บอลลีวูดบุกฮอลลีวูด!

บอลลีวูดบุกฮอลลีวูด!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อินเดียมีประชากรอยู่ราว 1.1 พันล้านคน และอัตราของชาวเอเชียใต้ที่อพยพไปอยู่ในอเมริกาก็เติบโตอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม แม้ชาวอินเดียอพยพจะยังนิยมชมชอบหนังของบ้านเกิดเมืองนอนอยู่ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ยังเป็นเพียงความนิยมเฉพาะกลุ่ม ที่ยังไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นความนิยมในระดับกระแสหลักได้ แต่กระนั้น หลายคนคาดว่า Kites ผลงานกำกับของ อนุรักษ์ บาซู ที่จะเข้าฉายในอเมริกาในสองเวอร์ชั่น อาจก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคมที่ผ่านมา บริษัท Reliance Big Cinema ของอินเดีย เพิ่งนำ Kites เวอร์ชั่นปรกติเข้าฉายในอเมริกา โดยเวอร์ชั่นนี้จะมีความยาวกว่า 2 ชั่วโมง และเต็มไปด้วยฉากร้องเล่นเต้นระบำตามมาตรฐานหนังบอลลีวูดทั่วไป แถมยังเต็มไปด้วยตัวละครยิบย่อยที่มีพล็อตรองมากมาย ขณะที่ในอีกหนึ่งสัปดาห์ถัดมา Reliance จะนำเวอร์ชั่นที่สั้นกว่าในชื่อ Kites: The Remix เข้าฉาย โดยเวอร์ชั่นนี้จะเป็นเวอร์ชั่นที่ แบรต แรตเนอร์ (Rush Hour) เป็นผู้ตัดต่อให้มีจังหวะการเดินเรื่องที่เร็วขึ้น และเน้นไปที่เรื่องราวของตัวละครหลักมากกว่าเวอร์ชั่นปรกติ เรื่องราวความรักข้ามเชื้อชาติของหนุ่มอินเดียกับสาวเม็กซิกันนั้น ทำให้มันน่าจะเข้าถึงคนในวงกว้างได้มากพออยู่แล้ว ซานจีฟ แลมบ้า จาก Reliance กล่าวถึงเนื้อหาของ Kites ที่อาจเป็นจุดแข็งในการบุกตลาดอเมริกา อีกทั้งยังชี้ให้เห็นว่า หนังเรื่องนี้เปิดตัวด้วยโรงฉายถึง 200 โรง ซึ่งถือว่าสูงเป็นประวัติการณ์สำหรับการเปิดตัวของหนังบอลลีวูดสักเรื่องในแถบอเมริกาเหนือ (ขณะที่เวอร์ชั่นตัดต่อใหม่นั้นจะเข้าฉายด้วยจำนวนโรงฉาย 50 โรง) เราพยายามที่จะทำให้มันเข้าถึงคนดูได้เป็นวงกว้างมากที่สุด นอกจากนี้ Kites ยังจะเข้าฉายในอีก 60 ประเทศทั่วโลก ซึ่งนั่นยังรวมถึงประเทศที่โดยปรกติแล้วไม่ได้ดูหนังอินเดียนักด้วย แลมบ้ากล่าวถึงความสำเร็จในเบื้องต้นของหนัง ความพยายามที่จะทำให้หนังทุนสร้าง 30 ล้านดอลลาร์เรื่องนี้เข้าถึงคนดูกระแสหลักในอเมริกา อาจไม่ได้เพิ่งเริ่มในขั้นตอนของการตลาด แต่เริ่มขึ้นตั้งแต่งานสร้างเลย ดังจะเห็นได้จากที่ อนุรักษ์ บาซู ที่ถือเปัวก้าวหน้าของอินเดีย ได้ใช้ฉากหลังเป็นเมืองต่างๆ ในอเมริกา ทั้ง ลาสเวกัส, นิวเม็กซิโก และแอลเอ ทำให้เป็นหนังพูดสามภาษาคือ อังกฤษ, ฮินดี และ สเปน รวมทั้งใส่องค์ประกอบที่พบเห็นได้ในหนังอเมริกันอย่างเช่นฉากซิ่งรถ หรือกระทั้งการหักมุมที่อาจทำให้หลายคนนึกถึงหนังอย่าง Thelma & Louise กลยุทธการฉายสองเวอร์ชั่นควบนี้ มีเป้าหมายเพื่อใช้เวอร์ชั่นปรกติรองรับคนดูกลุ่มที่ดูหนังบอลลีวูดเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ขณะที่เวอร์ชั่นตัดต่อใหม่นั้น มีไว้เพื่อกระตุ้นความสนใจกลุ่มคนดูกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาวอเมริกันเชื้อสายอินเดียรุ่นที่ 2 และ 3 และชาวอเมริกันเชื้อสายลาติน ที่อาจจะเคยยี้หนังแนวนี้มาก่อน สิ่งที่เราพยายามจะบอกพวกเขาก็คือ นี่ไม่ใช่หนังบอลลีวูดของพ่อแม่พวกคุณเหรอ แรตเนอร์กล่าวถึงเจตนารมณ์ในการตัดต่อเวอร์ชั่นใหม่ของเขา ขณะที่แลมบ้าก็เสริมว่า มันมีจิตวิญญาณของหนังต้นฉบับอยู่ครบถ้วน เพียงแต่มีจังหวะการเดินเรื่องที่แตกต่างกันก็เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ใช่ว่า Reliance จะเป็นเจ้าแรกที่ทดลองกลยุทธนี้ เพราะเมื่อต้นปีที่ผ่านมา Fox Searchlight ก็พา My Name is Khan เข้าฉายในอเมริกา โดยมีให้เลือกชมทั้งเวอร์ชั่นสั้นและยาว หนังเป็นผลงาน การสร้างของ Fox International Production และทำเงินทั่วโลกไปราว 41 ล้านดอลลาร์ โดยในจำนวนนั้นมีรายได้ที่ทำได้ในอินเดียเสีย 22 ล้านดอลลาร์ ขณะที่รายได้ในอเมริกานั้นอยู่ที่ 4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งถือว่าน่าพอใจสำหรับหนังภาษาฮินดีสักเรื่องหนึ่ง (เมื่อปีก่อน Departures หนังญี่ปุ่นที่คว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ยังทำรายได้ในอเมริกาไปเพียง 1.5 ล้านดอลลาร์) ในมุมมองของนักการตลาด หนังบอลลีวูดในอเมริกาถือได้ว่าเติบโตได้ยิ่งกว่าน่าพอใจ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่า มันมีช่องทางการโปรโมต (ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และโทรทัศน์ไม่มากนัก) อย่างเช่น 3 Idiots ของ Reliance ที่เข้าฉายไปในปี 2009 นั้น ก็ทำรายได้ไปถึง 6.5 ล้านดอลลาร์ โดยใช้งบโฆษณาเพียงห้าแสนดอลลาร์เท่านั้น มันใช้งบอันจำกัดจำเขี่ยได้อย่างมีประสิทธิภาพเหลือเชื่อ มาร์ค เออร์แมน จาก Paladin Film ซึ่งเป็นที่ปรึกษาด้านกลยุทธการเข้าฉายของ Kites ร์ชั่นกล่าว เขาโปรโมต Kites โดยใช้ทั้งสื่อออนไลน์, บิลบอร์ด และการแจกใบปลิว แถมยังพา บาร์บาร่า โมริ นางเอกของเรื่อง ไป โปรโมตในย่านที่มีคนพูดภาษาสเปนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น และวางแผนให้เวอร์ชั่นตัดต่อใหม่ของ Kites เข้าฉายในเมืองที่มีชาวละตินอยู่หนาแน่นอย่างดัลลัสและฮุสตัน อย่างไรก็ตาม อุปสรรคสำคัญที่เออร์แมนพบก็คือ มันไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่จะดึงนักวิจารณ์มาดูหนังเรื่องนี้ เราพบว่าเป็นเรื่องยากลำบากอย่างยิ่ง ที่จะเชิญนักวิจารณ์มาดูหนังอย่างน้อยสักเวอร์ชั่นหนึ่ง แรตเนอร์หวังว่าเวอร์ชั่นตัดต่อใหม่ที่เขาทำให้กับ Kites จะส่งผลดีให้กับหนังบอลลีวูด เหมือนที่ Rush Hour ของเขาเคยเปิดตลาดอเมริกาให้กับ เฉินหลง และหนังกังฟูจากฮ่องกงมาแล้ว เขาตัด Kites เวอร์ชั่นเดิมออกมากกว่าหนึ่งในสาม โดยตัดฉากเต้นรำออกเกือบหมด, พล็อตรองทั้งหลาย และความซ้ำซ้อนต่างๆ แทนที่จะพูดเรื่องเดิม 8 ครั้ง เราตัดให้พูดกันเพียง 2 ครั้ง แรตเนอร์กล่าว สำหรับผม ส่วนที่ดีที่สุดของหนังเรื่องนี้ อยู่ที่เคมีและเรื่องรักของสองตัวละครหลัก เขาจึงตัด พล็อตรองที่สองพระ-นางต้องถูกบังคับให้แต่งงานกับคนอื่นเพื่อเงิน มันทำให้พวกเขาดูไม่น่ารัก เหนืออื่นใดแล้ว แรตเนอร์สรุปว่า เขาต้องการทำให้หนังมันเล่าเรื่องมากขึ้น แทนที่จะใส่ใจกับฉากเต้นรำเหมือนในเวอร์ชั่นยาว ผมอยากแนะนำคนดูที่ไม่เคยดูหนังแนวนี้มาก่อน ผมพยายามทำให้หนังอยู่ในสภาพแบบที่มันเคยเป็น แต่มันก็ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เข้าถึงคนดูในตะวันตกด้วย

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ

อัลบั้มภาพ 2 ภาพ ของ บอลลีวูดบุกฮอลลีวูด!

บอลลีวูดบุกฮอลลีวูด!
บอลลีวูดบุกฮอลลีวูด!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook