[เปิด Netflix มารีวิว] Yaksha: Ruthless Operations เมื่ออัยการขอออกงานเป็นสายลับ
แรกเริ่มเดิมที Yaksha: Ruthless Operations จะปล่อยทางโรงภาพยนตร์ แต่เรื่องด้วยสถานการณ์โควิด ทำให้ค่ายหนังตัดสินใจขายสิทธิ์การฉายให้กับทาง Netflix และได้ปล่อยลงสตรีมมิ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยมีนักแสดงนำอย่าง ซอลคยองกู และ พัคแฮซู (Squid Game) ร่วมขบวนความระห่ำ
ตัวหนังบอกเล่าเรื่องราวของคังอิน (ซอลคยองกู) หัวหน้าทีมปฏิบัติการลับ NIS ที่เมืองเสิ่นหยาง ประเทศจีน เขาได้รับฉายานามว่า “ยักษ์” เพราะอุปนิสัยเลือดเย็นและทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ แม้ว่าจะต้องถึงขั้นเลือดตกยางออกก็ตาม ในขณะที่ฮันจีฮุน (พัคแฮซู) อัยการในสำนักงานอัยการเขตกลางกรุงโซล ซึ่งเป็นข้าราชการประเภทยอมหักไม่ยอมงอ พร้อมพุ่งชนคนผิดในทุกสถานการณ์ เรียกได้ว่ายึดหลักกฎหมายไม่แคร์หน้าอินทร์หน้าพรหม ถูกลดขั้นในการทำงานเพราะไปงัดข้อกับนักธุรกิจดังที่น่าจะมีเอี่ยวกับการขายชาติ เขาจึงอาสาที่จะไปตามสืบการทำงานของคังอิน ที่ทางการเชื่อว่าเขากำลังซ่อนความลับบางอย่างของภารกิจเอาไว้
แม้จะเป็นหนังแนวสายลับ แต่เอาเข้าจริง Yaksha: Ruthless Operations มีความเป็นหนังมาเฟียแก๊งสเตอร์อยู่ไม่เบาเลยทีเดียว เพราะในเรื่องมีทั้งเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น จีน ตบเท้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในการล้วงไส้ของอีกฝ่ายกันอย่างสนุกมือ ซึ่งเกมชิงไหวชิงพริบระหว่างตัวละครนั้น สร้างความกังขาให้กับคนดูอยู่ตลอดเวลาว่าตกลงแล้ว ตัวละครอย่างคังอินนั้น “ดีหรือร้าย” กันแน่
จะว่าไปแล้วจริงๆบทสรุปของเรื่องอาจจะไม่ได้อยู่เหนือการคาดเดานัก เพราะหนังพูดประเด็นว่าด้วยการคอรัปชั่น ดังนั้นตัวละครสำคัญที่น่าจะมีเอี่ยวกับเรื่องราวเหล่านี้น่าจะต้องเกี่ยวข้องกับบรรดาผู้มีอิทธิพลในสังคม นั่นก็หมายถึงบรรดานักธุรกิจ (แหล่งเงินทุน) และผู้ที่ทำงานให้กับภาครัฐ (คนในองค์กรรัฐบาล) ดังนั้นบรรดาคนในระดับปฏิบัติการที่เป็นด่านหน้าจึงต้อง “รับขี้” และ “เสี่ยงอันตราย” จากสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญ
จะว่าไปบรรดาฉากแอ็คชั่น มีครบทุกแบบ ทั้งฉากต่อยตี ดวลหมัด ขับรถไล่ล่า ปฏิบัติการแนวโจรกรรม แผนการเข้าชิงตัวประกัน เรียกได้ว่ามีครบในทุกสไตล์ที่คอหนังบู๊มองหา ในขณะเดียวกันการสร้างตัวละครแบบขั้วขัดแย้งแบบชัดเจนผ่านตัวละครคังอินและฮันจีฮุน ซึ่งอยู่คนละขั้วตรงข้ามในสิ่งที่ตัวเองเชื่อมั่น จนนำมาซึ่งปัญหาที่ลุกลามบานปลายในเวลาต่อมา เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ขับเคลื่อนให้เรื่องราวใน Yaksha: Ruthless Operations ได้สะท้อนมุมมองที่ว่า ในโลกของการทำงานนั้น ถ้าหากคนที่ทำงานร่วมกันแต่ไม่ยอมเปิดใจคุยกัน ปรับทัศนคติจูนเข้าหากันให้ทันเวลาแล้วล่ะก็ อาจจะนำมาซึ่งหายนะที่ไม่อาจจะแก้ไขได้ทันก็เป็นได้