รีวิว ยอดนักสืบจิ๋วโคนัน: เจ้าสาวฮาโลวีน มิตรภาพของเพื่อนตำรวจ
หนังขนาดยาวของอนิเมะอย่างโคนัน ซึ่งเดินทางมาถึงตอนที่ 25 เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จของวงการมังงะญี่ปุ่นที่ยังมีแฟนๆคอยให้การสนับสนุนมาอย่างยาวนาน โดยครั้งนี้เรื่องราวจะว่าด้วยการล้างแค้นเหล่านายตำรวจ ควบคู่ไปกับการก่อการร้ายครั้งใหญ่ที่จะทำให้โคนันต้องออกโรงสืบคดีอีกครั้ง
การมีอยู่ของตัวละครคุโด้ ชินอิจิ หลังจากที่เขาถูกยาพิษขององค์กรชายชุดดำได้เปลี่ยนร่างให้เขากลายเป็นเด็ก จนทำให้เขาต้องใช้ชื่อปลอมว่าเอโดงาวะ โคนัน และต้องไปอยู่กับโมริ รัน เพื่อนสาวคนสนิทที่เขาเองก็แอบชอบ ซึ่งมีพ่ออย่างโมริ โคโกโร่ นักสืบเอกชนที่ฝีมือไม่เอาไหน ในฐานะนักสืบมัธยมปลายที่กลายร่างเป็นเด็ก เขาต้องคอยไขปริศนาคดีฆาตกรรมต่างๆ รวมถึงการหาหนทางที่จะกลับร่างเดิมให้ได้ด้วย
แม้ว่าท่าทีในการจะคืนร่างเดิมของโคนันจะยังดูห่างไกล แต่ในครั้งนี้ เรื่องราวของเจ้าสาวฮาโลวีนได้เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ไปสำรวจตัวละครรองในเวอร์ชั่นอนิเมะ โดยเฉพาะเหล่าตัวละครในกรมตำรวจอย่างผู้หมวดทาคางิและผู้หมวดซาโต้ ที่หนังเองก็เปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้มีห้วงเวลาโรแมนซ์กันอย่างน่าสนใจ และยังแสดงจุดยืนที่ว่าตัวละครทั้งสองนี้ “มีใจ” ห่วงใยกันและกันมากแค่ไหน
อันที่จริงเส้นเรื่องหลักในหนังภาคนี้ที่ว่าด้วยการก่อการร้ายของ “พลาเมีย” ที่จ้องจะเล่นงานอดีต 4 สหายจากกรมตำรวจ โดยหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มนี้อย่างมุรานากะที่กำลังจะเดินเข้าพิธีแต่งงานในอีกไม่กี่วัน กำลังถูกข่มขู่ว่าถ้ามุรานากะและเจ้าสาวชาวต่างชาติอย่างคริสตีน ไม่ทำพิธีกรรมต่อไป ในคืนวันเทศกาลฮาโลวีน เมืองชิบูย่าจะกลายเป็นเมืองที่ผู้คนตายเป็นเบือ
ระหว่างทางของเรื่องเราจะได้เห็นอดีตตัวละครในกลุ่มของเหล่า 4 สหายมีการเคลื่อนไหว โดยหนึ่งในสมาชิกกลุ่มนี้ถูกสวมปลอกคอที่เต็มไปด้วยสารเคมี ซึ่งถ้าเกิดการระเบิดขึ้นมาอาจจะทำให้คนอื่นๆรอบตัวเป็นอันตรายตามไปด้วย เขาจึงขังตัวเองอยู่ในห้องนิรภัยและเรียกตัวโคนันมาเพื่อช่วยสืบคนที่อยู่เบื้องหลังในการก่อการร้ายครั้งนี้ให้ได้ทันเวลา
เอาเข้าจริง สำหรับผู้เขียนเองครั้งหนึ่งเคยเป็นหนึ่งในแฟนคลับโคนันมาอยู่ยุคหนึ่งเลย แต่เมื่อผ่านไปสักระยะก็พบว่าเรื่องราวมันไม่คืบหน้าไปไหน แล้วตอนจบก็ดูยังจะไม่มีวี่แววมาถึงซักที เราก็เลยเลิกติดตามมังงะเรื่องนี้ไป โดยในตอน “เจ้าสาวฮาโลวีน” สิ่งที่หนังอุบไต๋ไม่อยู่ก็คือวิธีการเผยตัวคนร้ายแบบวับๆแวมๆ แทนที่จะให้เป็น “ร่างดำๆ” แบบยุคแรกๆ ทำให้เราพอจะเดาได้ไม่ยากเลยว่า “ใครคือคนร้ายตัวจริง”
กระนั้นถ้าจะมองในแง่ของความบันเทิง “เจ้าสาวฮาโลวีน” ก็อาจจะไม่ใช่หนังยาวตอนที่จัดว่าน่าเบื่อหรือไม่มีอะไรให้ลุ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้สนุกจนต้องร้องว้าวด้วยเช่นกัน