Drew Barrymore เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ แต่เธอติดเหล้า-ยา ตั้งแต่อายุ 12 ปี โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส
ประวัติการดื่มและใช้ยาเสพติดของ Drew Barrymore นั้นน่ากลัวมากเหลือเกิน และน่าเห็นใจจับจิต แต่มันก็สามารถเป็นอุทาหรณ์ได้อย่างดีเช่นกัน
- แม้จะมีวัยเด็กบนหน้าจอที่ดูสดใส Drew Barrymore เกิดมาท่ามกลางครอบครัวและญาติที่มีชื่อเสียงในฮอลลีวู้ด แต่เธอเติบโตมาท่ามกลางการหย่าร้างของพ่อที่ติดเหล้า กับแม่ที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย
- ในวัยราวๆ 6 ขวบ เธอโด่งดังสุดขีดจากหนัง E.T. the Extra-Terrestrial (1982) ของพ่อมดฮอลลีวู้ด Steven Spielberg ในบทหนูน้อย Gertie Taylor และนั่นมันทำให้เธอเป็นดาราเด็กที่สตูดิโอต้องการตัวมากที่สุด
- เมื่ออายุ 9 ขวบ John Drew Barrymore กับ Jaid Barrymore พ่อแม่ของเธอหย่าร้างกัน แม่ของเธอได้สิทธิเลี้ยงดูลูก และนั่นคือจุดเริ่มต้นความหายนะในชีวิตของหนูน้อย Drew Barrymore ผู้ยังไม่ประสีประสาการใช้ชีวิตบนโลกอันน่ากลัว
- เมื่อเงินทองไหลมาเทมา คุณแม่อย่าง Jaid Barrymore ก็เอาแต่ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง โดยได้หนีบเอา Drew Barrymore ไปด้วยในทุกๆที่ เพราะหนูน้อย ณ เวลานั้น สามารถอวดโอ้ใครต่อใครได้ว่านี่ลูกสาวฉัน เด็กอายุ 9 ขวบ ต้องนั่งดูแม่และเพื่อนฝูงดื่ม กิน เสพ เป็นภาพจำซ้ำๆในแทบทุกวัน
- แม่ของเธอบอกเธอว่า ไม่ต้องเรียนหนังสือ การไปแสดงหน้ากล้องแล้วรับเงินมันมีอนาคตกว่าเยอะ จะไปเสียเวลาร่ำเรียนทำไม
- สภาพแวดล้อมอันดำดิ่ง นั่นทำให้ Drew Barrymore ลองลิ้มชิมรสเหล้าเบียร์ครั้งแรกตั้งแต่อายุ 11 ปี เธอมีอาการติดเหล้าตั้งแต่อายุ 12 ปี จนถูกสตูดิโอสั่งให้เข้าคอร์สเลิกเหล้าในทันที ไม่เช่นนั้นอนาคตเธอดับแน่ๆ ผู้สร้างล้วนเสียดายความสามารถและพรสวรรค์เธอ จึงพยายามเกลี้ยกล่อมให้คุณแม่พาเธอไปบำบัด โดยให้เหตุผลว่าหากไม่มีใครจ้างเด็กคนนี้เล่นหนัง เธอก็จะไม่มีเงินใช้อย่างสำราญ
- มันไม่ใช่แค่เหล้า นั่นแหละปัญหาใหญ่ เพราะ Drew Barrymore เล่นโคเคนด้วย จนติดงอมแงมตั้งแต่อายุยังน้อยเลยทีเดียว
- หลังจากนั้น Drew Barrymore ก็เสียการเสียงาน ชีวิตเละเทะ เข้าออกสถานบำบัดเป็นบ้านหลังที่สอง แถมในวัย 14 ปี เธอยังต้องเข้ารับการรักษาอาการป่วยทางจิตถึงแปดเดือน เพราะเธอพยายามฆ่าตัวตายหลายต่อหลายครั้ง จากฤทธิ์ของเหล้า-ยา และสภาพแวดล้อมอันโสมม
- หลังจากรักษาอาการป่วยทางจิตจนเกือบจะปรกติดี เธอทำเรื่องยื่นขอเป็นอิสระจากการดูแลของคุณแม่ เด็กหญิงวัย 14 ถูกศาลตัดสินให้ไปอยู่กับ David Crosby นักร้องนักแต่งเพลงแห่งวง The Byrds ที่รับเธอมาเยียวยา และมอบความรักความห่วงใยให้เธอ
- แต่ดูเหมือนการได้ความรักความอบอุ่นจะไม่ใช่สิ่งที่ Drew Barrymore ต้องการมากนัก ราวๆ สามเดือนที่เธออาศัยอยู่กับ David Crosby ได้ออกทัวร์ร่วมกับพ่อบุญธรรม แต่การถูกเอาใจใส่และควบคุมมากจนเกินไปนั้นทำให้เธออึดอัด หลังจากนั้นเธอก็ทำเรื่องขอศาลเยาวชน เพื่อที่เธอจะได้ออกมาใช้ชีวิตด้วยตนเอง ตัดขาดจากแม่แท้ๆ และครอบครัวอุปถัมภ์ แล้วเริ่มชีวิตใหม่
- แม้จะประสบปัญหามามากมาย แต่สิ่งที่ Drew Barrymore มีคือพรสวรรค์ด้านการแสดง เธอคือเด็กที่สามารถจัดการกับบทหนังที่ซับซ้อนได้แบบอยู่หมัด จึงมีผลงานบนหน้าจออยู่บ้าง แม้จะถูกขึ้นบัญชีดำจากสตูดิโอต่างๆ ซึ่งพวกเขายอมเสี่ยงกับเด็กเก่งๆอย่างเธอ
- ยุค 90 เธอสลัดคราบดาราเด็กแล้วผันตัวเองไปแนวทางเซ็กซี่ (ซึ่งต้องยอมรับว่าเธอทำได้ดี) หนัง Poison Ivy ปี 1992 แม้จะไม่ประสบความสำเร็จทางรายได้ แต่ยอดขาย VDO และ เรตติ้งในเคเบิ้ลถล่มทลาย
- บทของเธอใน Poison Ivy ปี 1992 เหมือนจะนำโชคให้เธอพอสมควร เพราะมันทำให้เธอได้ไปออดิชั่นบทในหนัง Batman Forever (1995) เพราะเดิมทีจะมีตัวละคร Poison Ivy ในหนังภาคนี้ แต่สุดท้ายตัวละคร Poison Ivy ก็ถูกตัดออก แต่เธอก็ยังได้บทสาวเซ็กซี่บทหนึ่งในเรื่อง นั่นคือบท Sugar นั่นทำให้เธอกลับมาอยู่ในหนังกระแสหลักอีกครั้ง
- เธอยอมถูกฆ่าตั้งแต่ต้นเรื่องในหนัง Scream (1996) ซึ่งเดิมทีเธอจะได้รับบทหลักในหนัง และผู้กำกับ Wes Craven ผู้ล่วงลับ ต้องต่อสู้กับสตูดิโอผู้สร้าง เรื่องที่จะฆ่าดาราดังอย่างเธอให้ตายตั้งแต่ต้นเรื่อง เพื่อสร้างภาพจำและคืนอาชีพอันรุ่งเรืองให้ Drew Barrymore เธอเองก็ยังไม่เข้าใจเจตนาของ Wes Craven สักเท่าไหร่ การโดนฆ่าตายตั้งแต่ต้นเรื่องจะทำให้เธอกลับมาโด่งดังได้อย่างไร แต่มันเป็นตามที่ Wes Craven พูดไว้จริงๆ เพราะคนดูจดจำบทบาทต้นเรื่องของเธอได้อย่างแม่นยำว่านี่คือเด็กจาก E.T. ที่โตมาแล้วโดน Ghost face ฆ่าตาย
- Drew Barrymore ขาขึ้นสุดขีดกับการเล่นหนังรอมคอมกับ Adam Sandler อย่าง The Wedding Singer (1998) จนรายได้ถล่มทลาย ส่งผลให้หนังทุนต่ำ Ever After (1998) ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก Cinderella ซึ่งฉายในปีเดียวกัน โด่งดังไปด้วย หนังได้รับคำชมและรายได้งามทั้งสองเรื่อง โดยเฉพาะ Drew Barrymore ที่แสดงได้ดีไร้ที่ติ แม้ไม่ต้องทำตัวเซ็กซี่อะไรมากอย่างที่เธอตั้งใจจะขายความเซ็กซี่ในทีแรก
- ตอกย้ำความสำเร็จด้วย Never Been Kissed (1999) หนังที่ขาย Drew Barrymore เน้นๆ ผลพวงจากการเริ่มต้นหันมาเอาดีทางสายโรแมนติก/คอมเมดี้ ทำให้หนังประสบความสำเร็จใน Box office พอสมควร เธอนั่งในตำแหน่งโปรดิวเซอร์เองเรื่องแรกอีกด้วย
- ยุค 2000 คือช่วงเวลารุ่งโรจน์ของเธออย่างแท้จริง เธอคือหนึ่งในสมาชิก Charlie's Angels ฉบับ Reboot ปี 2000 และนี่เองทำให้เธอกลับมายืนแถวหน้านางเอกขายดีในฮอลลีวู้ดในช่วงต้นยุค 2000 เธอได้บทที่หลากหลายขึ้น แต่ผู้คนมักจดจำเธอในฐานะนางเอกหนังโรแมนติก/คอมเมดี้ แถวหน้าของวงการ
- แต่ช่วงเวลาอันรุ่งโรจน์ก็นำพาเธอกลับสู่วังวนเดิมๆคือการดื่ม แม้จะไม่ได้จัดหนักเต็มสูบทั้งเหล้ายาแบบสมัยเด็กและวัยรุ่น แต่เธอก็ขึ้นชื่อว่าเป็นคนติดเหล้า
- ปี 2009 เธอมีผลงานกำกับหนังเรื่องแรกคือ Whip It หนังได้รับคำชื่นชมแต่ไม่ประสบความสำเร็จใน Box office
- ชีวิตรักครั้งแล้วครั้งเล่าของเธอพังไม่เป็นท่าถึงสามครั้ง เธอเข้าบำบัดอาการติดเหล้าแล้วทำตัวเป็นแม่ที่ดีของลูกสาวสองคน ตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา Drew Barrymore ไม่หวนกลับไปแตะเหล้าอีกเลย เพราะเธอตั้งมั่นปณิธานว่าจะไม่เป็นแม่ในแบบที่คุณแม่ของเธอเป็น
- เธออาสาเป็นวิทยากรให้ความรู้และสนับสนุนเยาวชนผู้มีอาการติดสุราเรื้อรังทุกครั้งที่มีโอกาส เธอบอกในหนังสือ Little Girl Lost ของเธอว่า เธอควรตายไปแล้วตั้งแต่อายุ 25 ปี
- ปัจจุบันแม้จะมีงานแสดงอยู่บ้าง แต่เธอมีงานพิธีกร The Drew Barrymore Show และเป็นนักเขียนมีหนังสือออกมาหลายเล่ม
แม้จะตัดขาดกันถาวร แต่เธอยังคงส่งเสียคุณแม่ Jaid Barrymore ของเธออยู่เสมอๆ เธอขอบคุณแม่ของเธอทางโซเชี่ยลของเธอเป็นประจำ ในฐานะผู้ให้กำเนิด นั่นเพราะเธอคิดว่าเธอเองก็เป็นแม่ที่ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ