วอร์เนอร์ บราเธอร์ส และดีซีคอมมิคส์ สูญเสียลิขสิทธิ์ Superman

อนาคตของ Superman บนจอเงินดูจะมืดมนขึ้นเรื่อยๆ ครับ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส, ดีซี คอมมิคส์ และครอบครัวซีเกล ทายาทของเจอรี่ ซีเกล ผู้ให้กำเนิดตัวละครตัวนี้ได้มีคดีความกันในศาลเพื่อชิงลิขสิทธิ์ของ Superman ซึ่งก่อนหน้านี้ศาลได้ตัดสินให้วอร์เนอร์ฯ ได้ลิขสิทธิ์ไปโดยมีเวลาถึงปี 2011 ที่จะสร้างหนังก่อนที่จะถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย แต่ในการตัดสินล่าสุดเมื่อวานนี้ พวกเขาได้ไปเพียงบางส่วนของ Superman จากรายงานของวาไรตี้ ดูเหมือนว่า Superman ได้ถูกแยกชิ้นส่วนเป็นชิ้นๆ เลยครับ โดยครอบครัวซีเกล, ดีซี และ วอร์เนอร์ฯ ต่างได้กันไปคนละส่วนของลิขสิทธ์ซึ่งดูจะต้องมีการบาดเจ็บกันแน่ในระยะยาว ตามรายงาน ศาลได้ตัดสินให้เรื่องราวจากการตีพิมพ์ในสองสัปดาห์แรกของ Superman ที่ลงในหนังสือพิมพ์รายวัน รวมถึงเรื่องราวบางส่วนที่ตีพิมพ์ช่วงต้นๆ ในหนังสือ Action Comics และ หนังสือการ์ตูนชุดครับ มันหมายความว่าอะไร มันหมายความว่าวอร์เนอร์ฯ และดีซี ไม่อาจใช้เหตุการณ์ในช่วงต้นกำเนิดของ Superman เอาไปใช้สร้างงานได้โดยไม่ได้รับคำยินยอมจากครอบครัวซีเกลครับ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ก็ตั้งแต่ดาวคริปตัน เรื่อยไปจนถึงเหตุการณ์ระเบิดและมาตกบนโลก รวมถึงตัวละครจอร์-เอล,ลอรา และ คาล เอลครับ ก่อนหน้านี้ ศาลเดียวกันนี้ได้ตัดสินให้ชุดซูเปอร์แมนและตัวละครคลาร์ก เคนท์, ลูอิส เลน, เดอะเดลี่ แพลเนต, บก.ขี้โมโห และเรื่องราวรักสามเส้าของพวกเขาเป็นลิขสิทธิ์ของครอบครัวซีเกล ขณะที่ดีซีได้ลิขสิทธิ์ตัวละครจิมมี่ ออลสัน, ความสามารถในการบินของซูเปอร์แมน, เล็ก ลูเธอร์, คริปตอนไนต์ และความสามารถที่ขยายจากต้นฉบับ Superman ตอนแรกสุดตีพิมพ์ในนิตยสาร Action Comics ฉบับที่ 1 เมื่อปี 1938 และเจอรี่ ซีเกล กับโจล ชัสเตอร์ ได้เซ็นสัญญาให้ดีซีเอาไปสร้างสรรค์ต่อในนิตยสาร Detectives Comics ด้วยเงิน 130 เหรียญ แล้วได้มีการฟ้องร้องกันในปี 1974 ซึ่งศาลในตอนนั้นตัดสินให้ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของดีซีตลอดกาล ก่อนที่ทายาทของซีเกิลจะฟ้องอร้องใหม่ในปี 2008 ผลจากการตัดสินครั้งนี้ทำให้ลิขสิทธิ์จะตกเป็นของทายาทซีเกิลในปี 2013 ครับ โดยสามารถเอาไปขายให้บริษัทไหนก็ได้ในการนำไปเขียนเป็นหนังสือการ์ตูน ทำหนังทีวี หรือภาพยนตร์ และถ้าวอร์เนอร์ฯ ต้องการจะสร้างหนัง Superman หรือ Justice League พวกเขามีเวลาที่จะเริ่มงานสร้างได้ภายในปี 2011 เท่านั้นครับ