Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ว่าด้วยเรื่องของเวลาและการเติบโตของชายหนุ่ม

Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ว่าด้วยเรื่องของเวลาและการเติบโตของชายหนุ่ม

Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ว่าด้วยเรื่องของเวลาและการเติบโตของชายหนุ่ม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

Fast & Feel Love เร็วโหด..เหมือนโกรธเธอ ผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากค่ายหนังอารมณ์ดี GDH และยังเป็นผลงานการกำกับเรื่องล่าสุดของเต๋อ-นวพล ธำรงรัตนฤทธิ์ แม้ว่าหนังจะเปิดตัวด้วยรายได้สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประมาณ 2.92 ล้านบาท* ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ แต่ความน่าสนใจของหนังเรื่องนี้มีประเด็นว่าด้วยเรื่องของ “เวลาในชีวิต” น่าหยิบมาชวนคุยกัน

เรื่องราวใน Fast & Feel Love พูดถึงชีวิตของเกา (ณัฏฐ์ กิจจริต) ชายหนุ่มผู้มีความฝันว่าสักวันเขาจะเป็นแชมป์กีฬาสแต็ค (Sport Stacking) หรือกีฬาเรียงแก้วระดับโลก ระหว่างที่เขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย ความฝันของเขาดูกลายเป็นเรื่อง “น่าจะเป็นไปไม่ได้” จากอาจารย์ในรั้วโรงเรียนที่ดูจะยึดโยงกับค่านิยมในห้วงเวลาดังกล่าวประมาณว่า “ไม่หมอ ก็วิศวะ” ถึงจะมีอนาคต ดังนั้นความฝันประเภท อยากเป็นแร็ปเปอร์ระดับโลก ปลูกกัญชาขาย จึงถูกปัดตกไปโดยปริยาย

ระหว่างที่เกาพยายามซ้อมฝีมือ เขาก็ได้พบกับเจ (อุรัสยา เสปอร์บันด์) สาวลูกครึ่งที่ไม่มีทักษะอะไรโดดเด่นเลยนอกจากจะได้คะแนนวิชาภาษาอังกฤษเกรดสี่และใจดีกับคนรอบข้าง แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเมื่อเธอมาอยู่ใกล้กับเกา เขาจะสามารถทำเวลาวางแก้วสแต็คได้รวดเร็วขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ และนั่นกลายเป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่ชายหญิงทั้งสองคนปลูกต้นรักกัน เพราะต่างฝ่ายต่างมอบคุณค่าบางอย่างในชีวิตของกันและกัน (และเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกันด้วย)

เป้าหมายในชีวิตของเกาคือการทำลายสถิติเวลาเรียงแก้วที่น้อยที่สุดของตัวเองลง เพื่อให้เขาได้รับเงินรางวัลในทุกๆครั้งที่เขาสามารถพิชิตสถิติเดิมของตัวเองได้ เกาตัดสินใจร่วมกับเจว่า ทั้งสองจะไปซื้อบ้านเดี่ยวที่เงียบสงบและไม่มีปัจจัยรบกวนสมาธิของเกา ดังนั้นกิจวัตรอย่างอื่นนอกเหนือจากการฝึกทั้งหมด จึงกลายเป็นหน้าที่ของเจในการดูแล ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร ขัดห้องน้ำ ซักผ้าหรือกระทั่งเรื่องง่ายๆอย่างการจ่ายใบเสร็จค่าน้ำค่าไฟ

เกาในวัย 30 ปี ผู้ได้รับฉายาว่าหัตถ์พระเจ้า กับสถิติ 4.7 วินาทีเขาตกเป็นเป้าหมายสำคัญของผู้ท้าชิงชัยจากทั่วโลก เพื่อล้มแชมป์ จนกระทั่งการปรากฏตัวของเอ็ดเวิร์ด เด็กชายลึกลับจากอีกซีกโลกที่มาพร้อมกับสถิติใหม่ ซึ่งเขาทำได้รวดเร็วว่าเกาเพียงไม่กี่เสี้ยววินาที และนั่นเองทำให้ทุกอย่างในชีวิตของเกาเริ่มสั่นคลอน

ประเด็นต่างๆที่เกิดขึ้นในทุกช่วงจังหวะของหนัง ไม่ว่าจะเป็นความพยายามเหน็บแนมประชดประชัน “ผู้ใหญ่” ที่เคยปรามาสความฝันของวัยรุ่น ว่าเป็นเรื่องไกลตัวและคงเป็นไปไม่ได้ แต่ทุกอย่างก็ถูกพิสูจน์ด้วยกาลเวลาและความพยายาม ว่าทุกสิ่งล้วนแล้วสามารถเกิดขึ้นได้จริง แต่ความสำเร็จของใครสักคนนั้นอาจจะต้องมาพร้อมกับปัจจัยและสิ่งแวดล้อมที่จะสนับสนุนให้บุคลากรสักคนสามารถพัฒนาตัวเองและเดินไปถึงเส้นชัยที่วางเอาไว้

ตลอดเวลาที่ผ่านมา การเป็นแชมป์ระดับโลกของเกา เพราะเขามีเจ ในการคอยดูแลสิ่งจุกจิกกวนใจ แต่เมื่อวันหนึ่งความฝันของเจเอง ที่เธอหวังเอาไว้ว่า เธออยากเป็นแม่คน มีลูก มีความสุขกับครอบครัวกลายมาเป็นปัจจัยที่เธอต้องการ แต่ดูเหมือนว่าเกาจะไม่สามารถให้เธอได้ เจจึงส่งสัญญาณให้กับเกาได้รู้ว่า เธอกำลังจะเดินออกไปจากชีวิตเขาแล้ว

ในวันที่เจไม่อยู่ เราจะเห็นได้ทันทีว่า สมาธิของเกากระเจิดกระเจิง เขาไม่สามารถโฟกัสกับสถิติเติมได้อีกต่อไป ในหลายๆครั้งเขา “ช้าลง” อย่างไม่มีคำตอบ เพราะมันมีสิ่งต่างๆเข้ามารบกวนในสมองเต็มไปหมด วิธีที่ง่ายที่สุดสำหรับเกาคือความพยายามในการงอนง้อเจให้กลับมา แต่ทางฝั่งเจเองก็มีวิธีที่ไม่ใช่การแก้เผ็ดซะทีเดียว แต่เป็นการ “สอน” ให้ผู้ชายที่เธอรักเติบโตและเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ ในสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน อาทิ การขัดห้องน้ำ เข็ดฝุ่นม่านมูลี่ เป็นต้น

เมื่อ Fast & Feel Love พยายามพูดถึงการทำลาย “เวลา” หรือ “สถิติ” ที่ตัวเองเคยสร้างเอาไว้ ความเร็วของเกาที่ได้มานั้นคือการ ฉกฉวยเวลาจากคนอื่นหรือไม่ อันนี้คือสิ่งที่น่าตั้งคำถาม เมื่อเจาะลึกลงไปแล้วเราจะพบว่า การที่เกาไม่ต้องโฟกัสเรื่องอื่นๆในชีวิต และมีคนอย่างเจ หรือกระทั่งแม่บ้านอย่างเมทัล (โปเต้-อนุสรากอสัมพันธ์) มาคอยแก้ปัญหาเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องให้ ทำให้เขา “ไวขึ้น” จริง แต่เมื่อปัจจัยเกื้อหนุนเหล่านั้นหายไป เกาก็พบว่าตัวเองช้าลงเพราะต้องเจียดเวลาไปคิดเรื่องอื่น

ประกอบกับการปรากฏตัวของเอ็ดเวิร์ด รวมไปถึงน้องไผ่หลิว (เพลง-คีตภัทร ป้องเรือ) โดยเฉพาะคนหลังที่เป็นเด็กในชั้นเรียนสแต็คของเกาเอง เธอสามารถทำลายสถิติ 4.7 วินาทีที่เกาเคยทำเอาไว้เช่นกัน เหล่านี้พอจะบอกได้ว่า ตัวละครทั้งสองคือตัวแทนของ “คนรุ่นใหม่” ที่กำลังจะมาลบสถิติเดิมๆของคนในช่วงวัยอย่างเกา เคยทำเอาไว้ จนทำให้เกาเองก็ต้อง “เรียนรู้” เทคนิคจากไผ่หลิวด้วยเช่นกัน

จะว่าไปแล้ว Fast & Feel Love คล้ายกับบทบันทึกช่วงชีวิตของคนในเจนเนอเรชั่น Y สอดรับกับวัยของตัวละครหลักอย่างเกาและเจ โดยในห้วงเวลานี้ต้องเผชิญกับจุดเปลี่ยนของชีวิต คลื่นลูกใหม่ที่กำลังมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน สุขภาพ (อาการปวดหลังต่างๆนานา) รวมไปถึงภาระหน้าที่ที่ต้องหวนกลับมารับผิดชอบ (ความแก่ตัวของแม่เกา) องค์ประกอบเหล่านี้เองที่ทำให้คนในวัยเลข 3 เริ่ม “ช้าลง” และเข้าใจกับสิ่งต่างๆในชีวิตมากขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะบางครั้งความฝันที่เราเคยมีและทุ่มเทเวลาให้กับมันอย่างเต็มเปี่ยม บางทีเราอาจจะต้องเจียดเวลาที่เคยมี ไปให้กับสิ่งอื่นๆบ้าง ก็เท่านั้นเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook