เฉลยข้อสงสัย ใครคือหญิงสาวใน End Credit ตัวแรกของ Doctor Strange in the Multiverse of Madness
ความน่าสนใจของภาพยนตร์ ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ ที่เพิ่งเข้าฉายได้ไม่นานก็คือ นอกจากจะเป็นการเปิดเรื่องราวเกี่ยวกับมัลติเวิร์ส หรือแนวคิดพหุจักรวาลให้กับ MCU แบบเต็ม ๆ ครั้งแรก และมีการเปิดเผยตัวละครใหม่ ๆ อีกหลายตัว ทั้งที่เปิดเผยได้ เช่น ‘อเมริกา ชาเวซ’ (America Chavez) ที่รับบทโดย ‘โซชิล โกเมซ’ (Xochitl Gomez) และที่เป็นเซอร์ไพรส์ (ที่ตอนนี้ถูกมองว่ามาแบบ ‘เสียของ’ เหลือเกิน)
ใน End Credit ตัวแรกของภาพยนตร์ เราจะได้เห็นการมาของตัวละครบางตัว ที่รับบทโดยนางเอกแถวหน้าอย่าง ‘ชาร์ลิซ เธอรอน’ (Charlize Theron) ที่เดินทางทะลุมิติมาตามหาหมอแปลกถึงหน้าวิหารศักดิ์สิทธิ์ ที่เป็นตัวบ่งบอกชัดเจนว่า ภาพยนตร์ ‘Doctor Strange’ กำลังจะเดินทางเข้าสู่ไตรภาคอย่างแน่นอน
แม้จะดูแปลกหน้าใน MCU สักหน่อย แต่รู้หรือไม่ว่า ในจักรวาลของคอมิก เธอคืออดีตคนรัก คนสนิท และศิษย์ที่คุ้นเคยที่สุดของหมอแปลกเลยทีเดียว บทความนี้ขอพาไปรู้จักกับ ‘คลีอา’ (Clea) หลานสาวเจ้ามิติมืด และอดีตคนรักฝังใจของหมอแปลกคนนี้กัน
SPOILER ALERT! – เนื้อหาในบทความนี้ มีการเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’ จำเป็นอย่างยิ่งที่ควรรับชมภาพยนตร์ก่อนที่จะอ่านบทความนี้
เกิดอะไรขึ้นใน End Credit ตัวแรกของภาพยนตร์ ‘Doctor Strange in the Multiverse of Madness’
ในตอนท้ายของภาพยนตร์ หลังจากที่ดอกเตอร์สเตรนจ์ Earth-616 ได้ใช้พลังจากคัมภีร์ดาร์กโฮลด์ (Darkhold) คัมภีร์เวทมนตร์ด้านมืดที่แย่งชิงมาจากซินนิสเตอร์ สเตรนจ์ (Sinister Strange) หรือตัวแปรของดอกเตอร์สเตรนจ์ในอีกมิติ ด้วยการร่ายคาถาให้โน้ตดนตรีกลายเป็นอาวุธ
ดอกเตอร์สเตรนจ์ได้ใช้พลังจากคัมภีร์ดาร์กโฮลด์ ถอดดวงจิตออกจากร่าง แล้วไปสิงในศพของ ‘ดีเฟนเดอร์ สเตรนจ์’ (Defender Strange) อีกหนึ่งตัวแปรต่างมิติของเขาที่ถูกฝังไว้บนดาดฟ้าวิหาร ก่อนที่จะตื่นขึ้นในร่างซอมบี้ แล้วเดินทางไปจัดการ ‘สการ์เลต วิตช์’ (Scarlet Witch) ที่กำลังร่ายคาถาเพื่อดูดพลังจาก ‘อเมริกา ชาเวซ’ (America Chavez)
แม้หมอแปลกจะสามารถจัดการสการ์เลต วิตช์ และกลับมายัง Earth-616 ได้สำเร็จ แต่สุดท้ายด้วยพลังอำนาจของดาร์กโฮลด์ที่ส่งผลต่อผู้ที่ใช้มนต์คาถา ทำให้ดวงตาที่สามของสเตรนจ์เปิดออกแบบเดียวกับซินนิสเตอร์ สเตรนจ์ หลังจากที่เขาได้ยินเสียงดนตรีจากข้างถนนใกล้ ๆ กับวิหารศักดิ์สิทธิ์
สเตรนจ์เดินไปยังถนนที่อยู่ริมวิหาร และได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งเรียกเขา ซึ่งนั่นก็คือคลีอานั่นเอง คลีอาบอกกับสเตรนจ์ว่า ในขณะที่ประตูมิติถูกเปิดไปยังสถานที่ใดสักแห่ง พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณเป็นคนทำให้เกิดอินเคอร์ชัน* (Incursion) และเราต้องแก้ไขมัน…แต่ถ้ากลัวก็ไม่ต้อง” ในที่สุด คลีอาและสเตรนจ์ได้เดินทะลุมิติเข้าไปในมิตินั้นพร้อม ๆ กัน
อินเคอร์ชัน* หมายถึงปรากฏการณ์ที่จักรวาลต่าง ๆ ภายในมัลติเวิร์สเดินทางเข้ามาพุ่งชนกันเอง จนทำให้เกิดผลได้สองประการ คือ ทำให้จักรวาลใดจักรวาลหนึ่งถูกทำลาย หรือทำให้จักรวาลทั้งสองถูกทำลายไปทั้งคู่ อีกทั้งอินเคอร์ชันยังเป็นปรากฏการณ์แบบลูกโซ่ หมายความว่า หากเกิดการล่มสลายของจักรวาลแล้ว จะกระทบให้เกิดการล่มสลายของจักรวาลอื่น ๆ ไปด้วย ในอัตราความเร็วและความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ จนทำให้มิติทุกมิติล่มสลายลงทั้งหมดในที่สุด
‘คลีอา’ คือใครใน Marvel Comics
‘คลีอา’ (Clea) ปรากฏตัวครั้งแรกในคอมิก ‘Strange Tales’ ฉบับที่ 126 ประจำเดือนพฤศจิกายน ปี 1964 สร้างสรรค์โดย ‘สแตน ลี’ (Stan Lee) และ ‘สตีฟ ดิตโก’ (Steve Ditko) คลีอาเป็นหนึ่งในจอมเวทสูงสุด (Sorcerer Supreme) แห่งมิติมืด (Dark Dimension) ที่ทรงพลังแบบเดียวกับดอกเตอร์สเตรนจ์
คลีอาเป็นบุตรสาวของ ‘เจ้าชายโอรินี’ (Prince Orini) เป็นหลานปู่ของโอลนา (Olnar) อดีตผู้ปกครองมิติมืด (Dark Dimension) โดยแม่ของเธอคือ ‘อูมาร์’ (Umar) จอมเวทจากเผ่าฟัลไทน์ (Faltine) ซึ่งมีศักดิ์เป็นน้องสาวของ ‘ดอร์มัมมู’ (Dormammu) ผู้ปกครองมิติมืด (Dark Dimension) ในปัจจุบัน หรือที่รู้จักในฐานะศัตรูตัวหลักของดอกเตอร์สเตรนจ์นั่นเอง
การกำเนิดของคลีอา ทำให้อูมาร์สูญเสียความสามารถในการเปลี่ยนร่างจากมนุษย์กลับสู่ร่างของชนเผ่าฟัลไทน์ รวมทั้งความขัดแย้งหลายอย่าง ทำให้เธอตัดสินใจหนีออกจากมิติแห่งความมืด และทอดทิ้งคลีอาไว้กับเจ้าชายโอรินี และดอร์มัมมูผู้มีศักดิ์เป็นลุง โดยที่เจ้าชายโอรินี ได้ปิดบังเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ของคลีอาไว้เป็นความลับ คลีอาเติบโตมาโดยที่ไม่เคยรู้ว่าอูมาร์คือแม่ของเธอ
ดอร์มัมมู มีความพยายามที่จะยึดครองโลกอยู่หลายครั้ง ในการยึดครองโลกครั้งหนึ่ง ‘แองเชียนวัน’ (Ancient One) ได้ขอให้ดอกเตอร์สเตรนจ์เดินทางไปยังมิติแห่งความมืดเพื่อหยุดยั้งแผนของดอร์มัมมู ณ ที่นั้น เขาได้พบเจอกับคลีอา ที่กำลังเฝ้ามองสเตรนจ์ด้วยความชื่นชมมาโดยตลอด
คลีอาพยายามห้ามปรามไม่ให้สเตรนจ์เผชิญหน้ากับดอร์มัมมู แต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยความประทับใจในความมุ่งมั่นของสเตรนจ์ที่พร้อมจะสละตัวเองเพื่อต่อสู้กับเจ้าแห่งมิติมืด เธอจึงตัดสินใจให้ความช่วยเหลือสเตรนจ์ในการต่อสู้กับดอร์มัมมู
เมื่อดอร์มัมมูทราบเรื่องว่าคลีอาพยายามให้ความช่วยเหลือแก่สเตรนจ์ ลุงดอร์มัมมูจึงจับหลานคลีอาไปกักขัง และวางแผนจะลงโทษเธอ ข้อหากระทำการทรยศหักหลัง ในระหว่างนั้น ‘เดอะ ไมน์เลส วัน’ (The Mindless Ones) กองทัพสัตว์ประหลาดผู้ไร้จิตวิญญาณได้บุกเข้ามาในมิติมืด เนื่องจากเกราะป้องกันมิติอ่อนกำลังลง สเตรนจ์ได้ให้ความช่วยเหลือด้วยการเพิ่มพลังให้ดอร์มัมมูใช้ขับไล่พวกมันออกไป โดยมีข้อต่อรองว่า จะต้องปล่อยตัวคลีอา และให้คำมั่นว่าจะไม่รุกรานโลกอีก
คลีอาและสเตรนจ์ได้ช่วยกันต่อสู้กับดอร์มัมมูหลายครั้ง จนเกิดความรักซึ่งกันและกัน แต่แล้วอูมาร์ แม่ของคลีอา ได้กลับมาควบคุมมิติแห่งความมืดเอาไว้ และจับคลีอาไว้เป็นตัวประกันอีกครั้งเพื่อล่อให้สเตรนจ์มาช่วย แต่แองเชียนวันได้แนะนำให้สเตรนจ์ส่งคลีอาไปยังมิติเสริมแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ตัดสินใจว่าจะไปยังมิตินั้น แม้จะรู้ว่าทั้งคู่อาจไม่มีโอกาสได้พบกันอีก
ก่อนจะพบว่า มิตินั้นเป็นมิติเสริมที่เดียวกับที่ดอร์มัมมูถูกขังไว้ หลังการต่อสู้กับสเตรนจ์และ ‘อีเธอร์นิตี’ (Eternity) เทพเจ้าเเห่งกาลเวลาแห่งจักรวาล ดอร์มัมมูใช้จังหวะนี้วางแผนเพื่อที่จะหลบหนีออกจากมิติเสริม แต่สุดท้ายสเตรนจ์ก็สามารถเข้าขัดขวางการหลบหนี และช่วยคลีอาออกมาได้สำเร็จ
สเตรนจ์ตระหนักว่า โลกน่าจะเป็นที่ที่ปลอดภัยสำหรับคลีอา เขาจึงได้พาเธอมาอยู่บนโลกด้วยกัน สเตรนจ์ได้พาเธอไปอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในนิวยอร์กเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ และทั้งคู่ก็พัฒนาความสัมพันธ์กลายเป็นคู่รัก แต่การใช้ชีวิตบนโลก ทำให้คลีอาเริ่มสูญเสียพลังที่มีอยู่ในตัว เธอจึงใช้เวลาศึกษาเวทมนตร์ในห้องสมุดบนวิหารศักดิ์สิทธิ์ จนเมื่อสเตรนจ์กลายมาเป็นจอมเวทสูงสุด เธอจึงได้กลายมาเป็นศิษย์ของสเตรนจ์ด้วย
เธอได้รับการฝึกฝนจากสเตรนจ์ จนทำให้มีพลังเวทใกล้เคียงกับคู่รักของเธอ ทั้งคู่ได้ใช้พลังเวทต่อสู้ร่วมกันในหลาย ๆ ครั้ง และได้เข้าร่วมสมาชิกทีม ‘เดอะดีเฟนเดอร์ส’ (The Defenders) ที่สเตรนจ์ก่อตั้งขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานโลกจากดอร์มัมมู และในอีกหลาย ๆ ภารกิจ
แม้ว่าทั้งคู่จะมีความรักและผูกพันกันทั้งในฐานะคู่รัก และศิษย์กับอาจารย์ แต่คลีอาก็จำต้องสละทุกสิ่งบนโลก และกลับไปยังมิติแห่งความมืด หลังจากที่เธอถูกประชากรในมิตินั้นต้องการให้เธอกลับไปครองบัลลังก์ผู้ปกครองแห่งมิติมืดแทนดอร์มัมมูที่หายตัวไป แม้สเตรนจ์จะพยายามรั้งเธอไม่ให้จากไปไหนด้วยความรัก
ในมิติแห่งความมืด อูมาร์ได้ยึดครองบัลลังก์ผู้ปกครองเอาไว้แล้ว คลีอาจึงได้ให้ให้การช่วยเหลือกองทัพกบฏในการโค่นล้มอูมาร์ คลีอาและสเตรนจ์ได้ช่วยตามหาเจ้าชายโอรินี ทายาทผู้สืบทอดบัลลังก์ที่แท้จริง ทั้งคู่จึงได้ทราบความจริงที่ปิดบังมานานว่า อูมาร์แท้จริงคือแม่ของคลีอานั่นเอง
อูมาร์และคลีอาได้เข้าต่อสู้กันจนสามารถเอาชนะได้ ก่อนจะเนรเทศอูมาร์ และเจ้าชายโอรินี พ่อและแม่ของเธอไปยังมิติเสริม คลีอาได้ครองบัลลังก์ผู้ปกครอง และได้แต่งงานกับสเตรนจ์ในมิติแห่งความมืด แต่ทั้งคู่ไม่สามารถแต่งงานกันตามกฏหมายไม่ได้ เพราะคลีอาเป็นสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติ ทั้งคู่จึงใช้วิธีสวมแหวนหมั้นให้กัน ซึ่งแหวนวงนี้มีความพิเศษคือ เป็นแหวนวงเดียว แต่เชื่อมโยงมิติกันด้วยพลังเวท
แต่สุดท้าย สเตรนจ์ก็ปฏิเสธที่จะอยู่กับเธอในมิติแห่งความมืด ด้วยเหตุผลว่า เขามีหน้าที่เพื่อมาปกป้องโลก และคลีอาไม่จำเป็นที่จะต้องมีอำนาจหรือปัญญาของเขาเพื่อพิสูจน์ตัวเองอีกต่อไป สเตรนจ์จึงจำต้องจบความสัมพันธ์กับคลีอาไปในที่สุด
ดอร์มัมมูกลับมายึดอำนาจผู้ปกครองมิติแห่งความมืดได้อีกครั้ง ทำให้คลีอากลับมายังโลกเพื่อกลับมาเจอกับสเตรนจ์อีกครั้ง แต่คราวนี้ คลีอากลับรู้สึกทรมานที่ได้ค้นพบว่า สเตรนจ์มูฟออนความสัมพันธ์ที่มีกับเธอและไปคบหาผู้หญิงอื่นแทนแล้ว
ส่วนสเตรนจ์เองก็แข็งแกร่งขึ้น เธอจึงไม่ต้องการที่จะพึ่งพาสเตรนจ์อีกต่อไป คลีอาจึงต้องกลับมายังมิติมืดอีกครั้งในฐานะผู้นำทัพกบฏต่อต้านดอร์มัมมู แต่สเตรนจ์เองก็ยังไม่พร้อมที่จะหย่ากับเธอ ทั้งคู่จึงตกลงที่จะยังติดต่อกันในฐานะเพื่อนสนิทแทน
ในคอมิก ‘The Death of Doctor Strange’ คลีอาได้รับมอบ ‘ผ้าคลุมลอยได้’ (Cloak of Levitation) และ ‘อายออฟอะกามอตโต’ (Eye of Agamotto) ที่หมอแปลกได้มอบไว้ให้เธอก่อนตาย ทำให้คลีอาได้สืบทอดตำแหน่งจอมเวทสูงสุด โดยสเตรนจ์ได้อธิบายว่า ไม่มีใครไว้วางใจได้เท่ากับเธอ
คลีอาได้เปลี่ยนนามสกุลของเธอเองเป็น ‘คลีอา สเตรนจ์’ (Clea Strange) เพื่อเป็นเกียรติแก่ดอกเตอร์สตีเฟน สเตรนจ์ และเริ่มต้นเรื่องราวเดี่ยวของตัวเองในการปกป้องโลกเวทมนตร์ และความพยายามฟื้นคีนชีพดอกเตอร์สเตรนจ์จากความตาย ในคอมิกที่มีชื่อว่า ‘Strange’
พลังวิเศษของคลีอา
คลีอาเป็นมนุษย์ครึ่งเผ่าพันธ์ุฟัลไทน์และชาวมิติมืดที่ไม่ทราบอายุแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะมีอายุหลายพันปี มีเส้นผมสีเงิน มีมวลกายที่หนาแน่นกว่ามนุษย์ปกติ และสามารถดึงเอาพลังวิเศษจากมิติมืดที่ติดตัวมาใช้ได้ มีพลังวิเศษสามารถบินและลอยได้ ก่อนจะเข้ารับการฝึกการใช้พลังเวทมนตร์กับดอกเตอร์สเตรนจ์ และกลายเป็นแม่มดสูงสุดแห่งมิติแห่งความมืด
คลีอามีพลังเวทมนตร์และความรอบรู้ สามารถใช้พลังเวทมนตร์ในการต่อสู้และป้องกันเช่น สร้างเกราะป้องกัน สื่อสารทางกระแสจิตกับสเตรนจ์ สะกดจิต ควบคุมจิตใจของคนอื่นได้ และสามารถใช้เทเลพอร์ตในการเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังสถานที่และมิติต่าง ๆ ได้ตามต้องการ และสามารถควบคุมไฟแห่งฟัลไทน์ (Flames of Faltine) หรือเปลวไฟอันทรงพลังที่ลุกโชนบนศีรษะของชาวฟัลไทน์ (เช่นคลีอา และอูมาร์) เท่านั้น
คลีอา กับบทบาทที่จะเกิดขึ้นใน ‘Doctor Strange 3’
ค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่า เราจะได้เห็นเรื่องราวของดอกเตอร์สเตรนจ์ต่อไปใน ‘Doctor Strange 3’ ที่ถูกเฉลยหลังจบ End Credits ตัวที่ 2 นั่นเท่ากับว่า เรื่องราวของหมอแปลกในภาคที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต คลีอา และตัวละครจากภาคนี้อย่าง ‘อเมริกา ชาเวซ’ (America Chavez) จะมีบทบาทมากขึ้นใน Doctor Strange 3 อย่างแน่นอน
และก็อาจจะมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกันว่า ดอร์มัมมู วายร้ายหลักใน ‘Doctor Strange’ (2016) ภาคแรก อาจกลับมาอีกครั้งในฐานะที่เป็นลุงของคลีอา แถมยังเป็นช่วงที่สเตรนจ์ไม่มีไทม์สโตน (Time Stone) ที่อยู่บนอายออฟอะกามอตโต ที่มีพลังพอจะกำราบดอร์มัมมูได้อีกต่อไป
รวมทั้งการเลือก ‘ชาร์ลิซ เธอรอน’ (Charlize Theron) ที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะรับบท ‘นางเอก’ มารับบทคู่รักของหมอแปลก ก็มีความเป็นไปได้ว่า Marvel Studio อาจจะพยายามนำคลีอา มาเป็นนางเอกและผู้ช่วยของสเตรนจ์ เพื่อเพิ่มกลิ่นอายความโรแมนติกเพิ่มเติมใน Doctor Strange 3 หลังจากที่หมอแปลกสูญเสียความสัมพันธ์กับ ‘คริสติน พาลเมอร์’ (Christine Palmer) (รับบทโดย ราเชล แมกอดัมส์ (Rachel McAdams)) ไปอย่างถาวรแล้วใน 2 ภาคแรก
อัลบั้มภาพ 4 ภาพ