"เจฟ ซาเตอร์" (Jeff Satur) กับมุมมองความสุข "ขอบคุณที่ให้ผมได้เป็นความสุขของคุณ"

"เจฟ ซาเตอร์" (Jeff Satur) กับมุมมองความสุข "ขอบคุณที่ให้ผมได้เป็นความสุขของคุณ"

"เจฟ ซาเตอร์" (Jeff Satur) กับมุมมองความสุข "ขอบคุณที่ให้ผมได้เป็นความสุขของคุณ"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงเวลาที่ KinnPorsche The Series โด่งดังทั้งในและต่างประเทศ นักแสดงนำในเรื่องไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลัก หรือตระกูลรอง บทหลักหรือบทรอง ทุกตัวละครต่างเป็นที่ชื่นชอบของแฟนๆ และกระแสจากเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ตัวซีรีส์เป็นที่พูดถึงและติดตามเท่านั้น ยังสามารถจัดคอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ไปยังประเทศต่างๆ ได้อีกด้วย

ขณะที่เหล่าหนุ่มๆ นักแสดงเรื่องนี้กำลังออนทัวร์พบปะแฟนๆ ทั่วโลก Sanook ขอหยิบบทสัมภาษณ์ของหนึ่งในนักแสดงของเรื่องนี้อย่าง เจฟ ซาเตอร์ (Jeff Satur) ผู้ที่รับบทเป็น คิมหันต์ ทายาทคนที่สามของตระกูลหลักผู้ลึกลับและแข็งแกร่ง ที่เคยได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ก่อนหน้านี้ 

มาพูดคุยกันแบบสบายๆ เป็นกันเองพร้อมเปิดมุมมองตัวตน กับ เจฟ ซาเตอร์ กันเลยดีกว่า

 เจฟ ซาเตอร์

Q: คิดไหมว่าการมารับบท คิม ใน คินน์พอร์ชฯ จะได้รับการตอบรับที่มากมายขนาดนี้

"โห อันนี้มันดีเกินที่เราคิดไปเยอะมากครับผม แล้วเราก็ เอ่อคือเราอะทำการบ้านได้ดีที่สุดที่แบบเราทำได้ดีที่สุดแล้ว เราก็ทำออกไป โดยที่เราก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะเป็นแบบนี้ ที่ทุกคนจะมาวิเคราะห์ในสิ่งที่เราทำในทุกอย่างอะไรอย่างงี้ ก็เอ่อ ขอบคุณจริงๆ มันก็เป็นเหมือนกำลังใจให้เราทำในฐานะนักแสดงต่อไปด้วยครับ ช่วงซีรีส์ออน ผมนอนตี 4 ตลอดเลย นั่งดูแบบ หลายๆ คนเขียนวิเคราะห์ บางคนแบบเขียนวิเคราะห์แบบมี theory มีอะไรหลายๆอย่าง อะไรยังงี้ ก็เอ่อเรารู้สึกสนุกทุกครั้งที่ได้เห็นคนเขาแบบวิเคราะห์การแสดงของเราหรือวิเคราะห์เนื้อเรื่องว่ามันจะไปทางไหนอะไรยังงี้ครับ"

Q: ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้าง

"ชีวิตเปลี่ยนไปยังไงบ้างหรอครับ จริงๆเราก็มีคนรู้จักมากขึ้น ไปที่ไหนก็เริ่มมีคนมาทัก ก็ดีครับ แล้วก็หลายๆคนก็ได้รู้จักในตัวของเจฟมากขึ้นด้วย สิ่งที่เจฟชอบ ไลฟ์สไตล์ของเจฟครับ ผ่านตัวละครคิม และก็ได้มารู้จักเจฟ รู้จักงานเพลงที่เจฟทำอะไรยังงี้"

Q: จริงๆ เจฟ เข้าวงการมาหลายปีมากๆ แล้ว แต่คนเพิ่งจะมารู้จักคุณมากขึ้นหลังจากรับบท คิมหันต์ ในคินน์พอร์ช เห็นด้วยกับประโยคนี้ไหม

"ผมรู้สึกว่ามันก็ได้แหละ แต่ผมรู้สึกว่าไม่ว่าคุณจะรู้จักผมจากไหน มันก็ดีที่เราได้เจอกัน ก็อย่างน้อยเราได้มาเจอกัน ได้มารู้จักกัน ทั้งเรื่องงานแสดงเอง งานเพลงเองอะไรยังงี้ มันดีเสมอที่เราได้มาเจอกันตรงนี้ครับ"

Q: คิมหันต์ ได้เปลี่ยน เจฟ ไปในทางไหนบ้าง?

"จริงๆ ก็อย่างแรกเลยก็คือว่า มีคนได้รู้จักเจฟมากขึ้นเนอะ แล้วก็ถ้าในเชิงของเรื่องแบบ emotions อะไรยังงี้ คือคิมก็เป็นคนนึงที่ทำให้เราได้เห็นในสิ่งที่เราแบบคิดว่าในชีวิตนี้คงไม่เคยได้เห็น ในภาพของความเป็นมาเฟีย ครอบครัวตระกูลมาเฟีย แล้วก็ energy อะไรบางอย่างที่เค้ามี มันทำให้เราโตขึ้นในแบบที่เฟิร์มขึ้น ในแบบที่เรามั่นใจด้วยอะไรอย่างงี้ เพราะว่าบางอย่างคือ ถ้าเราไม่ได้ไปเป็นคิม เราไม่รู้เลยว่ามีวิธีคิดแบบนี้ที่เราใช้กับตัวเราเองแล้วเราแข็งแรงขึ้นครับ"

Q: ก่อนหน้านี้ คนอาจไม่รู้ว่าคุณเป็นนักร้องมาก่อนที่จะเป็นนักแสดง พอเป็นนักแสดงก็ทึ่งว่าคุณร้องเพลงได้ และร้องได้ดีมากด้วย คิดว่าตอนนี้ตัวเองทำพาร์ทไหนได้ดีกว่ากัน

"แบบว่าจากคนที่รู้จักจากนักร้องก็รู้สึกว่า เอ้อ เค้าแสดงได้ คนที่แสดงก็รู้สึกว่าร้องได้ คือจริงๆ ผมรู้สึกว่าก็ดีนะๆ เพราะสุดท้ายมันก็คือตัวตนเรานี่แหละ แล้วก็มี ทุกคนมีหลายด้าน แล้วก็มีความชอบที่แตกต่างกัน ก็ดีที่เค้าได้เข้ามา ผมว่า ก็ต้องตอบว่า คือผม ในทุกๆงานไม่ใช่แค่เรื่องของพาร์ทไหน คือเราพยายามทำการบ้านให้ดีที่สุดอยู่แล้ว เอ่อเราไม่มีทางที่จะปล่อยงานออกมาโดยที่เรายังรู้สึกว่ามันไม่ดีพอ ครับว่าผมทำทุกอย่างได้ดีครับ"

เจฟ ซาเตอร์

Q: ก้าวเดินของตัวเองจากวันแรกที่เข้าวงการ จนถึงวันนี้ คิดว่าตัวเองเดินมาไกลแค่ไหนแล้วกับเส้นชัยที่ตัวเองตั้งไว้

"ใกล้ไหมเหรอครับ คือจริงๆ ผมฝันอยากทำ World Tour อยากเป็นศิลปินที่ได้ไปเจอแฟนเพลงรอบโลก ที่เราแบบ ที่เค้าฟังเพลงเรารอบโลกอะไรยังงี้ ผมว่ามันก็... ผมไม่รู้มันใกล้แค่ไหนนะ แต่ว่ามันก็ เอ่อมีความเป็นไปได้ว่ามันจะเกิดขึ้นอะไรยังงี้ ผมก็หวังว่ามันจะเกิดขึ้นดีกว่า อืม...ไม่รู้ว่ามันใกล้แค่ไหนแต่ก็จะพยายามให้เต็มที่ที่สุด เพื่อที่จะไปสู่จุดนั้นให้ได้ครับ"

Q: ตัวตนของ เจฟ ซาเตอร์ เป็นคนแบบไหน ช่วยจำกัดความของผู้ชายที่ชื่อ เจฟ ซาเตอร์ หน่อย

"ผู้ชายคนนี้เป็นเด็กในร่างผู้ใหญ่ครับ แล้วก็เป็นผู้ชายคนนึงที่สนุกกับการผจญภัย กับการไปเจออะไรใหม่ๆ การไปทำอะไรใหม่ๆ การได้ Challenge การได้มีอิสระในการที่จะแบบสนุกกับอะไรไปเรื่อยครับ โดยที่เราก็สนใจแค่ช่วงเวลานั้นที่เรามีชีวิตอยู่ ก็คือตอนนี้ครับ"

Q: จริงๆ เราเป็นคนเข้าถึงง่าย หรือเข้าถึงยาก

"ผมว่ามัน ทุกคนมันมีพาร์ทที่เราเข้าถึงยากและเข้าถึงง่ายอยู่แล้วครับ มันก็จะมีมุม personal ที่แม้แต่ตัวเราเอง บางทีเราก็ยังไม่ค่อยเข้าใจตัวเองเลยครับ มันก็ค่อนข้าง เอ่อเราก็ต้องตั้งคำถามกับตัวเองในหลายๆครั้งในพาร์ทนั้น คือเราคิดยังงั้นได้ไง เพื่อให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้น ส่วนพาร์ทที่เป็นเจฟ ผมว่าไม่ใช่ผู้ชายที่เข้าใจยาก เขามีมุมที่เรา Relatable ได้ และด้วยเราทำงานเพลงด้วยอะไรยังงี้ครับผม สิ่งที่เราเขียนอะไรยังงี้ก็ทำให้เราโชว์แสดงตัวตนของเราออกไป ผ่านเพลงผ่านการ Interview การอะไรยังงี้ คือผมรู้สึกว่ามันค่อนข้างจะเข้าใจได้ และก็เข้าใจง่าย"

Q: คุณเป็นคนที่อยู่กับเครื่องดนตรีบ่อยมากๆ นอกจากดนตรีแล้ว มีงานอดิเรกอะไรที่ชอบทำอีก หรือท่องเที่ยวที่ชอบไปที่ไหน

"งานอดิเรกอื่นนอกจากดนตรีใช่ไหมครับ จริงๆ ดนตรีก็คือไม่ใช่งานอดิเรกแล้วครับ (หัวเราะ) คืองานอดิเรกก็จะมี เขียน Blog แล้วก็ตอนนี้กำลังหาไอเดียเขียนหนังสืออะไรยังงี้อยู่ครับ [เราสนใจแนวไหน] แนวประวัติศาสตร์ แนว Facts ที่มีเรื่องปรัชญา แล้วก็เรื่องแรงบันดาลใจ คือจริงๆเราเริ่มเขียน Blog เพราะอยากจะให้คนที่อ่าน Blog เรา เขาได้รับแรงบันดาลใจ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตทุกวันของเค้ามันดีขึ้น ส่วนเที่ยวไหม? ไม่ครับ ไม่เที่ยว ผมเป็นคนไม่เที่ยวครับ ผมเป็นคนติดบ้าน ค่อนข้างติดบ้านมากครับ" 

Q: จำเหตุการณ์ที่ทำให้เรารู้สึกแย่ได้ไหม ฮีลตัวเองยังไง หรืออยากส่งต่อกำลังใจกับคนอื่นยังไง

"ผม… ความทรงจำแย่ๆ มันมีอยู่ แต่มันไม่ได้ทำร้ายเรา มันมีว่าเราเคยผ่านตรงนั้นมาได้และเราก็เข้มแข็งขึ้นยังไงยังงี้ครับ และเราได้เรียนรู้จากเรื่องแย่ๆ คนเราทุกคนผมว่าคนเราร้อยทั้งร้อยครับส่วนมากเรียนรู้จากเรื่องแย่ๆเสมอ เอ่อผมเองก็ขอบคุณมันมากกว่า ว่าเออมันผ่านเข้ามาทำให้เราได้โตขึ้น เพราะถ้ามันไม่ผ่านเข้ามาเราก็คงไม่ได้เป็นแบบเราในทุกวันนี้ครับผม 

สำหรับตัวเจฟเองใช่ไหมครับ เอ่อ เจฟเชื่อว่าการที่เราเป็นเด็ก อยากให้เห็นความเป็นเด็กของเราที่แบบพอเรากลับไปเป็นเด็กอะ เราจำได้ว่าตอนที่เป็นเด็กอะ เราไม่ได้มีเรื่องเครียดมากมายอะไรยังงี้ เราไม่มีความรับผิดชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องทิ้งความรับผิดชอบนะครับ ทุกคนควรจะมีความรับผิดชอบนะครับ เพียงแต่ว่าอย่าทิ้ง Spirit ความเป็นเด็กไปอะไรยังงี้ครับ ให้แบบสนุกกับชีวิต สนุกกับทุกๆวัน เด็กคือเจอเรื่องใหม่ๆทุกๆวันได้ คือเรื่องเดิมๆเราก็สามารถมองให้เป็นเรื่องใหม่ๆได้ เช่นคำถามเดิม ทางกลับบ้านแบบเดิมแบบนี้ เจอคนเดิมๆอะไรยังงี้ มันมีแง่มุมใหม่ๆให้เราสามารถ Explore ได้ครับ ก็อยากให้ทุกคนอย่าทิ้ง Spirit ความเป็นเด็กไปครับ เชื่อว่าถ้าเราไม่ทิ้งมัน มันก็จะมอบอะไรดีๆ ให้ชีวิตเราแน่นอน มันทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้นแน่นอนครับ 

 เจฟ ซาเตอร์

Q: คุณเป็นคนที่การแต่งตัวค่อนข้างแฟชั่นไม่น้อย อัปเดตเทรนด์แฟชั่นยังไง นิยามการแต่งตัวของตัวเองหน่อย

อัปเดตเทรนแฟชั่นยังไงเหรอครับ จริงๆก็ เราก็ดูแฟชั่นโชว์บ้างครับ ดูอะไรยังงี้หลายๆอัน ก็เอ่อ จริงๆผมดูแต่บางอันมันก็ไม่สามรถใส่ในชีวิตจริงได้นะ555 แต่ก็มีบางไอเท็มที่เรารู้สึกว่า ถ้ามีแบบตัวประมาณนี้หรือว่าใกล้เคียงกันน่าจะแมตช์ได้ เพราะจริงๆคือเจฟจะหาตัวที่ค่อนข้างแมตช์ได้หลายๆลุคอะไรยังงี้ ผมก็จะคอยอัปเดต จริงๆก็ค่อนข้างดูในโซเชียลมีเดียบ้างอะไรยังงี้ คือไม่ได้ดูแค่ผู้ชาย ดูของผู้หญิงด้วย เพราะบางทีเสื้อผู้หญิงมันมีดีเทลที่แบบคิดไม่ถึงว่าเสื้อผู้ชายจะดีเทลแบบนี้ได้ ก็ต้องเดินไปโซนผู้หญิงบ้างในตอนซื้อเสื้อผ้าอะไรยังงี้ครับผม แล้วตอนนี้ตอนไปดูเสื้อผ้าก็ต้องเดินไปโซนผู้หญิง ไปดูว่าคอลเลคชั่นผู้หญิงเค้ามีอะไรอัปเดตบ้างตอนนี้ ก็จะหา Pick up ไอเทมที่มันแมตช์ได้มาใส่ครับ มั่วเลยครับ สไตล์มั่วเลยครับ สไตล์เอ่อ คือบอกไม่ถูกว่าสไตล์อะไร มันคือความสนุกในการใส่เสื้อผ้าอะไรยังงี้ คืออย่างที่บอกเสื้อผ้าทุกชิ้นมันมี Energy ของมัน ถ้าสมมุติวันนี้เราอยากจะ feel นี้ คือบางวันผมก็ใส่สตรีท บางวันผมก็จะแต่งตัวมีความ Casual smart มันแล้วแต่วันเลยว่าเราอยากจะ Feeling แบบไหน บางวันอยากกลับไปเป็นเด็กก็ฮู้ดดี้ กางเกงยีนส์สักตัว รองเท้าผ้าใบ อะไรยังงี้ บางวันรู้สึกร้อนก็ไม่ใส่ไรเลยครับ ไม่มีๆๆไม่มีวันนั้น ไม่มีครับ

Q: ตั้งเป้าชีวิตอีกตัวเองอีก 10 ปีไว้ยังไง มองเห็นภาพตัวเองกำลังทำอะไร

"ผมอยากทำ World Tour เป็น Goal ที่สูงสุดของผมละ เพราะว่าผมชอบในการทำเพลงมากๆ ชอบการร้องเพลง ชอบการโชว์ ชอบการได้เจอกับคนที่เขาฟังเพลงเรา แบบมากๆอะไรยังงี้ การได้เจอเค้ามันเหมือนเค้าเติมเต็มเรา เราเติมเต็มเค้า และการได้ไปเจอกับทุกคนในทุกๆประเทศที่เค้าฟังเพลงเราอยู่อะไรยังงี้ มันคงมีความสุขมากๆ ถ้าได้ทำ World Tour ที่เป็นของเราจริงๆ"

Q: ฝากอะไรถึงแฟนๆ หน่อย

"ก็ไม่ว่าเราจะเจอกันยังไงอะไรยังงี้ แต่เราก็ได้รู้จักกันแล้ว ขอบคุณที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเจฟ แล้วก็ทุกครั้งที่ได้เจอกัน ทุกครั้งที่เห็นทุกคนเมนชั่น คอมเม้นท์ ไม่ว่าจากที่ไหน ภาษาอะไร มันมีความสุขเสมอ ผมขอบคุณที่อย่างน้อยคุณให้โอกาสเจฟได้เป็นความสุขของคุณอะไรยังงี้ แล้วก็ให้เวลาที่มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตของคนคนนึงอ่ะ ให้เวลากับเรา ให้เวลากับผลงานของเรา Appreciate กับผลงานเราอะไรยังงี้ ผม ถ้ามันมีเกินคำว่าขอบคุณผมก็คงพูดไปแล้ว แต่ว่าไม่มี ผมก็ขอบคุณครับ แล้วก็เราสนุกไปด้วยกันต่อครับ เหมือนเราเป็นแก๊งเด็กซอย 15 ครับ ขอบคุณครับ"

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ

อัลบั้มภาพ 30 ภาพ ของ "เจฟ ซาเตอร์" (Jeff Satur) กับมุมมองความสุข "ขอบคุณที่ให้ผมได้เป็นความสุขของคุณ"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook