Bridgerton ซีซั่น 2 เทศกาลล่าผัว ที่นัวเป็นรองจากซีซั่นเดิม
หลังจากซีรีส์ Bridgerton ที่ฮิตเกินความคาดหมายอย่างถล่มทลายช่วงปี 2020 ทำให้โครงการสร้างซีซั่น 2 ตามมาอย่างรวดเร็ว และหลังจากที่ซีรีส์ออกฉาย ก็ได้รับความนิยมจากหลากหลายประเทศทั่วโลกเช่นเคย แต่ความ “แซ่บ” ยังเท่าเดิมไหมอันนี้เราก็ไม่แน่ใจนัก
ความสำเร็จที่ถูกที่ถูกเวลา
เมื่อมองย้อนกลับไปในห้วงเวลาที่ Bridgerton ซีซั่นแรกออนแอร์ ตรงกับหุบห้วงเวลาที่หลายประเทศทั่วโลกอยู่ในสถานการณ์ล็อคดาวน์หลังจากที่โควิดระบาด ดังนั้นความบันเทิงในชีวิตที่ผู้คนทั่วไปพอจะหาได้ คือการเสพย์เรื่องราวจากหน้าจอสี่เหลี่ยม ซึ่ง Bridgerton เป็นซีรีส์ที่มาพร้อมเรื่องราวโรแมนซ์ ฉากเข้าได้เข้าเข็มสุดร้อนแรง เพลงประกอบซีรีส์ที่โดดเด่น และยังไม่รวมไปถึงการเสียดสีวรรณกรรมโรแมนซ์คลาสสิกได้อย่างแสบทรวง
Bridgerton ในซีซั่นแรกดัดแปลงมาจากผลงานเขียนของจูเลีย ควินน์ จากนิยายเล่มแรกในชื่อ The Duke and I โดยโฟกัสไปที่ตัวละครอย่าง ดาฟเน่ (ฟีบี้ ดีเนเวอร์) ลูกสาวคนโตของบ้านตระกูลบริดเจอร์ตัน ที่กำลังจะต้องเข้าพิธีเดบูตองต์ เพื่อเปิดตัวให้พระราชินีรู้จัก และยังทำให้ชายหนุ่มในวงสังคมชั้นสูงหมายตาพวกเขา เพื่อจะได้รับเลือกให้เป็นคู่ครอง พร้อมแต่งงานออกเรือนในเวลาต่อมา ทว่าดาฟเน่เองยังไม่อยากถูกคลุมถุงชนหรือต้องแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รัก เธอจึงตัดสินใจทำข้อตกลงปลอมๆกับไซมอน (เรกเก้-ฌอง เพจ) ท่านดยุคสุดแซ่บ ผู้หยิ่งยโสและมีปมในชีวิตตัวเองซึ่งทำให้เขาปฏิเสธการแต่งงานมีคู่ครอง โดยระหว่างทางของซีซั่นเราจะได้เห็นการกะเทาะมุมมองของตัวละครทั้งสองออกมาในมิติที่น่าสนใจมากมาย
ทว่าหลังจากความสำเร็จของซีซั่นแรก เมื่อมีการประกาศว่าจะสร้างซีซั่นถัดมา สิ่งที่ทำให้บรรดาแฟนซีรีส์เกิดอาการอกหักไปตามๆกัน คือการตัดสินใจของเรกเก้-ฌอง เพจที่จะไม่กลับมาแสดงในซีรีส์นี้ โดยเขาเคยเปิดเผยว่า ตอนแรกที่ตนรับแสดง Bridgerton นั้นเพราะตอนแรกจะสร้างเป็นแบบ Limited Series (แบบซีซั่นเดียวจบในเรื่องราวทั้งหมด) แต่พอกระแสตอบรับดีถล่มทลายเกินคาดจึงมีการต่อยอดซีซั่นถัดมานั่นเอง
ซีซั่นใหม่ เรื่องราวของตัวละครใหม่
โชคดีที่ Bridgerton ในนิยายแต่ละเล่มมีการเปลี่ยนตัวละครเอกของเรื่องราวอยู่ตลอด ทำให้การถอนตัวของนักแสดงอย่างเรกเก้-ฌอง เพจ ไม่ได้กระทบต่อโครงสร้างหลักๆของซีรีส์มากนัก โดยในซีซั่นที่ 2 หยิบเอานิยายในตอนที่ชื่อ The Viscount Who loved Me ซึ่งเน้นไปที่ตัวละครอย่างแอนโทนี่ (โจนาธาน เบลีย์) พี่ชายคนโตประจำตระกูลบริดเจอร์ตัน ผู้เริ่มอิ่มตัวกับชีวิตแบบเพลย์บอย เขาจึงตัดสินใจอยากจะลงหลักปักฐานกับผู้หญิงสักคนแบบเป็นเรื่องเป็นราว แต่ด้วยมาตรฐานทีเขาต้องการจากหญิงสาวในฝัน ประกอบไปด้วยคุณสมบัติภาพลักษณ์ สติปัญญาและวุฒิภาวะ ส่งผลให้แอนโทนี่ยังไม่เจอคนที่ต้องการเสียที แต่กระนั้นระหว่างที่เขากำลังขี่ม้ากลับบ้าน แอนโทนี่ได้พบกับหญิงสาวปริศนาที่กำลังควบม้าอย่างทะมัดทะแมงและดูไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเขาแม้แต่เพียงนิดเดียว และแม้ว่าจะไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนาม แอนโธนี่ก็ต้องเสน่ห์ของสาวมาดเท่คนนี้เข้าอย่างจัง
เมื่องานเดบูตองค์เวียนกลับมาถึงอีกครั้ง ทำให้แอนโทนี่ได้เต้นรำกับเอ็ดวิน่า ชาร์มา (ชาริธรา ชันดรัน) หญิงสาวที่พระราชินีเลือกให้เธอเป็นเพชรน้ำหนึ่งประจำซีซั่น และเอ็ดวิน่าก็ดูจะถูกสเปคกับแอนโธนี่เอาซะเหลือเกิน ปัญหาอยู่ที่ว่าแอนโธนี่ค้นพบว่าเธอเป็นน้องสาวของสาวควบม้าสุดเท่หรือเคท ชาร์มา (ซีโมน แอชลีย์) ซึ่งเธอกลายมาเป็นไม้เบื่อไม้เมากับเขาอยู่ตลอดเวลา ส่งผลให้เรื่องราวความรักในซีซั่นนี้วนเวียนอยู่กับประเด็น “รักสามเส้า” นั่นเอง
ประเด็นหลักไม่แซ่บเท่าเรื่องของเลดี้วิสเซิลดาวน์
หลังจากที่ตอนสุดท้ายของซีซั่นแรก ผู้ชมจะได้ทราบกันอย่างถ้วนทั่วว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังนามปากกา “เลดี้ วิสเซิลดาวน์” นั้นคือเพเนโลปี้ (นิโคลา โคแลน) สาวอวบจากครอบครัวเฟเธอร์ริงตัน บ้านที่เป็นคู่แข่งกับบ้านบริดเจอร์ตัน แต่เพเนโลปี้มีสัมพันธ์ที่ดีกับเอลูอิส (คลอเดีย เจสซี) น้องสาวของดาฟเน่ ซึ่งเธอเป็นเด็กสาวหัวขบถที่ไม่อยากจะแต่งงานเอาซะเลย เนื่องจากเธอคิดอยู่เสมอว่าคุณค่าของผู้หญิงนั้นมีอะไรมากกว่าถูกจับคู่กับผู้ชายและกลายเป็นภรรยา
ทว่าความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนซี้ก็เริ่มสั่นคลอนเมื่อเอลูลิส พยายามสวมบทนักสืบออกตามหาว่าใครกันคือ เลดี้วิสเซิลดาวน์ เพเนโลปี้ที่เก็บงำความลับอันใหญ่หลวงไว้ เธอจึงต้องพยายาม “พราง” ตัวเองให้รอดพ้นจากการขุดคุ้ย โดยครั้งนี้พระราชินีเองก็พยายามจะกระชากหน้ากากของ “สาวข่าวเมาท์” แห่งวงสังคมชั้นสูงครั้งนี้ให้ได้
ความน่าสนใจของเอลูอิส คือตัวละครของเธอเองพยายามจะเป็นนักเขียน พยายามเก็บหอมรอมริบเงินจากการเขียนข่าวซุบซิบ เธอสนุกกับการเก็บเกี่ยวเรื่องราว “ฉาวๆและไร้สาระ” ของผู้คนรอบตัวเธอมาเป็นรายได้ แต่เมื่อเธอกำลังเผชิญสถานการณ์ที่ว่ามีคนได้ล่วงรู้ตัวตนที่แท้จริงเรียบร้อย เธอจึงทำการติดสินบนเจือปนกับการยื่นข้อเสนอแบบยื่นหมูยื่นแมว เพื่อให้อีกฝ่ายรักษาความลับของตัวเองด้วยการทำให้ธุรกิจของอีกฝั่งรุ่งเรืองขึ้นจากกระแสแบบปากต่อปากด้วยเช่นกัน
เส้นเรื่องหลักของซีซั่นที่สองอาจจะวนเวียนอยู่กับรักสามเส้า (ที่แอบน่าหงุดหงิดใจ) แต่ทางฝั่งเส้นเรื่องรองที่ว่าด้วยการต่อสู้เพื่อรักษาตัวตนของตัวเองอย่างเอลูอิสนั้นเรียกได้ว่า น่าติดตามและเอาใจช่วยเธอว่าท้ายที่สุดแล้ว “เลดี้วิซเซิลดาวน์” จะโป๊ะแตกหรือเปล่า สนุกกว่าเป็นไหนๆ