5 เหตุผลที่ทำให้ Do Revenge กลายเป็นหนังไฮสคูลแห่งยุค 2022
ในแต่ละเจนเนอเรชั่นจะมีหนังไฮสคูลอยู่คู่ยุคสมัย และทำให้บรรดาหนุ่มสาวชาวทีนจดจำเรื่องนั้นได้อย่างแม่นยำ และในทุกครั้งที่พวกเขาหวนกลับมาดูซ้ำ ความประทับใจและอารมณ์ร่วมที่เคยมีจะหวนกลับมาอยู่เสมอ เช่นเดียวกับ Do Revenge ที่กำลังรับบทบาทนั้นได้อย่างน่าสนใจ
1.เรื่องราวมีความร่วมสมัย
ปี 2004 Mean Girl อาจจะเป็นภาพแทนของเหล่าวัยรุ่นไฮสคูลที่ต้องเอาชีวิตรอดจากการอยู่ในสังคมอันเต็มไปด้วยความสลับซับซ้อนทางวัฒนธรรม ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้ใหญ่เองที่ก็ต้องปรับตัวให้เข้ากับความคิดความอ่านของวัยรุ่นในยุคนั้นเช่นเดียวกัน
เช่นเดียวกับ Clueless ในปี 1995 ที่ว่าด้วยเรื่องของเด็กสาววัยรุ่นแชร์ ฮอโรวิตส์ บ้านรวยมีชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าอยู่ในเบเวอร์ลี ฮิลส์ แม้บรรดาคนรอบตัวอาจจะมองว่าเธอเป็นสาวไม่มีสมอง แต่อันที่จริงแล้วตัวเอกกลับต้องรับมือกับสายตาจับจ้องราวกับเธออยู่ท่ามกลางสปอตไลท์ตลอดเวลาเช่นกัน
กลับมาใน Do Revenge คือวิวัฒนาการของหนังไฮสคูล ที่ดูผิวๆอาจจะ ไม่ได้มีอะไรมากมายไปกว่าหนังเด็กใหม่ที่เพิ่งย้ายโรงเรียนมา ก่อนจะได้เจอกับอดีตดาวโรงเรียนตัวท็อปผู้เพิ่งตกกระป๋อง และอยากจะใช้เด็กใหม่ไปเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นอดีตแฟนหนุ่มผู้ทำให้เธอตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ทว่าเมื่อหนังดำเนินเรื่องไปสักระยะมันกลับเต็มไปดด้วยลูกล่อลูกชนและเต็มไปด้วยสิ่งเหนือความคาดหมาย (หากคุณยังไม่ได้รับชมกรุณาปิดบทความนี้ไปก่อนเนื่องจากจะมีการสปอยล์เนื้อหาในภาพยนตร์)
2.อย่าไว้ใจสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “แฟน”
เดรดา (คามิลา เมนเดส) ควีนตกกระป๋อง โดยปกติแล้วผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดในห่วงโซ่อาหารของหนังไฮสคูลนั้น มักจะเป็นสาวผมบลอนด์บ้านรวย แต่ไม่ใช่สำหรับ Do Revenge เมื่อเรามองไปถึงฐานะของเดรดาซึ่งเป็นแค่เพียงชนชั้นกลาง แต่ด้วยความทะเยอทะยานได้ผลักดันให้เธอก้าวเข้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อนที่ร่ำรวย อันเป็นใบเบิกทางจะนำพาเธอไปสู่การทำพอร์ตโฟลิโอเพื่อยื่นสมัครมหาวิทยาลัยชั้นนำ ด้วยความฉลาดเป็นกรดของเธอจึงทำให้เดรดา สามารถเอาชีวิตรอดจากบ่อปลาฉลามได้เสมอมา
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอตกม้าตาย เมื่อแฟนหนุ่มสุดที่รักอย่างแมกซ์ (ออสติน เอบรามห์) ร้องขอให้เธอส่งวิดีโอในห้วงเวลาที่เดรดากำลังสำเร็จความใคร่ แต่เช้าวันรุ่งขึ้นคลิปดังกล่าวก็แพร่กระจายออกไปจนทุกคนในโรงเรียนมองเธอด้วยสายตาแปลกประหลาด ไม่นานนักเธอก็ถูกปลดระวางจากสถานะควีน เดรดาปักใจเชื่อว่านี่คือการกระทำของแมกซ์ แฟนหนุ่มของตัวเองแต่เธอก็ยังไม่สามารถจะหาหลักฐานมามัดตัวเขาได้
3.เลสเบี้ยนสาวผู้กลายเป็นไส้ศึกคนสำคัญ
ในหนังไฮสคูลน้อยเรื่องนักที่จะให้พื้นที่กับตัวละครเลสเบี้ยนได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทจริงๆจังๆ ส่วนมากตัวละครเหล่านี้มักจะถูกผลักให้กลายไปเป็นตัวประกอบอีกทอดหนึ่ง แต่ Do Revenge ทำให้ตัวละครของเอเลนอร์ (มายา ฮอว์ค) กลายเป็นตัวละครดำเนินเรื่องที่สลักสำคัญ เมื่อเธอกลายเป็นเด็กใหม่ที่ย้ายโรงเรียนมาประจวบเหมาะพอดิบพอดีกับตอนที่เดรอากลายเป็นหมาหัวเน่าประจำไฮสคูล ด้วยความห่วงใยเธอจึงพยายามเข้าไปปลอบและคบหาเธอเป็นเพื่อน แม้ว่าเดรอาจะไม่อยากได้ความช่วยเหลือก็ตาม
หลังจากที่เดรอาใช้สมองและวางแผนจะแก้แค้น เอเลนอร์จึงกลายเป็นหมากตัวสำคัญในเกมครั้งนี้ ประกอบกับการที่เอเลนอร์เองก็มีไฟแค้นสุมอกกับแฟนเก่าที่เป็นเลสเบี้ยน ผู้สร้างรอยแผลครั้งใหญ่ในชีวิตของเธอเอง เมื่อทั้งสองผนึกกำลังกันคราวนี้ก็จะไม่มีใครมาหยุดยั้งได้
4.เมื่อนางเอก = นางร้าย
อันที่จริงตัวละครอย่างเดรอา ไม่ได้มีความใกล้เคียงกับตัวละครนางเอกในหนังไฮสคูลเอาซะเลย เอาเข้าจริงเธอแทบจะเป็นนางร้ายของเรื่องซะด้วยซ้ำ ความเจ้าคิดเจ้าแค้น การวางตัวเองอยู่เหนือกว่าคนอื่น หรือแม้กระทั่งแนวคิดโลกต้องโคจรรอบตัวเธอ ยิ่งทำให้ตัวละครนี้ห่างไกลกับภาพนางเอกในอุดมคติไปไกล (อย่างน้อยเธอก็มีความใกล้เคียงกับตัวละครเรจิน่า จอร์จมากกว่าเคดี้ แฮรอน ใน Mean Girl ฉันใดฉันนั้น)
ทว่าความเฟียสฟาดว้าวซ่าของเธอ ก็ต้องดำเนินมาสู่จุดพลิกผัน เมื่อความจริงทั้งหมดปรากฏขึ้นมาว่า จริงๆแล้วเอเลนอร์เองก็คือเหยื่อคนสำคัญที่เคยถูกเดรอากกลั่นแกล้งเอาไว้เมื่อนานมาแล้ว จนเอเลเนอร์กลายเป็นคนสูญเสียความมั่นใจในตัวเองไป เกือบจะมีอาการซึมเศร้า กระทั่งวันหนึ่งเอเลนอร์ก็วางแผนว่าเมื่อมีโอกาสเธอจะต้องแก้แค้นเดรอาให้ได้ และแล้วทุกอย่างก็ลงล็อคพอดิบพอดี เมื่อเดรอากำลังตกกระป๋อง
5.หนุ่มฮอตคือผู้ร้ายขั้นสุด
บอกลาพระเอกหน้าตาหล่อ มากความสามารถ บ้านรวย ทรงเสน่ห์ทิ้งไปได้เลย เมื่อจริงๆแล้วบุคคลนี้อาจจะกลายเป็นคนที่ร้ายกาจที่สุดและทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อช่วงชิงอำนาจในการปกครอง (อย่างน้อยก็ต้องใหญ่และโดดเด่นที่สุดในไฮสคูล) แมกซ์จึงทำทุกวิถีทางเพื่อทำให้เสียงข้างมากและความสนใจของผู้คนในโรงเรียนกลับมาอยู่ที่เขา หลังจากที่เดรอา ยึดเอาสิ่งเหล่านี้ไปมาตั้งนานนม จุดเริ่มต้นทั้งหมดของหนังเรื่องนี้คือแผนการที่แมกซ์วางเอาไว้ และเมื่อมันสบโอกาสเขาจึงไม่รอช้าที่จะเขี่ยแฟนตัวเองให้พ้นทาง #ช่างเลือดเย็นยิ่งนัก
จริงอยู่ที่ Do Revenge อาจจะสามารถจัดอยู่ในหมวดหมู่หนังไฮสคูลได้อย่างไม่ขัดเขิน แต่เมื่อเรามองลึกลงไปในรายละเอียดที่ปรากฏอยู่ระหว่างทาง เราจะพบว่ามือเขียนบทและผู้กำกับ เจนนิเฟอร์ เคย์ทิน โรบินสัน หยิบเอาสิ่งเล็กๆน้อยๆที่เรามักพบเห็นในหนังไฮสคูลมาบิด เขย่า ปั่นรวมกันให้กลายเป็นรสชาติใหม่ๆได้อย่างน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว