4 เหตุผลที่ทำให้ Smile แสยะยิ้ม สยองหัวหลุด โคตรน่าดู

4 เหตุผลที่ทำให้ Smile แสยะยิ้ม สยองหัวหลุด โคตรน่าดู

4 เหตุผลที่ทำให้ Smile แสยะยิ้ม สยองหัวหลุด โคตรน่าดู
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครจะไปคาดคิดว่า “รอยยิ้ม” ที่เราได้เห็นทุกวี่วันจะแปรเปลี่ยนเป็นความตายสุดสยองชวนสะพรึง เมื่อ Smile หยิบเอาคอนเซ็ป ยิ้มเปลี่ยนชีวิตเข้ามาทำให้ผู้ชมรู้สึก “ขนลุก” แทน

 

เรื่องราวน่าขนลุกเกินคาดเดา

ดร.โรส คอตเตอร์ (โซซี เบคอน)จิตแพทย์ผู้อุทิศตนในโรงพยาบาลของรัฐ ที่มีภารกิจดูแลให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาของเธอได้รับความช่วยเหลือตามที่พวกต้องการแต่เมื่อภายหลังจากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่เกิดขึ้นกับคนไข้ของตัวเอง โรสเริ่มพบว่าตัวเองกำลังต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์สะเทือนขวัญสุดแปลกประหลาดและหาคำอธิบายไม่ได้ ความน่ากลัวเริ่มเข้ามาครอบงำชีวิตของเธอทีละเล็กทีละน้อย ยิ่งไปกว่านั้นเธอพบว่าตัวเองกำลังดิ้นรนเพื่อโน้มน้าวเพื่อนๆ และครอบครัวของเธอ ว่าฝันร้ายเหนือจริงที่เธอกำลังประสบอยู่นั้นเป็นเรื่องจริง โรสจึงต้องพยายามต่อสู้เพื่อรักษาสติของตัวเองเอาไว้ แต่ยิ่งเธอต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันแสนน่ากลัว เธอเริ่มค้นพบว่าหนทางรอดชีวิตของตัวเองริบหรี่ลงเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องพยายามสืบเสาะหาความจริงว่าตกลงแล้วเกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่

 

จากหนังสั้นสู่เรื่องราวสุดหลอนขนาดยาว

อันที่จริงแล้ว Smile ถูกพัฒนามาจากหนังสั้นเรื่อง Laura Hasn't Slept โดยเป็นหนังของตัวผู้กำกับปาร์คเกอร์ ฟินน์ เช่นเดียวกัน นำแสดงโดยเคทลิน สเตซีย์ ผู้มีบทบาทที่น่าจดจำใน Smile โดยหนังสั้นเรื่องนี้ ได้รับรางวัลสเปเชียล จูรี อวอร์ดในหมวดมิดไนท์ ชอร์ตของงานเทศกาลภาพยนตร์เซาธ์บายเซาธ์เวสต์ ภาพยนตร์ความยาว 11 นาทีเรื่องนั้นสร้างกระแสฮือฮาในวงการ ตัวหนังสั้นเข้าตาสองโปรดิวเซอร์มาร์ตี้ โบเวนและวิค ก็อดฟรีย์จนเขาได้รับข้อเสนอจากสตูดิโออย่างพาราเมาท์ในการสานต่อเรื่องราวให้กลายเป็นหนังขนาดยาว แม้จะไม่ได้เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ในเวอร์ชั่นหนังยาวคือการพาคนดูไปสำรวจว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากความคิดของเราดันกลับตาลปัตรกลายเป็นความสยอง ราวกับว่าเราได้หลับฝันไปและติดอยู่กับฝันร้ายนั้น กระทั่งตอนที่เราตื่นขึ้นมา

ในฐานะที่ปาร์คเกอร์ ฟินน์ เป็นคอภาพยนตร์สยองขวัญมาตลอดชีวิต เขาจึงเข้าใจเป็นอย่างดีว่า สิ่งที่จะทำให้หนังสยองขวัญสักเรื่อง ผู้ชมอยากจะเอาใจช่วยและลุ้นไปกับหนังให้ตลอดรอดฝั่ง คือการสร้างตัวละครที่มีเรื่องราวดราม่าในแบบที่คนดูต้องเห็นอกเห็นใจตัวละครกันตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะถ้าผู้ชมใส่ใจกับตัวเอกแล้วก็จะใส่ใจกับชะตากรรมของตัวละครตามมาด้วย และภายหลังจากนั้นผู้กำกับก็จะสามารถหาจังหวะในการโจมตีผู้ชม ด้วยการขุดเอาสิ่งที่คนดูกลัวมาเป็นเครื่องมือในการกระตุกอารมณ์นั่นเอง

นางเอกเป็นลูกสาวของเควิน เบคอน

หลังจากที่โซซี เบคอน นางเอกของเรื่องได้พบกับทีมงาน ตัวผู้กำกับอย่างปาร์คเกอร์ ฟินน์ รู้ทันทีว่าเธอคือตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากภายในของเบคอนและพรสวรรค์ตามธรรมชาติของเธอในการเชื่อมต่อกับผู้คนเป็นสิ่งที่ฟินน์มองว่าเป็นลักษณะสำคัญในการนำเสนอภาพของจิตแพทย์คลินิกที่เอาใจใส่ ที่สำคัญไม่แพ้กัน เธอมีทักษะการแสดงในการถ่ายทอดอารมณ์และความวิตกกังวลของใครบางคนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย

ตัวละครนี้แทบจะปรากฏตัวอยู่ในทุกๆฉากของหนัง เธอต้องแบกรับกับความเครียด ความกลัว ความตกใจตลอดทั้งเรื่อง ตัวโซซี เบคอน ได้เล่าถึงภาพรวมของ Smile ว่ามันเป็นหนังสยองขวัญแนวจิตวิทยาที่เข้มข้น นางเอกของเรื่องต้องแบกรับความเจ็บปวดเอาไว้มากมาย หลังจากที่เธอได้เห็นเหตุการณ์รุนแรงในที่ทำงาน เธอก็ต้องรับมือกับภัยคุกคามเหนือธรรมชาติที่โจมตีเธอ

เผื่อใครยังไม่รู้โซซี เบคอน เป็นลูกสาวของเควิน เบคอน ซึ่งพ่อของเธอก็เล่นหนังสยองขวัญเรื่องดังมาแล้วมากมายอาทิ Stir of Echoes, Flatliners และภาพยนตร์คลาสสิกตลอดกาล Friday the 13th ดังนั้นเธอจึงซึมซับการแสดงของพ่อตัวเองมาไม่น้อยเลยทีเดียว

 

รอยยิ้มสุดสยองอันตราตรึง

สิ่งที่ผู้ชมได้เห็นตั้งแต่ตัวอย่างภาพยนตร์ คือพลังงานชั่วร้ายที่ได้ครอบงำชีวิตของโรส ในหนังเรื่อง Smile ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบของ “รอยยิ้ม” อันแสนน่าขนลุก แต่บางทีแล้วอาจจะไม่มีอะไรที่น่ากลัวมากไปกว่าการแสดงออกทางสีหน้าค่าตา แต่ไม่ใช่รอยยิ้มอันเป็นมิตร หากเป็นการแสยะยิ้มอันน่าสยดสยองที่ติดอยู่ที่ริมฝีปากของเพื่อนฝูงและคนแปลกหน้าหลายต่อหลายคนที่โรสมีโอกาสได้พบ รวมไปถึงการปรากฏตัวของความชั่วร้ายบางอย่างที่ทำให้เธอเดินไปสู่หุบเหวแห่งความบ้าคลั่งอันแสนน่ากลัว

ผู้กำกับปาร์คเกอร์ ฟินน์  บอกเหตุผลที่เขาเลือกใช้รอยยิ้มเป็นตัวแทนของความชั่วร้ายในภาพยนตร์เรื่องนั้นเพราะพลังทางอารมณ์ที่เกิดจากความขัดแย้งโดยธรรมชาติ "รอยยิ้มกระตุ้นบางสิ่งที่เกิดจากสัญชาตญาณภายในตัวเราครับ” ฟินน์กล่าว “เราเรียนรู้ที่จะยิ้มตั้งแต่ยังเด็ก ก่อนที่เราจะเรียนรู้วิธีพูดด้วยซ้ำไป ดังนั้น ความคิดของผมคือนำภาพนั้นมาเปลี่ยนให้เป็นภัยคุกคาม ที่ให้ความรู้สึกอันตรายและทำลายล้าง ผมต้องการดูว่าผมจะสามารถใช้การแสดงออกทางสีหน้าที่ปลอบโยนนั้นมาทำให้ผู้ชมรู้สึกขนลุกขนพองได้หรือไม่น่ะครับ”

นอกจากนี้ ฟินน์ยังตั้งข้อสังเกตอีกว่า มนุษย์เป็นสายพันธุ์เดียวที่ใช้รอยยิ้มเป็นการแสดงท่าทางที่เป็นมิตร และสำหรับสัตว์ส่วนใหญ่ การยิงฟันถือเป็นการขู่ "มีบางอย่างที่น่าสนใจจริงๆ เกี่ยวกับการนำแนวคิดเรื่องรอยยิ้มมาแปลงโฉมให้กลายเป็นสิ่งที่ร้ายกาจและเป็นอันตรายถึงชีวิต" ฟินน์กล่าว มันกระตุ้นส่วนที่เป็นสมองสัตว์ของเราและสัญชาตญาณดั้งเดิมทั้งหมดที่ฝังลึกอยู่ในตัวเราน่ะครับ

 

Smile เข้าฉายในโรงภาพยนตร์แล้ววันนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook