4 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด Elvis ในโรงภาพยนตร์

4 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด Elvis ในโรงภาพยนตร์

4 เหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด Elvis ในโรงภาพยนตร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“เอลวิส เพรสลีย์” คือตำนานในวงการเพลงแนวร็อกแอนด์โรล ที่ไม่มีใครสามารถมาแทนที่ได้ โดยครั้งนี้ชีวิตของ “ราชา” ผู้นี้ได้รับการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านวิสัยทัศน์ของผู้กำกับอย่าง “บาซ เลอห์มานน์” ผู้มีสไตล์การทำหนังเฉพาะตัว อย่างไม่มีใครเหมือน และที่สำคัญ บทความนี้มาพร้อม 4 เหตุผลที่ว่า ทำไมคุณถึงไม่ควรพลาดหนังเรื่อง Elvis ในโรงภาพยนตร์

 

1.โปรดักชั่นอลังการ สเกลยิ่งใหญ่ อรรถรสที่ต้องดูบนจอยักษ์เท่านั้น

แม้จะเป็นหนังแนวชีวประวัติ แต่เมื่อพะยี่ห้อว่าเป็นผู้กำกับอย่างบาซ เลอห์มานน์แล้ว หนังเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยการออกแบบงานสร้างที่ยิ่งใหญ่ ฉากมุมกว้างในแบบที่ผู้ชมจะได้เห็นความอลังการของฉาก แสง สี เสียง ในแบบที่คุณอาจจะเคยได้สัมผัสมาจากหนังอาทิ Romeo + Juliet, Moulin Rouge!, Australia และ The Great Gatsby มาแล้ว และในครั้งนี้ ผู้ชมจะได้สัมผัสความรู้สึกแบบนั้นอีกครั้ง นอกจากนี้งานตัดต่อของ Elvis อันเป็นผลงานของโจนาธาน รีดมอนด์และแมตต์ วิลลายังเรียกได้ว่า เป็นความบ้าคลั่งที่คุณจะต้องดูบนจอใหญ่ๆเท่านั้นถึงจะได้อรรถรสแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วย  

 

2.การแสดงของออสติน บัตเลอร์ ดาวรุ่งคนใหม่แห่งวงการ

หนังเรื่องนี้เลือกจะเปิดตัวเอลวิส เพรสลีย์ในช่วงที่เขาอายุ 19 ปี ซึ่งกำลังจะขึ้นแสดงการร้องเพลงบนเวทีในโรงมหรสพแห่งหนึ่ง โดนทันทีหลังจากที่เอลวิส เริ่มวาดลวดลายการแสดง ไม่ว่าจะเป็นการร้องหรือลีลาการขยับร่างกายในแบบที่ไม่มีใครเคยทำมาก่อน บรรดาวัยรุ่นหญิงที่อยู่ในงานก็เรียกได้ว่าอยู่ในอาการกรีดร้องอย่างบ้าคลั่ง จากการแสดงของเอลวิส

แน่นอนว่าการที่จะหานักแสดงสักคนมารับบทบาทเป็นเอลวิส เพรสลีย์ไม่ใช่เรื่องง่าย จนกระทั่งบาซ เลอห์มานน์ได้พบกับ ออสติน บัตเลอร์ หลังจากที่เขาเคยแสดงหนังประกบคู่กับเดนเซล วอชิงตันในละครเวทีเรื่อง The Iceman Cometh ไม่ใช่แค่นั้น กว่าที่เขาจะได้รับบทบาทนี้มาครอง เขายังผ่านประสบการณ์ด้านดนตรีและการแสดงมาอย่างมากมาย   

อันที่จริงก่อนที่จะได้ออดิชั่นบทเอลวิส ออสตินได้รับแจ้งจากผู้จัดการว่า บาซ เลอห์มานน์กำลังจะสร้างหนังเกี่ยวกับเอลวิส จู่ๆเขาก็มีลางสังหรณ์ว่าบทนี้อาจจะเป็นของเขา ดังนั้นเขาจึงทิ้งทุกอย่างที่ตัวเองทำอยู่และพยายามทำการบ้านที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเอลวิส ไม่ว่าจะเป็นทั้งเรื่องเพื่อน ความสัมพันธ์เกี่ยวกับตัวของราชาร็อกแอนด์โรล แม้ออสตินจะฟังแต่เพลงของเอลวิสมาก่อนก็ตาม แต่ท้ายที่สุดแล้วออสตินได้ตัดสินใจส่งวิดีโอในการออดิชั่นบทดังกล่าว ด้วยการที่เขาเล่นเปียโนและร้องเพลง Unchained Melody ซึ่งเป็นบทเพลงที่เอลวิสเคยแสดงก่อนที่เขาจะเสียชีวิตอีกด้วย

หลังจากที่ออสตินมีโอกาสได้พบกับบาซ เลอมาน เขาได้มีโอกาสร่วมเวิร์คชอปมากมาย แม้ว่าตัวออสตินจะเตรียมตัวที่จะร้องเพลงของเอลวิส 3 เพลง แต่สุดท้ายตัวผู้กำกับได้ตัดสินใจลองทดสอบให้ออสตินร้องเพลง 3 เพลงอื่นที่เขาไม่ได้เตรียมตัวมา เพราะบาซอยากจะทดสอบการแสดงของเขาภายใต้ความกดดัน โดยที่เขาไม่รู้เลยว่า อีกไม่กี่วันต่อมา โทรศัพท์ที่ต่อสายตรงมาหาเขานั้น คือการยืนยันว่าเขากำลังจะได้รับบทเป็นเอลวิส เพรสลีย์จริงๆ

 

3.ทอม แฮงส์กับบทตัวร้าย!

เรื่องราวใน Elvis ฉบับนี้จะเน้นในส่วนการนำเสนอความสัมพันธ์ระหว่างเอลวิส เพรสลีย์และ นายพันทอม ปาร์คเกอร์ (ทอม แฮงส์) ในฐานะผู้จัดการส่วนตัว ซึ่งความสัมพันธ์ระหว่างสองคนนี้มีความซับซ้อนมากกว่าที่ใครคาดคิด

หลังจากที่ปาร์คเกอร์ได้พบกับเอลวิสในงานคาร์นิวัล และได้ชมการแสดงในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เขารู้ทันทีว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรบางอย่างในตัวเองที่ไม่ธรรมดา และเป็นลู่ทางในการ “ทำเงิน” ให้กับเขาได้ในอนาคต

หลังจากที่ทอม แฮงส์ได้มีโอกาสศึกษาตัวละครที่เขากำลังจะสวมบทบาท มุมมองของปาร์คเกอร์คือนักธุรกิจที่ชาญฉลาดและเต็มไปด้วยความขี้โกง แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็กลายเป็นผู้บุกเบิกธุรกิจการแสดงอันยิ่งใหญ่ รวมไปถึงการทำโชว์คอนเสิร์ตแบบเรสสิเดนซี ที่กินเวลายาวนานกว่าหลายปีในลาสเวกัส อีกด้วย

อย่าพลาดอีกหนึ่งบทบาทการแสดงที่น่าสนใจ ของนักแสดงฝีมือดีอย่าง ทอม แฮงส์กับหนังเรื่อง Elvis

 

4.บทเพลงสุดไพเราะของเอลวิส เพรสลีย์ในแบบที่คุณไม่เคยฟังมาก่อน

แน่นอนว่าเมื่อหนังเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับราชาแห่งวงการเพลงร็อกแอนด์โรล สิ่งที่ขาดไปไม่ได้เลยคือบทเพลงที่เอลวิส เพรสลีย์ขับร้อง ตัวผู้กำกับอย่างบาซ เลอห์มานน์เขามีพรสวรรค์พิเศษด้านดนตรี เขามักจะมีส่วนร่วมในการบันทึกเสียง หรือมีไอเดียใหม่ๆเกี่ยวกับการสร้าง รวมไปถึงการทำความเข้าใจดนตรีของแต่ละยุคสมัยในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน และเขามักจะเชื่อมโยงรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ เข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าอัศจรรย์อยู่เสมอ

ในหนัง Elvis ฉบับนี้มีการผสมผสานเพลงสมัยก่อน เข้ากับเพลงของศิลปินยุคปัจจุบัน โดยบาซ เลอห์มานน์ยังเลือกที่จะร่วมงานกับผู้ประพันธ์ดนตรี/ผู้บริหารด้านเสียงดนตรี เอลเลียต วีเลอร์ และผู้ควบคุมด้านเสียงดนตรี แอนตัน มอนสเตด ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ของเขาตั้งแต่ก่อนเรื่อง “Romeo + Juliet” ด้วยซ้ำ ซึ่งนอกจากเพลงของเอลวิส แล้วผู้ชมจะได้ฟังเพลงของศิลปินไม่ว่าจะเป็น Yola, ShonkaDukureh and Gary Clark, Jr. as Beale Street legends Sister Rosetta Tharpe, Big Mama Thornton และ Arthur Crudup การแสดงอันทรงพลังของ Doja Cat, Kacey Musgraves, Jazmine Sullivan, Jack White, Måneskin ด้วย

และทั้งหมดนี้คือ 4 เหตุผลที่เราอยากให้คุณ ไม่พลาด Elvis ในโรงภาพยนตร์ เข้าฉายแล้ววันนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook