"ซือมู่ หลิว" โพสต์ขอบคุณอดีตหัวหน้าที่ไล่เขาออก เลยได้สานฝันเป็นนักแสดงฮอลลีวูด
การตกงานอาจเป็นเรื่องที่น่ากลัวและทำให้หลาย ๆ คนที่ต้องเผชิญต่างก็รู้สึกเหมือนราวกับโลกสลาย ไม่แตกต่างกับ ‘ซือมู่ หลิว’ (Simu Liu) นักแสดงวัย 32 ปีที่แจ้งเกิดได้อย่างงดงามกับการรับบทนำในภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรจากเอเชียของ Marvel Studios เรื่องแรก ‘Shang-Chi and The Legend of The Ten Rings‘ (2021) ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกมากกว่า 432 ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้อันดับต้น ๆ ในช่วงที่มีการระบาดของโรคโควิด-19
แต่กว่าที่เขาจะมีวันนี้ เขาเองก็เคยต้องต่อสู้ชีวิต (และโดนชีวิตสู้กลับ) ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างที่ทราบกันว่า ครั้งหนึ่งเขาเองเคยเป็นนายแบบ ภาพ Stock Photo ที่ทุกวันนี้กลายเป็นไวรัลและมีมบนโลกอินเทอร์เน็ตไปแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่า เขาเองก็เคยมีประสบการณ์ ‘ตกงาน’ แบบกะทันหันไม่ทันได้ตั้งตัว และรู้สึกเหมือนชีวิตกำลังจะจบลง ไม่ต่างจากคนทั่ว ๆ ไปอย่างเรา ๆ แม้แต่น้อย
เมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา เขาได้โพสต์เล่าเรื่องประสบการณ์การตกงานของเขาผ่านทางแฟนเพจ Facebook และ Instragram ของเขาเอง โดยเหตุผลที่เขาเล่าเรื่องนี้ก็เพราะว่า ในปี 2022 นี้ เขาผ่านเหตุการณ์การตกงานจากอาชีพนักบัญชีมาจนครบ 10 ปีแล้ว
เมื่อปี 2011 เขาได้เข้าทำงานเป็นพนักงานบัญชี ที่สำนักงานตรวจสอบบัญชี ‘ดีลอยต์’ (Deloitte) สำนักงานเมืองโตรอนโต (Toronto) ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นบริษัทด้านบัญชีที่ใหญ่ติดอันดับที่ 4 ของโลก ซึ่งถือเป็นงานแรกในชีวิต ก่อนที่เขาจะถูกเลิกจ้างแบบกะทันหัน หลังจากทำงานได้เพียงแค่ 8 เดือน
เนื้อความที่เขาโพสต์มีดังนี้ :-
“เมื่อสิบปีที่แล้ว ผมถูกเรียกตัวให้ไปยังสำนักงานสำนักงานหุ้นส่วนผู้จัดการที่บริษัท Deloitte พวกเขาบอกกับผมว่า เขากำลังจะเลิกจ้างผม โดยมีผลในทันที เจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลหญิง และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พาผมกลับไปที่หน้าสำนักงานที่ตกแต่งแบบเปิดโล่ง
“มันเงียบซะอย่างกับว่าได้ยินเสียงเข็มหล่น ไม่มีใครขยับเขยื้อน เข้ามากระซิบให้กำลังใจ หรือแม้แต่มองมาทางผมเลย ผมรู้สึกเหมือนกำลังต่อสู้กับน้ำตาและความอับอาย ผมคว้าสิ่งของของผม แล้วเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีกเลย
“สิบปีที่แล้ว ผมคิดว่าชีวิตของผมคงจบลงแล้ว ครอบครัวของผมเสียเวลาและเงินจำนวนนับไม่ถ้วนไปกับการลงทุนให้ผม ทั้งการศึกษา ติวในห้องเรียนพิเศษ เพื่อที่ผมจะได้พยายามทำตามความคาดหวังของพ่อและแม่ แต่ทุกอย่างดูเหมือนพังทลายลงในพริบตา
“ทุก ๆ วันที่ 12 เมษายน ผมมักจะนั่งครุ่นคิดและตลกไปกับเรื่องนี้ แต่ปีนี้ มันคือ “ปีที่สิบ” เข้าไปแล้ว ดังนั้น คุณคงเข้าใจความรู้สึกของผมจริง ๆ ผมรู้ว่าต้องมีบางคนที่เคยอ่านหนังสือของแกลดเวลล์ (1) โดยเฉพาะกฎสิบปี หรือ กฎ 10,000 ชม. (2) อะไรนั่นแหละ
“แม่เจ้า มันเป็นการเดินทางที่เหลือเชื่อจริง ๆ ผมใช้เวลาสี่ปี วิ่งไปวิ่งมาเหมือนไก่หัวขาด เพื่อพยายามจะเข้าไปทำงานในอุตสาหกรรมนี้ ดิ้นรนแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต และทำงานทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ และใช้เวลาสามปีในการพยายามบุกเข้าไปในฮอลลีวูด จมเงินออมที่มีค่าของผมไปกับสิ่งที่หลายคนเรียกมันว่าความฝันที่ไร้สาระ จากนั้น เพียงแค่สามปี สิ่งที่ผมทำไปก็เริ่มจะเห็นผล
“ผมรู้แหละว่าโชคก็มีบทบาทต่อความสำเร็จของผม แต่ผมแน่ใจเลยว่า ถ้าผมไม่ได้รับโอกาสแสดงในสองบทบาทที่เปลี่ยนชีวิต ผมก็ยังคงค้นหาจุดมุ่งหมาย ในการแสวงหาความสำเร็จด้วยตัวของผมเองต่อไป ไม่ใช่คำจำกัดความของพ่อแม่ – แต่เพื่อตัวผมเองเท่านั้น
“ผมไม่รู้ว่าใครอยากจะได้อยากจะได้ยินเรื่องนี้ไหม แต่เงินมากเท่าไหร่ก็ไม่มีค่ามากที่จะประนีประนอมกับวิสัยทัศน์ของคุณ ที่จะทำเพื่อตัวของคุณเอง การวิ่งไล่ตามความฝัน โดยเฉพาะความฝันของคุณ ในทุก ๆ โอกาส นั่นแหละคือสำคัญในชีวิตของคุณ
สวัสดี Facebook, 12 เมษายน
“ถึงพอล กิบบอน (Paul Gibbon) และสำนักงาน Deloitte ที่โตรอนโต (Toronto) ผมขอแสดงความนับถืออย่างใจจริง และขอขอบคุณ คุณทำให้ผมทำในสิ่งที่ผมไม่เคยกล้าหาญที่จะทำด้วยตัวเอง คุณทำลายชีวิตของผมที่ทำแต่เพื่อคนอื่น เพื่อที่ผมจะได้เริ่มสร้างชีวิตใหม่ ที่ทำเพื่อตัวผมเองได้ในที่สุด”
จากนักบัญชี สู่การรับบทซูเปอร์ฮีโรเอเชียคนแรกของ Marvel Studios
ซือมู่ หลิว เกิดในเมืองฮาร์บิน (Harbin) ประเทศจีน ก่อนที่จะอพยพย้ายตามพ่อแม่ไปอยู่ที่เมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดาตอนที่เขาได้อายุ 5 ขวบ เขาเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาในโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยโตรอนโต (University of Toronto Schools) ก่อนจะเข้าเรียนต่อในสาขาการบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งเวสเทิร์นออนทาริโอ (University of Western Ontario) ในปี 2011 ผลการเรียนของเขาทำได้ดี จนทำให้เขาสำเร็จการศึกษา และได้เข้ารับปริญญาบัตรระดับเกียรตินิยมทางด้านบริหารธุรกิจ หรือ ‘Honours Business Administration’ (HBA)
หลังจากเรียนจบ เขาได้เข้าทำงานแรกเป็นพนักงานบัญชี ที่สำนักงานตรวจสอบบัญชี ‘ดีลอยต์’ (Deloitte) สำนักงานเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา ซึ่งเป็นบริษัทด้านบัญชีที่ใหญ่ติดอันดับที่ 4 ของโลก แต่แม้ว่าเขาจะเรียนมาทางด้านบัญชีโดยตรง และเขายอมทุ่มเงินเก็บที่มีเกือบทั้งหมดไปกับการถ่ายรูปเพื่อใช้ในการสัมภาษณ์งานในบริษัทระดับโลกแห่งนี้
แต่การทำงานในตำแหน่งพนักงานบัญชีของเขา ไม่ทำให้เขามีความสุขเลย เพราะเขาไม่ได้ทำงานอย่างที่ตัวเองอยากจะทำและเป็นเป้าหมายในชีวิต แต่ทว่าเขาต้องทำงานตามความคาดหวังของพ่อและแม่ ที่ต้องการให้เขาทำงานที่มั่นคง
8 เดือนหลังจากฝืนทำงานบัญชีด้วยความทรมาน เขาถูกเรียกตัวเข้าไปพบในสำนักงาน ก่อนจะทราบข่าวร้าย เมื่อฝ่ายบุคคลแจ้งให้เขาพ้นสภาพการเป็นพนักงาน เขามีเวลาเพียงแค่ 10 นาทีในการเก็บของออกจากบริษัทอย่างรวดเร็วโดยที่แทบจะไม่ทันตั้งตัวและไม่ได้ร่ำลาใครเลยด้วยซ้ำ
เขาเล่าเผยว่า ในวันนั้น การถูกไล่ออกกะทันหัน เงินเก็บของเขาที่เริ่มมีอยู่ร่อยหรอ และหนี้บัตรเครดิตที่เขามี ทำให้เขารู้สึกเหมือนกับว่าชีวิตของเขากำลังจะล่มสลายแล้ว แต่ในภายหลัง เขากลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่บริษัทตัดสินใจไล่เขาออกในวันนั้น
เพราะเขารู้สึกว่า แม้จะทรมานในการทำงานบัญชีที่เขาไม่ได้รัก แต่เขาก็ต้องแบกความคาดหวังของพ่อกับแม่เอาไว้ จนไม่มีความกล้ามากพอที่จะขอลาออกด้วยตัวเอง หลังจากโดนไล่ออก เขาจึงเลือกที่จะใช้เวลานี้ในการเริ่มต้นไล่ตามความฝันที่เขามีตั้งแต่วัยเด็ก นั่นก็คือการเข้าไปอยู่ในฮอลลีวูด
“ตอนนั้น มีอะไรบางอย่างบอกกับผมว่า ผมควรใช้เวลาไล่ตามสิ่งที่ผมไม่เคยทำมาก่อน บางทีก็อาจจะแค่ต้องลองทำดู ผมหดหู่มาก ๆ ตอนที่เป็นนักบัญชี อย่างน้อย ๆ (ช่วงที่ว่างงาน) ก็ควรจะใช้เวลาสัก 2-3 เดือนในการทำอะไรดี ๆ ให้กับชีวิตบ้าง นั่นก็คือทำสิ่งที่วางแผนไว้แต่แรก”
“ผมโตมาเป็นลูกคนเดียว พ่อกับแม่ของผมทำงานหนักมาก โดยปกติ ผมจึงถูกเลี้ยงดูให้โตมากับทีวีและภาพยนตร์ ทุก ๆ เช้าวันเสาร์ พวกเขาจะไปส่งผมที่โรงภาพยนตร์แล้วก็พูดว่า “นี่ 20 เหรียญ จะเอาไปซื้ออะไรก็แล้วแต่เถอะ” เพราะฉะนั้น ผมก็เลยมักจะได้ดูหนัง 4-5 เรื่องในวันหยุดสุดสัปดาห์ มันทำให้ผมอยากรู้อยากเห็น และติดใจในอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาโดยตลอด”
ปี 2012 เขาเริ่มต้นทำงานแรกในฮอลลีวูดด้วยการเป็นนักแสดงประกอบ และสตันต์แมน เช่นในมิวสิกวิดีโอ “I Could Be The One” ของ ‘Avicii’ และได้มีโอกาสร่วมงานฟอร์มยักษ์เป็นครั้งแรก ในภาพยนตร์ ‘Pacific Rim’ (2013) ของผู้กำกับ ‘กีเยร์โม เดล โตโร’ (Guillermo del Toro), ‘Nikita’ (2012) และ ‘Beauty and the Beast’ (2014) และได้มีโอกาสเป็นสตันต์แมนในทีวีซีรีส์ ‘Heroes Reborn’ (2015)
“(ในภาพยนตร์ ‘Pacific Rim’) มันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เข้าไปในกองถ่าย ผมจะมาตอนตี 4 ในทุกเช้า และรับเงิน 11 เหรียญต่อชั่วโมง ซึ่งมันน้อยกว่าตอนที่ผมเป็นนักบัญชีซะอีก แต่ผมตกหลุมรักทุกสิ่งในงานนี้เลย ฉากยิ่งใหญ่และดูซับซ้อน รอบตัวผมเต็มไปด้วยนักแสดงและทีมงาน ผมรู้สึกชอบ ทุกคนดูหลงไหลและจดจ่อในสิ่งที่พวกเขาทำมาก มันเป็นโลกที่ต่างออกไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง”
หลังจากนั้น เขาก็ได้รับโอกาสในการแสดงมากขึ้น เขารับงานแสดงประกอบทั้งในละครทีวี ภาพยนตร์ หรือแม้แต่มิวสิกวิดีโอ โดยที่ไม่เกี่ยงเรื่องค่าตัวที่เขาได้รับ บางครั้งเขาก็ยอมรับงานแสดงฟรี ๆ ไม่มีค่าตัว เพื่อสั่งสมประสบการณ์และหาจุดยืนในอุตสาหกรรม จนเมื่อเขาได้รับบทบาทที่ใหญ่มากขึ้น เขาจึงต้องยอมอุทิศเวลาด้วยการไปเรียนการแสดงตอนกลางคืนเพื่อเพิ่มทักษะด้านการแสดง
ในปี 2014 นอกจากอาชีพนักแสดงแล้ว อย่างที่ทราบกันดีว่า เขาเองยังเป็นนายแบบถ่ายภาพสต็อก (Stock Photo) ควบคู่กันไปด้วย ภาพของเขาถูกธุรกิจและห้างร้านต่าง ๆ ซื้อไปใช้ในป้ายโฆษณา แผ่นพับ ปกหนังสือ และภาพประกอบในอินเทอร์เน็ตอีกมากมายนับไม่ถ้วน
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น แต่เขาก็ได้รับเงินค่าตัวเพียงแค่ 120 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น และไม่ได้รับส่วนแบ่งจากการนำภาพไปใช้เพิ่มเติมแม้แต่เหรียญเดียว แม้ในปัจจุบันเขาเองจะรู้สึกเขิน ๆ บ้างเวลาที่ได้เห็นรูปเหล่านั้นบนอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะเวลาที่รูปของเขาเหล่านั้นถูกเอามาทำเป็นมีม แต่เขาเองกลับมองมันเป็นเรื่องขำ ๆ มากกว่า
หลังจากทุ่มเทเวลาให้กับการแสดงอย่างเต็มที่ ทำให้เขาได้มีโอกาสถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลใหญ่ในอุตสาหกรรมบันเทิงของแคนาดา ทั้งรางวัล ‘ACTRA Award’ และ ‘แคนาเดียน สกรีน อวอร์ด’ (Canadian Screen Awards) ในปี 2017 จากผลงานซีรีส์ ‘Blood and Water’ (2015–2016) และการรับบทบาทหลักเป็นครั้งแรกใน ‘Kim’s Convenience’ (2016-2021) ซิตคอมยอดฮิตของแคนาดา แม้ว่าจะเป็นโอกาสเล็ก ๆ แต่ก็ทำให้เขาเริ่มฉายแววเล็ก ๆ ในฮอลลีวูดบ้างแล้ว
นอกจากมุมการเป็นนักแสดงที่จริงจังต่ออาชีพแล้ว อีกมุมหนึ่งเขาก็เป็นนักเล่นโซเชียลมีเดียที่สนุกกับการบอกเล่าเรื่องราวความเป็นเอเชียให้คนได้รับรู้อยู่เสมอ ในปี 2014 อยู่ดี ๆ เขาก็ทวีตและ Mention ถึง Marvel Studio ถามถึงความความสนใจของ Marvel ต่อซูเปอร์ฮีโรจากเอเชียบ้างหรือไม่ แม้จะเป็นการทวีตเล่น ๆ แบบไม่ได้หวังผลอะไรจริงจังขนาดนั้น แต่นั่นก็เปรียบเสมือนการปูทางไปสู่บทบาทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ
จนกระทั่งในปี 2019 เขาจึงได้มีโอกาสสำคัญและยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต ในงานคอมิก-คอน (Comic-Con International) มาร์เวล สตูดิโอส์ (Marvel Studios) ได้ประกาศว่า เขาจะได้รับบทบาทใน ‘Shang-Chi and The Legend of The Ten Rings‘ ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรเอเชียเรื่องแรกของ Marvel และนั่นก็ทำให้เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักแสดงผู้รับบทซูเปอร์ฮีโรชาวเอเชียคนแรกของ Marvel Studios ด้วยเช่นเดียวกัน
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ