บุพเพสันนิวาส ๒ รักมั่นอันยืนยาว หรือ กรรมเก่าที่ผูกกันไม่มีวันคลาย
มีอยู่โมเมนต์หนึ่งที่ตัวละครอย่างเกสร จดจำและระลึกชาติได้ว่าตัวเองนั้นจริงๆแล้วคือแม่หญิงการะเกดกลับชาติมาเกิด เธอจึงนั่งร้องไห้ จนเราเกิดการตั้งคำถามว่าในแว่บแรกนั้นตัวละครนี้ รู้สึกปลื้มปิติยินดี หรือจริงๆแล้ววูบหนึ่งเธอก็แอบตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับมโนสำนึกของตัวเองกันแน่
แม้ว่าตัวผู้เขียนเองอาจจะไม่มีโอกาสได้ชมละคร “บุพเพสันนิวาส” อย่างละเอียด (ถึงแม้จะมีให้ดูใน Netflix แล้วก็ตาม) แต่ถึงอย่างนั้นเราก็พอที่จะทำการบ้านเพื่อทำความเข้าใจว่า ทำไมละครเรื่องนี้ในครั้งที่ออกฉายเมื่อหลายปีก่อน จึงกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ “ออเจ้า” กันทั้งบ้านทั้งเมืองถึงเพียงนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเคมีการแสดงระหว่างคู่พระนางของโป๊ป ธนวรรธน์และเบลล่า ราณี ถือเป็นการรับส่งกันที่ลงตัว ยังไม่รวมไปถึงฉากหลังทางประวัติศาสตร์ที่มีความน่าสนใจในตัวเอง
กลับมาในเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ว่ากันว่าเป็น “อีกชาติ” หนึ่ง ของในเวอร์ชั่นละคร โดยฉากหลังของหนังภาคนี้ดำรงอยู่ในยุคสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เส้นเรื่องหลักให้น้ำหนักกับสองตัวละครอย่างภพ (โป๊ป ธนวรรธน์) และเกสร (เบลล่า ราณี) ในสัดส่วนที่พอดีกัน เราจึงมีโอกาสได้ทำความรู้จักกับสองตัวละครนี้ในแง่มุมใหม่ๆ (แม้ว่าจะยังคงคาแรกเตอร์บางอย่างจากละครมาเหมือนเดิม)
ภพ คือนายช่างหนุ่ม หรือถ้าพูดให้ร่วมสมัย เขาเป็นได้ทั้งนักวาด นักออกแบบ และสถาปนิก ระยะหลังๆที่ผ่านมาเขามักจะฝันถึงหญิงสาวคนหนึ่งจนอดคิดไม่ได้ว่า เธอคนนี้อาจจะเป็นคู่บุพเพสันนิวาสของเขามาตั้งแต่ชาติปางก่อน และทำให้ภพเองที่เคยถูกครอบครัวหมั้นหมายกับหญิงสาวที่ตัวเองไม่เคยเห็นหน้า รู้สึกว่าเขากำลังจะโดนคลุมถุงชนกับคนที่เขาไม่ได้รัก
ในขณะที่เกสร เป็นหญิงสาวหัวก้าวหน้า เธอได้รับการศึกษาเกี่ยวกับความรู้และวิทยาการจากโลกตะวันตก เพราะมีครูเป็นบาทหลวงฝรั่งปาลเลอกัวซ์ ทำให้เธอมองว่าเรื่องบุพเพสันนิวาสเป็นเรื่องงมงายไร้สาระ อีกทั้งในเวลานี้ เธอได้พบกับบันทึกประหลาดของผู้หญิงที่ชื่อ “การะเกด” ซึ่งเขียนบรรยายถึงเรื่องราวในอดีตสมัยช่วงอยุธยา แต่รายละเอียดที่ปรากฏอยู่ในบันทึกกลับเต็มไปด้วย “วลีภาษาไทย” ที่ไม่คุ้นเคย ทำให้เธอสนใจในบันทึกดังกล่าว
วันหนึ่งเมื่อภพได้ไปนั่งชมละครใน ระหว่างนั้นเองหญิงสาวผมยาวและคนรับใช้ของเธอกำลังคุยกันเสียงดังอยู่ด้านหน้า ทำให้ภพดูละครไม่รู้เรื่อง เขาจึงโมโหและด่าสองคนนั้นว่าไม่มีมารยาทเอาเสียเลย ในวินาทีก่อนที่เกสรจะหันหน้ากลับมาเธอพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ ใครจะไปคาดคิดว่า ช่วงจังหวะที่ภพได้เห็นหน้าของเกสร เขาจึงฉุกคิดได้ว่าผู้หญิงคนนี้หน้าตาเหมือนกับสาวในฝันของเขาเป๊ะๆ แม้ว่าเกสรจะรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าภพตั้งแต่แรกเห็น แต่ฝ่ายชายก็ตามจีบเธออย่างไม่ลังเล
ส่วนเมธัส (ไอซ์ พาริส) หนุ่มลูกครึ่งที่เดินทางข้ามเวลาจากยุคปัจจุบันด้วยปืนคาบศิลาโบราณอันเป็นมรดกตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ทำให้เขามาอยู่ในยุคสมัยของช่วงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ส่งผลให้เขามีพฤติกรรมแปลกๆ คำพูดที่ดูผิดยุคสมัย แต่คำพูดเหล่านี้กลับไปพ้องกับหลากหลายข้อความที่ปรากฏอยู่ในบันทึกของการะเกดที่เพิ่งถูกค้นพบ ทำให้เกสรสนใจในตัวของเมธัส จนทำให้ภพออกอาการหึงควันออกหูอยู่หลายรอบ แต่ในขณะที่ทั้งสามพยายามจูนบางอย่างเข้าหากัน พวกเขาก็ดันต้องเข้าไปพัวพันกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของบ้านเมือง เมื่อนายห้างหันแตร เจ้าของห้างสรรพสินค้าแห่งแรกของไทย ผู้นำเรือกลไฟ “เอ๊กเพรส” มาเสนอขายแก่ประเทศสยามแต่ดูเหมือนข้อตกลงบางอย่างจะไม่ลงตัวและอาจจะบานปลายจนประวัติศาสตร์เกิดการเปลี่ยนแปลงก็เป็นได้
ในแง่มุมประวัติศาสตร์อาจจะมีคนเขียนถึงไปเยอะแล้ว แต่ในแง่มุมของความรักข้ามชาติภพนั้น อาจจะเป็นเรื่องที่ดูโรแมนติก วาทกรรมที่ว่า “คู่กันแล้วก็คงไม่แคล้ว” อาจจะถูกใช้เพื่อสร้างความรู้สึกพาฝัน สำหรับคู่รักที่เชื่อมั่นว่าจริงๆแล้วความรักระหว่างคนสองคนนั้นถูกสร้างขึ้นโดยโชคชะตา
เมื่อเรามองบริบทของเกสร ที่ดูจะเป็นผู้หญิงหัวสมัยใหม่และดูไม่เชื่อเอาเสียเลยว่า “พรหมลิขิต” นั้นจะมีอยู่จริง จนกระทั่งเมื่อเธอได้เจอกับภพที่พยายามขายขนมจีบเพราะเขาเชื่อว่าเกสรนั้นจริงๆแล้วเป็นคู่รักที่เขาฝันเห็นหน้ามาโดยตลอด มิหนำซ้ำระหว่างนั้นเมธัสเองก็ยังอ้างตัวว่าเขาเดินทางมาจากอนาคตในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า ดังนั้น “สิ่งแวดล้อม” รอบตัวจึงทำให้เกสรเองเริ่มเปลี่ยนความคิดของตัวเองและเริ่มไม่มั่นใจว่าตกลงแล้วสิ่งที่เธอ เชื่อมั่นและยึดถือมาตลอดการเรียนรู้นั้นเป็นความจริงอันสูงสุดหรือเปล่า
ในโมเมนต์ช่วงท้ายเรื่องหลังจากที่เกสรพลัดตกน้ำไปพร้อมๆกับภพบนเรือกลไฟ เมื่อเธอได้สะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียง และพลันเกิดมโนสำนึกย้อนกลับไปว่าจริงๆแล้ว เธอเองก็คือคุณหญิงการะเกดในชาติหนึ่ง ส่วนในกาลข้างหน้าเธอก็คือเกศสุรางค์ นักโบราณคดีที่ได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตกาล วินาทีนั้นเองที่เกสรสัมผัสได้ถึงความรู้สึกดังกล่าว เธอถึงกับร้องไห้ออกมา ในวูบแรกเราอาจจะคิดว่าเธอเพิ่งเข้าใจว่าพรหมลิขิตเป็นอย่างไร บุพเพสันนิวาสมีอยู่จริงจนตื้นตันมีความสุข หรือในอีกเศษเสี้ยวหนึ่งของวินาทีนั้น อาจจะเป็นไปได้ว่า ตัวเกสรเองก็ตกใจว่าทำไมสิ่งนี้ถึงมาเกิดขึ้นกับตัวเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า และการได้รับรู้ถึงสิ่งดังกล่าวมันอาจจะเป็น “ความน่ากลัว” อย่างหนึ่งในชีวิต ที่จักรวาลนี้ไม่อยากให้มนุษย์เราเกิดขึ้นมา ระลึกชาติได้ว่าตัวเองคือใคร เพราะการที่เราโอบรับ “หลายชีวิต” เข้ามาในตัวเอง แม้ว่ามันจะเป็นคนละชาติภพกัน มันก็คือการดำรงอยู่ของ “กรรมเก่า” ที่วนเวียนเป็นวัฏจักรไม่จบสิ้นลงเสียที
จะมองให้โรแมนติกก็หวานเอาเรื่อง แต่จะมองให้น่าขนลุกก็ไม่ผิดเช่นกัน
อัลบั้มภาพ 18 ภาพ