1 ปีกว่า หลังการจากไปของ ฮีธ เลดเจอร์
และแล้วคณะกรรมการออสการ์ก็ไม่กล้ามองข้ามความสามารถในการแสดงอันน่าทึ่งของ ฮีธ เลดเจอร์ กับบทโจ๊กเกอร์ วายร้ายแห่งปีจาก The Dark Knight โดยยกรางวัลดาราสมทบชายยอดเยี่ยมให้เป็นที่เรียบร้อยแบบไม่มีพลิกโผ นับเป็นบทบาทครั้งสุดท้ายบนจอที่ยิ่งใหญ่สำหรับนักแสดงหนุ่มวัย 28 ผู้จากไปก่อนวัยอันควร
แต่ช้าก่อน...อันที่จริงแล้ว The Dark Knight ยังไม่ใช่การแสดงครั้งสุดท้ายของหนุ่มออสซี่ผู้มากไปด้วยความสามารถคนนี้ โอ้ นั่นเป็นสิ่งที่วอร์เนอร์ทำมาตลอด พวกเขาพยายามบอกอยู่เสมอว่า หนังเรื่องนั้นเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของฮีธ เทอร์รี่ กิลเลี่ยม ผู้ไม่ค่อยพิศมัยการทำงานกับสตูดิโอใหญ่กล่าว
หนังเรื่องล่าสุดที่กิลเลี่ยมกำลังกำกับอยู่ มีชื่อยาวๆว่า The Imaginarium of Doctor Parnassus หนังแฟนตาซีจินตนการสุดพิลึกพิลั่นที่มี เลดเจอร์ แสดงนำ แต่ขณะที่หนังกำลังถ่ายทำอย่างสะดวกโยธินไปได้ประมาณครึ่งทาง ฟ้าก็ผ่าเปรี้ยงลงกลางกองถ่าย ในวันอังคารที่ 22 มกราคม 2008 กิลเลี่ยมได้รับโทรศัพท์แจ้งข่าวร้ายว่า นักแสดงนำของเขาเสียชีวิตลงอย่างกระทันหัน โดยมีสาเหตุเบื้องต้นมาจากอุบัติเหตุการใช้ยาเกินขนาด
ตอนนั้นผมคิดว่า มันจบแล้ว หนังเรื่องนี้คงเดินหน้าต่อไปไม่ได้แล้ว โปรเจกต์นี้ล่มสลายแล้ว ง่ายๆ อย่างนั้นเลย เพราะว่าฮีธเป็นเหมือนศูนย์กลางของหนังเรื่องนี้เลย สิ่งที่กิลเลี่ยมพูดอาจจะไม่ได้ฟังดูเกินจริง เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่ยกย่องในความสามารถของเลดเจอร์มาก ใน The Imaginarium เขาเป็นมากกว่านักแสดง เขาเป็นคนเขียนบทพูดตัวละครของเขาเองเกินครึ่ง เขาทุ่มสุดตัวกับบทนี้ การแสดงของเขาในแต่ละฉากทำให้ผมตะลึงได้เสมอ
กิลเลี่ยมรู้จักกับเลดเจอร์มาตั้งแต่ปี 2002 เมื่อ นิโคล่า เปโครินี่ ผู้กำกับภาพคู่ใจของกิลเลี่ยม ซึ่งเคยร่วมงานกับเลดเจอร์ในเรื่อง The Sin Eater (อีกชื่อคือ The Order) บอกกับกิลเลี่ยมว่า ไอ้หนุ่มคนนี้พลังมันล้นเหลือเลยนะ เมื่อกิลเลี่ยมได้พบกับเลดเจอร์ในครั้งแรก เขาก็อยากได้เลดเจอร์มาร่วมงานทันที และก็เป็นที่มาในการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้งคู่ในเรื่อง The Brothers Grimm ซึ่งทีแรกกิลเลี่ยมต้องการให้ จอห์นนี่ เด็ปป์ มาประกบคู่กับเลดเจอร์ แต่เดปป์ตอบปฏิเสธ โดยกิลเลี่ยมบอกว่าเด็ปป์ไม่ยอมเล่นเรื่องนี้เพราะเกรงว่าจะถูกเลดเจอร์ข่ม
นักแสดงชั้นยอดย่อมรู้ล่วงหน้าอยู่เสมอว่าถ้าเขาต้องร่วมงานกับนักแสดงระดับเดียวกัน มันจะต้องมีการแข่งขันเกิดขึ้นบนจอแน่นอน กิลเลี่ยมซึ่งรู้จักเดปป์เป็นอย่างดี เพราะเคยร่วมงานกันมาแล้วในเรื่อง Fear and Loathing in Las Vegas เผย ผมเลยบอกกับจอห์นนี่ว่า นี่นายรู้ดีอยู่แล้วใช่ไหม ไอ้บ้าเอ๊ย และสุดท้ายหนังก็ได้ แมตต์ เดม่อน มาประกบคู่เลดเจอร์แทน
และถึงแม้ว่า The Brothers Grimm จะกลายเป็นหนังเจ๊งถล่มทลายอีกเรื่องหนึ่งของกิลเลี่ยม แต่การแสดงของเลดเจอร์ในหนังก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่ต่ำกว่ามาตรฐาน ผมพูดตรงๆ เลยนะ พวกนักวิจารณ์มักจะมองข้ามฝีมือของฮีธในหนังเรื่องนี้ ลองนึกดูสิ คุณได้เห็นเขาจาก Grimm แล้วแค่ไม่กี่เดือนหลังจากนั้น คุณก็ได้เห็นเขาในอีกบทบาทนึงที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง กิลเลี่ยมพูดถึง Brokeback Mountain หนังที่ส่งให้เลดเจอร์เข้าชิงออสการ์เป็นครั้งแรกในปี 2005
กิลเลี่ยมยังกล่าวถึง The Dark Knight ว่า เขาซูฮกหนังเรื่องนี้เหมือนกับคนอื่นๆ แต่ก็ยังไม่วายบอกว่า ฮีธเป็นเหตุผลเดียวที่ผมชอบหนังเรื่องนี้ ผมยอมรับว่าทุกอย่างในหนังยอดเยี่ยมก็จริง แต่การแสดงของฮีธเป็นสิ่งเดียวที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน เขาเคยบอกกับผมว่า เขาสนุกสุดๆ กับบทนี้
สำหรับการคว้าออสการ์ของเลดเจอร์ กิลเลี่ยมให้ความเห็นว่า ผมมองไม่เห็นทางเลยว่าเขาจะพลาดรางวัลนี้ไปได้ยังไง ลองคิดดูสิ เขาฝากการแสดงอันยอดเยี่ยมใงไม่ต้องการอะไรจากเขาไปมากกว่านี้แล้วล่ะ
ส่วนในเรื่องสาเหตุการเสียชีวิตของเลดเจอร์ กิลเลี่ยมไม่เคยคิดว่ามีเหตุมาจากการหมกมุ่นกับบท โจ๊กเกอร์ มากเกินเหตุ อย่างที่ใครหลายๆ คนคิด มันเป็นความคิดบ้าๆ ฮีธไม่ใช่พวกโรคจิตหรือประสาทหลอน แต่เขาเป็นคนที่ไม่เคยกลัวอะไร เขาทุ่มเทให้กับการแสดงในแบบที่คนอื่นไม่กล้าทำ กิลเลี่ยมบอกว่าเขารู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ ทื่สื่อมักจะเล่นข่าวการเสียชีวิตของเฮดเจอร์ไปจนเลยเถิด การตายของเขาเป็นอุบัติเหตุบ้าๆ เท่านั้นแหละ มันเหมือนกับคุณสะดุด หัวฟาดพื้น แล้วคุณก็ตาย ฮีธมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ เขาต้องใช้ยาช่วย แต่ผู้คนกลับพยายามโยงไปหาเรื่องโน้นเรื่องนี้ ทำเหมือนกับว่ามันเป็นละครชีวิต แต่นี่มันไม่ใช่ละคร มันเป็นโศกนาฏกรรม
เมื่อนักแสดงหนุ่มฝีมือดีคนนี้จากไปอย่างไม่มีวันกลับ หนังเรื่อง The Imaginarium of Doctor Parnassus จึงโดนผลกระทบเข้าอย่างจัง ทีแรกกิลเลี่ยมมองไม่เห็นหนทางเลยว่า หนังจะเดินหน้าต่อไปได้ยังไงโดยที่ไม่มีเลดเจอร์ เขาจึงคิดที่จะพับโปรเจกต์นี้ลงไปเลย แต่ผู้คนรอบข้างไม่ยอมให้ผมเลือกทางออกง่ายๆ อย่างนั้น ทีมงานต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเราต้องเดินหน้าต่อไปเพื่อฮีธ เพราะถ้าเราล้มเลิกเอาตอนนี้ โลกก็จะไม่มี โอกาสได้เห็นบทบาทครั้งสุดท้ายของเขา มันสำคัญกับฮีธ สำคัญกับเราทุกคน ให้ตายสิ พวกเขากัดผมไม่ปล่อยเลย
กิลเลี่ยมจึงตัดสินใจเดินหน้าโปรเจกต์นี้ต่อ ด้วยการพยายามหาทางออกว่าควรจะทำยังไงกับบทหนัง และไม่นานเขาก็ค้นพบไอเดียบรรเจิด ในเมื่อ The Imaginarium เป็นหนังแฟนตาซีจินตนาการเหนือโลกความจริงอยู่แล้ว ทำไมไม่เขียนให้บทนักต้มตุ๋น โทนี่ ของเลดเจอร์มีหลายหน้าตา หลายคาแรคเตอร์ไปเสียเลยล่ะ เขามีเสน่ห์ น่าหลงใหล เขาพูดให้คุณเคลิ้มได้ เขาเป็นได้ทุกอย่าง กิลเลี่ยมพูดถึงตัวละครโทนี่ เขาเป็นเหมือน กิ้งก่าที่เปลี่ยนสีได้ ดังนั้นเราอาจจะต้องการนักแสดงหลายคน
อันที่จริงไอเดียนี้เป็นของเลดเจอร์มาตั้งแต่ตอนที่เขาวางคาแรคเตอร์ให้ตัวละครของตัวเอง โทนี่มีความซับซ้อนเกินกว่าที่นักแสดงคนเดียวจะมารับบทนี้ได้ ฮีธเขียนบทนี้ให้ตัวเขาเอง เขาจึงเป็นคนเดียวที่สามารถสวมบทนี้ได้ กิลเลี่ยมกล่าว เมื่อขาดเขาไป จึงน่าจะมีนักแสดงอีกสามคนมารับบทนี้
นักแสดงสามคนที่กิลเลี่ยมต้องการให้มารับบทโทนี่ ต้องมีคุณสมบัติเหมือนกันประการหนึ่งคือ ต้องรู้จักเลดเจอร์เป็นอย่างดี และคนแรกที่กิลเลี่ยมโทรหาหลังจากปิ๊งไอเดียนี้ก็คือ จอห์นนี่ เด็ปป์ ผู้เคยปฏิเสธที่จะขึ้นจอร่วมกับเลดเจอร์ในเรื่อง The Brothers Grimm แต่ในชีวิตจริงทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จอห์นนี่เป็นเพื่อนรักของฮีธ ผมโทรหาเขา แล้วถามว่าสนใจไอเดียประหลาดๆ นี้ไหม เขาตอบตกลงแบบไม่ต้องลังเลใจเลย
คนต่อมาคือ จู๊ด ลอว์ เพื่อนรักอีกคนของเลดเจอร์ มันเป็นเรื่องที่ตลกอยู่เหมือนกัน ทีแรกผมคิดจะมอบบทนี้ให้จู๊ด เพราะตอนนั้นฮีธยังไม่มีคิวว่าง กิลเลี่ยมบอกว่าตอนที่เขาเอาบทหนังไปเสนอสตูดิโอเพื่อขอทุนสร้าง เขาวาดภาพของจู๊ด ลอว์ในบทโทนี่เอาไว้ในหัว แต่แล้วฮีธก็ว่าง และเข้ามาจัดการกับบทโทนี่ ส่วนจู๊ดก็ไปเล่นหนังเรื่องอื่น แต่สุดท้ายจู๊ดก็เข้ามารับบทนี้จนได้
และคนสุดท้ายคือ โคลิน ฟาร์เรล ซึ่งกิลเลี่ยมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ฟาร์เรลก็เป็นเพื่อนรักอีกคนของเลดเจอร์ ไม่ใช่แค่ผมหรอกที่ประหลาดใจ แต่เมื่อโคลินไปร่วมงานศพของฮีธ ผู้คนต่างก็พูดกันว่าเราไม่รู้มาก่อนเลยว่าทั้งคู่สนิทกันขนาดนี้
ทั้งเด็ปป์, ลอว์ และฟาร์เรล ตอบตกลงเล่นบทโทนี่ต่อจากเลดเจอร์ โดยยอมรับค่าตัวถูกๆ แต่ทั้งสามคนพร้อมใจกันไม่รับเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง แต่มอบให้ มาทววัย 4 ขวบของเลดเจอร์ และ มิเชล วิลเลียมส์ อดีตคู่หมั้นที่รู้จักกันตั้งแต่ตอนที่แสดงเรื่อง Brokeback Mountain
กิลเลี่ยมยังบอกต่อไปอีกว่า เขารู้สึกประหลาดใจมากที่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรมากมายเลยในการเข็นโปรเจกต์ให้อยู่รอดต่อไปได้ เพราะดูเหมือนว่าทุกฝ่ายจะพร้อมใจกันให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ทีมงานทุกคนคิดอยู่เสมอว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องสร้างหนังเรื่องนี้ให้เสร็จ ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจจะไม่ขึ้นเครดิตของหนังว่า A Terry Gilliam Film ตามปกติ แต่เปลี่ยนเป็น A Film from Heath Ledger and Friends เป็นการให้เกียรติแก่ผู้เสียชีวิตแบบที่ไม่มีหนังเรื่องไหนเคยทำมาก่อน
แต่ไอเดียการใช้นักแสดงถึงสี่คนรับบทตัวละครเพียงตัวเดียวเช่นนี้ แม้แต่ตัวกิลเลี่ยมเองก็ยังไม่ค่อยจะมั่นใจสักเท่าไหร่ว่ามันจะได้ผล ในการถ่ายทำแต่ละวันแต่ละเดือนผ่านไป จนกระทั่งถึงขั้นตอนการตัดต่อ และกิลเลี่ยมได้เห็นตัวหนังเวอร์ชั่นแรกแล้วนั่นแหละ เขาถึงเริ่มจะมั่นใจว่าหนังต้องไปรอดแน่นอน มันได้ผลจริงๆ ไม่ใช่แค่พอใช้ได้ แต่มันโคตรจะเวิร์คเลย! มันเหมือนหนังก้าวพ้นจากขุมนรก แล้วได้เกิดใหม่แบบประหลาดๆ ผมบอกได้เลยว่าเราได้สร้างหนังที่ยอดเยี่ยมออกมาอีกเรื่องหนึ่งแล้ว
ในทีแรก The Imaginarium วางกำหนดฉายไว้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี 2009 ที่กำลังจะมาถึงนี้ แต่เมื่อเลดเจอร์เสียชีวิต และต้องมานั่งแก้บทกันใหม่ รวมทั้งต้องรอคิวว่างของนักแสดงอีกสามคนที่มารับบทโทนี่ ทำให้หนังต้องเลื่อนฉายจากกำหนดเดิม ซึ่งกิลเลี่ยมบอกว่าเขาไม่กังวลว่าหนังจะฉายช่วงไหน แต่เขาแทบจะรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นปฏิกิริยาของคนดูและนักวิจารณ์ที่มีต่อหนังเรื่องสุดท้ายของฮีธ เลดเจอร์เรื่องนี้ ผมรู้ว่าผู้ชมต้องอยากมาดูหนังเรื่องนี้แน่นอน ไม่ว่าเหตุผลที่พวกเขาจะมาดูนั้นคืออะไร แต่เรามีหนังที่จินตนาการพิสดารพันลึก ผมหวังว่าพวกเขาจะได้เห็นความมหัศจรรย์ของหนัง ผ่านการแสดงอันเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ของฮีธ รวมทั้งเหล่าผองเพื่อนของเขาด้วย
ผมพูดอยู่เสมอว่า ฮีธเป็นเหมือนผู้กำกับร่วมของหนังเรื่องนี้ แม้ว่าเขาจะจากเราไปแล้ว แต่มันเหมือนกับว่าเขายังวนเวียนอยู่ในกองถ่าย ไม่ใช่แบบว่าเป็นวิญญาณมาขี่คอผมแล้วสั่งให้ทำนู่นทำนี่ อะไรแบบนั้นนะ กิลเลี่ยมหัวเราะ เขาเป็นผู้สร้างทุกสิ่งทุกอย่างในหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนยังมีชีวิต และการที่เขาตาย ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้หนังออกมาในรูปแบบนี้
The Imaginarium of Doctor Parnassus มีกำหนดฉายในอเมริกาเดือนกันยายน 2009
เนื้อหาสนับสนุนจาก