่ตัวเอกจะต้องไปพิสูจน์ความสามารถของตัวเองให้เป็นที่ประจักษ์แก่คณะกรรมการ เช่นกัน Better Nate Than Ever มีฉากภาคบังคับดังกล่าว แต่มันถูกนำเสนอออกมาได้อย่างลงตัว สอดรับกับซับพล็อตของละครเพลงที่ดัดแปลงมาจากแอนิเมชั่น Lilo & Stitch เมื่อตัวละครอย่างสติชที่เป็นมนุษย์ต่างดาว (และคนดูทราบกันดีว่ามันพูดไม่ได้) แต่เพลงในละครเวทีเรื่องนี้จะทำให้ตัวละครดังกล่าวสามารถระบายความในใจของตัวเองออกมาผ่านบทเพลง ไม่ต่างอะไรจากเนทที่ต้องพยายามปลดปล่อยตัวตน เอาชนะความกลัว และฉายแสงในตัวเองออกมาให้คนอื่นได้เห็นถึงความสามารถที่เขาสั่งสมมา
ท้ายที่สุดเราต้องขอชื่นชมการแสดงของน้องรูบี้ วู๊ดที่รับบทเนทได้อย่างเข้าถึง สะพรึงและเอาอยู่ทุกฉากทุกตอน ทั้งร้อง ทั้งเล่น รวมไปถึงแสดงอารมณ์ในหลากหลายมิติ จนเราอาจจะกล่าวได้เลยว่าเด็กคนนี้มีของอยู่ในตัวเยอะมาก ไม่ธรรมดา ต้องจับตามองกันยาวๆ เขาน่าจะเป็นดาวรุ่งคนต่อไปในวงการภาพยนตร์อย่างแน่นอน
Better Nate Than Ever คือหนังฟีลกู๊ด ร่วมสมัยและเติมพลังใจในยามเหนื่อยล้า ว่าตราบใดที่เรายังมีฝัน จงอย่าหยุดฝัน หยุดลงมือทำ เพราะวันที่เรารอคอยอาจจะยังรอเราอยู่ แค่มันยังไม่ถึงเวลาของเราก็เป็นได้
Better Nate Than Ever สตรีมมิ่งได้ทาง Disney+ Hotstar