ครอบครัวสุขสันต์ ฮิวจ์ แจ็คแมน กับภรรยาที่แก่กว่าถึง 13 ปี
หลังจากที่เขา เป็นส่วนหนึ่งที่น่าดูที่สุดในหนังเรื่อง Australia (แม้ว่าหนังจะแป๊กทั้งรายได้และคำวิจารณ์ก็ตาม) ซัมเมอร์แห่งการโกยเงินตามธรรมเนียมปฏิบัติของ (หนัง) ฮอลลีวู้ด ก็เปิดฤดูกาลด้วย X-Men Origins: Wolverine หนังภาคต่อกึ่งๆ แตกหน่อ หรือ spin-off จากหนัง X-Men สองภาคแรก ที่ตั้งอกตั้งใจขาย วูล์ฟเวอรีน เด่นๆ โดดๆ แบบไม่ต้องมีเพื่อนพ้องหรือสาวเซ็กซี่มาเกะกะสายตา
ฮิวจ์ แจ็คแมน ในวันนี้ไม่ใช่แค่ดาวรุ่งที่น่าจับตามองตอนที่รวมทีมเล่นหนัง X-Men ภาคแรกอีกแล้ว แต่เขาคือจุดแข็งและจุดขายสำคัญของหนัง บทบาทมนุษย์กลายพันธุ์ในหนัง X-Men ทั้ง 2 ภาคที่ผ่านมา ถือเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้หนุ่มตาหวานกับร่างกายกำยำชวนให้สาวๆ คิดเตลิด ชื่อ 'ฮิวจ์ แจ็คแมน' โผล่ออกมาจากทะเลทรายทวีปออสเตรเลีย มาเป็นซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ด พร้อมกับตำแหน่ง (เหมือนงานไซด์ไลน์) ที่แฟนๆ นิตยสาร people ในอเมริกายกให้เป็น Sexiest Man Alive ในโพลสำรวจปีล่าสุดด้วย
"วูล์ฟเวอรีนสนุกและเจ๋งดีครับ" แจ็คแมน บอกความรู้สึกต่อบทบาทล่าสุดกับนิตยสาร เอนเตอร์เทนเมนท์ วีคลี่ และแจ้งข่าวร้ายกับผู้ชมไว้ล่วงหน้าเลยว่า "ผมจะไม่เล่นตอนที่ 4 แล้วนะ ถ้ามันไม่มีอะไรน่าสนใจกว่าการโยนลูกเต๋าและคาบซิการ์ พ่นบทพูดเท่ๆ (อย่างที่จะเห็นในหนังตอนล่าสุด)"
นั่นเป็นเรื่องของอนาคต แต่เราจะไปย้อนอดีต แบบที่ X-Men ตอนล่าสุดเล่าถึงต้นกำเนิดวูล์ฟเวอรีน สำหรับการเตรียมตัวรับบทหนุ่มเล็บยาวแหลมคม-ขนดกคราวนี้ แจ็คแมนในวัย 40 ปี ได้เตรียมตัวอย่างเข้มงวด โดยมีเคล็ดลับนอกเหนือจากการเข้ายิมตามสูตรแล้ว
ทุกเช้าพระเอกของเราต้องตื่นตีสี่ รับประทานอาหารเช้าเป็นไข่ดาวและขนมปังปิ้ง บางวันจะต้องสวาปามไก่ได้เกือบทั้งตัว เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งและกล้ามเนื้อชัดเจนน่ามองตามท้องเรื่อง ภารกิจสร้างกล้ามเนื้อนี้ แจ็คแมนใช้เวลานานหลายเดือน จัดตารางชีวิตระหว่างการออกกำลังและการกิน (ทุกๆ สามชั่วโมง) เฉพาะอาหารไขมันต่ำ และเน้นธัญพืชด้วย เพื่อให้ได้สิ่งที่ผู้ชมจะได้เห็นและชื่นชมบนจอ ซึ่งแจ็คแมนยอมรับว่า เหนื่อยแทบขาดใจ
และเปรียบเทียบความเหนื่อยยากครั้งนี้ว่า ''มีหลายครั้งที่ผมตื่นมาปวดเมื่อยเนื้อตัวไปหมด ผมหันไปบอกภรรยาว่า คุณรู้ไหมผมรู้สึกเหมือนได้คลอดลูกเลยอ่ะ"
ภรรยาของคุณฮิวจ์คือ เดบอร์รา-ลี นักแสดงและโปรดิวเซอร์ที่แก่กว่าสามี 13 ปี (แต่งงานเมื่อปีพ.ศ.2539 หลังจากพบรักในกองถ่ายละครทีวี Correlli ที่เล่นด้วยกันเมื่อปีพ.ศ.2538) แต่ทั้งคู่ก็เป็นครอบครัวสุขสันต์ ล่าสุดหนึ่งสัปดาห์ก่อน สาวๆจะได้เชยชมวูล์ฟเวอรีนบนจอ พระเอกของเราก็ทำหน้าที่แฟมิลี่แมน พาภรรยาและลูกสาว (3 ขวบ) และลูกชาย (8 ขวบ) ที่ทั้งคู่รับเป็นบุตรบุญธรรมไปเที่ยวดิสนีย์แลนด์ ปล่อยให้ข่าวลือ ลือกันหึ่งว่า แท้ที่จริงฮิวจ์เป็นเกย์!
แต่ฮิวจ์ก็ออกมาตอบโต้อย่างชาญฉลาดผ่าน นิตยสารพาเหรด ฉบับล่าสุดว่า "ยินดีที่จะบอกว่าผมไม่ได้เป็น แต่ที่ปฏิเสธก็ไม่ได้รังเกียจความเป็นเกย์นะ ผมว่าเรื่องการเป็นเพศไหนนี่รู้สึกที่อเมริกาเนี่ยจะใส่ใจมากเหลือเกิน เพราะดูเหมือนมันจะเป็นตัวตัดสินว่าคุณเป็นเพศไหนแล้วคุณจะคิดยังไงต่อตัวเองและคนอื่น แต่ที่ออสเตรเลียมันไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย"
เกย์หรือไม่เกย์แต่การแสดงบททั้งแอ็คชั่นและละครเพลงอย่างแนบเนียน ก็น่าจะเป็นที่พึงพอใจทั้งของแฟนๆ และบรรดาโปรดิวเซอร์ ซึ่งมีข่าวว่ามีคนอยากให้ฮิวจ์เล่นบท มาร์ค แอนโธนี แม่ทัพโรมันที่เป็นชู้รักสุดหล่อของพระนางคลีโอพัตรา ในหนังคลีโอพัตราฉบับใหม่ที่ว่ากันว่าจะสร้างเป็นแบบภาพสามมิติอีกต่างหาก
ข่าวลือเรื่องเกย์ต่อยอดมาจากการที่ ฮิวจ์ เล่นละครบรอดเวย์ทั้งร้องและเต้นในเรื่อง The Boy From Oz เมื่อปี พ.ศ.2546 ที่เขาสวมบทเป็น 'ปีเตอร์ อัลเลน' ดาราละครเวทีที่เป็นเกย์นั่นเอง พระเอกเล่าว่า "ผมไม่ลืมเลย ตอนที่ผมแสดงบทจูบผู้ชายบนเวที แล้วมีเสียงตะโกนจากคนดูว่า 'อย่านะ..วูล์ฟเวอรีน!' ผมก็จะไม่เสียเวลาเสียพลังงานกับการคิดเรื่องคนไหนเพศอะไรหรอก ผมชอบเซ็กซ์นะ มันวิเศษมาก แต่มันก็ไม่ใช่การวัดคุณค่าว่ารักหรือความสัมพันธ์ของคุณจะแน่นแฟ้นได้ขนาดไหน ผมว่าในตัวของคนๆหนึ่ง ผมไม่ค่อยสนใจหรอกว่าเขาเป็นเพศอะไร"
ฟังคำตอบแบบนี้ พระเอกฮิวจ์ 'แมน' ทั้งตัวทั้งใจเลยไหมล่ะ
เนื้อหาข่าวจาก
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ