คุยชิลๆ กับ "นนน กรภัทร์" นักแสดงที่ไม่อยากซักล้างอะไรออกจากชีวิต
Sanook Movie เปิดปี 2023 ด้วยการพาทุกคนมาพบกับคอนเทนต์ Star of The Month ที่จะพาไปพูดคุยกับนักแสดงที่มีความโดดเด่นน่าค้นหาและเราอยากให้คุณได้รู้จักตัวตนของเขาให้มากขึ้นในแต่ละเดือน
ประเดิมนักแสดงคนแรก Star of The Month ประจำเดือน มกราคม นักแสดงหนุ่มฝีมือจัดจ้านของวงการบันเทิงอย่าง นนน-กรภัทร์ เกิดพันธุ์ เด็กหนุ่มที่เข้าสู่วงการตั้งแต่วัยเด็ก เคี่ยวกรำพัฒนาฝีมือการแสดงออกมาให้ได้ติดตามกันทุกปีที่ยิ่งนานวันยิ่งเฉิดฉาย เปล่งประกายด้วยฝีมือการแสดง การันตีด้วยผลงานดังไม่ว่าจะเป็น รุ่นพี่ Secret Love, The Gifted นักเรียนพลังกิฟต์, แค่เพื่อนครับเพื่อน, Dirty Laundry ซักอบร้ายนายสะอาด ฯลฯ
ชวนคุณมาค้นหาความเป็น นนน กรภัทร์ กับตัวตนและเส้นทางวงการบันเทิงในมุมที่น่าสนใจของหนุ่มคนนี้กัน!
อยากให้มองสีสันของตัวเอง ที่คิดว่าดูเป็นตัวเองที่สุด
"สีดำครับ ถ้าเรามองตัวเองเรารู้สึกว่าเราสีดำในแง่ที่ “จริงจัง” ถ้าคนมองจากภายนอกเหมือนเราเป็นคน “ขี้เล่น” เราคิดว่าเราเป็นคนจริงจังและซีเรียสในระดับหนึ่ง เลยคิดว่าสีดำ น่าจะเหมาะ"
อยากซักล้างอะไรจากชีวิตในตอนนี้
"อืม… ไม่มีอะไรอยากล้างครับ เพราะเรารู้สึกว่าสิ่งที่ผ่านมา สิ่งที่ทำทุกอย่าง มันหล่อหลอมให้เราเป็นเรา"
ไลฟ์สไตล์เป็นยังไง การใช้ชีวิต เราเป็นคนติดบ้าน หรือ ชอบออกไปเที่ยวข้างนอก
ติดบ้านครับ ส่วนใหญ่ก็ฆ่าเวลา ทิ้งเวลา ทำเวลาให้เปล่าประโยชน์มากที่สุด นั่นคือสิ่งที่ทำอยู่บ้าน มันคือกิจกรรมฆ่าเวลา โดยเอาเวลาทุกอย่างที่มีในชีวิตนั้น ใช้ให้เปล่าประโยชน์ อันนั้นคือสิ่งที่ประเสริฐที่เราทุกคนควรจะทำ(หัวเราะ) สมมติว่าเราต้องส่งงานวันที่ 7 วันที่ 1 เรานอน ฆ่าทิ้งๆๆๆ ทิ้งเวลาไปเลย วันที่ 6 ค่อยปั่นงานส่งวันที่ 7 อะโอเค คนเรามันมีหลายประเภท แต่คนที่บอกว่า การไปเที่ยวคือการพักผ่อน ไม่นะ การไปเที่ยวอะเหนื่อยกว่าอีก (หัวเราะ) การพักผ่อนคือแบบผมนี่ นอนดูไฟเพดานเฉยๆ อันนี้แหละคือพักผ่อน การที่เท้าไม่เหยียบพื้นเลย อันนี้แหละคือการพักผ่อนสำหรับผม ถ้าจะพูดให้ดูดีหน่อยก็บอกว่า ทบทวนตัวเอง (หัวเราะ) คุยกับตัวเอง เป็นยังไงบ้างช่วงนี้ แฮปปี้ตรงไหน ไม่แฮปปี้ตรงไหน อยากทำหรือไม่อยากทำอะไร ประมาณนี้ครับ
เราจะเป็นยังไง ถ้าอยู่กับเพื่อน
มันจะแยกกันนิดหน่อย ถ้าเพื่อนมีปัญหาแล้วมาหาเรา เราจะฟังอย่างเดียว อย่างเคสล่าสุดเพื่อนมาร์ค (ภาคิน) ก็โทรคุยกัน มันก็เล่า ผมก็นั่งฟังอย่างเดียว ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่ามันน่ะ ไม่ได้ไม่รู้หรอกว่าต้องทำยังไง แต่มันแค่ต้องการคนฟังแล้วต้องการให้ผมพูดในสิ่งที่มันคิดอยู่แล้ว นึกออกไหม สมมติว่า “เนี่ยมึง กูเหยียบหอยทากอะ รู้สึกผิดว่ะ ทำไงดีวะ” ผมเลยบอก “มึงไปทำบุญ” (หัวเราะ) มันทำไรไม่ได้แล้วอะ เนี่ย มันจะเป็นเรื่องที่แบบจริงๆ เพื่อนไม่ได้ไม่รู้ แต่แค่ให้เราย้ำในสิ่งที่มันคิดอยู่ อันนี้จะเป็นผู้ฟัง แต่ถ้าเป็นปาร์ตี้ เราจะเป็นผู้พูด รับบทเด็กเอ็นฯ (หัวเราะ) โดยสมบูรณ์ เราจะเอนเตอร์เทน อย่างล่าสุด ปาร์ตี้บ้านน้ำตาล (ทิพย์นารี) มีหลายคนใช่ไหม แล้วมันจะมีเพื่อนเรา มีมาร์ค มีล็อตเต้ (ฐกร) 3 คนนี้จะเป็นตัวยืน ตัวยืนในการเอนเตอร์เทน แบบว่าอีกนิดคือถือไมค์มาแล้วให้นับเรียงแถว นับหนึ่ง นับสอง นับสาม จังหวัดที่ลงท้ายด้วย ร.เรือ (หัวเราะ) เราเอนเตอร์เทนกันแบบนี้เลย เราชอบเอนเตอร์เทนให้คนแฮปปี้ครับ
ตอนเด็ก นนน เป็นคนยังไง
ตอนเด็กเหรอ เป็นคนกล้าแสดงออกแหละ คือเราทำงานตั้งแต่เด็ก เลยกล้าแสดงออกมาแต่ไหนแต่ไร เราจะเจอผู้ใหญ่ เราจะเจอสังคม พอเราอยากอยู่เงียบๆ เราก็จะโดนแม่ดันให้ไปขึ้นเวที อย่างเช่นสมมติว่ามีงานปีใหม่ มีเวที มีไมค์ แม่ก็จะดันหลัง “ขึ้นไปร้องสิลูก ไปสิลูก” แต่เราไม่ยอม เราก็จะอยู่นิ่งๆ แต่ นนนี่ (น้องสาว) ขึ้นไปแทน นนนี่ได้ตังค์ (หัวเราะ) มีอากง อาม่าเอาเงินมาให้ อุ้ย แบงค์พัน ต้องเอาบ้างละ! พอขึ้นไปปั๊บ … หมดโควต้า (หัวเราะ) ไม่ได้ตังค์ด้วย ก็เหมือนเราถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก บางทีเวลาแม่ไปงานแต่ง แม่ก็พาเราไป แล้วก็ทิ้งไว้แบบนั้นให้เราไปเจอคน ไปทำอะไร มันเลยปลูกฝังให้เรากล้าแสดงออกแต่เด็กครับ แล้วถามว่าที่โรงเรียนเป็นจุดสนใจไหม… ไม่ได้อยากเป็นจุดสนใจแต่เป็นจุดสนใจ อย่างเวลาเรามีงาน ครูก็จะมา…”นนน แม่มารับแล้ว” ทุกคนก็จะสนใจว่า อ๊ะ ไอ้นี่มันนักแสดงนี่หว่า เราก็ไปแคสการแสดง ไปกองโฆษณา ที่โรงเรียนผมเราก็ไม่ต้องตัด ก็จะมีความคนอื่นหมั่นไส้ในระดับหนึ่ง (หัวเราะ) ถึงแม้ว่าเราจะอยากเป็นมิตรกับทุกคนก็ตาม
จากวัยเด็กสู่วัยผู้ใหญ่ มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้าง
เอ่อ… เรื่องให้ใจคนง่ายๆ มั้ง เมื่อก่อนเราเป็นคนเฟรนด์ลี่ เข้าถึงทุกคนง่ายมากๆ เราก็จะรู้สึกว่า เฮ้ย พี่คนนี้น่ารัก เพื่อนคนนี้ดี พอเวลาผ่านไป มันก็ตามวิถีโลก เราก็จะเจอเรื่องนู่นนี่นั่น มันก็เกิดกลไกการป้องกันตัวขึ้นมาครับ
ถ้าวันนี้ไม่ได้เป็นนักแสดง ความฝันวัยเด็ก อยากเป็นอะไร
ตอนเด็กอยากเป็นนักฟุตบอลกับนักบินอวกาศ อยากเป็นนักฟุตบอล เวลาเราชอบอะไรอย่างหนึ่งเรารู้สึกอยู่กับมันได้เรื่อยๆ ถ้านักบอลรูทีนคือการซ้อมบอล คือการเตะบอลทุกวัน เราคงแฮปปี้ แล้วช่วงนั้นเราอินบอลมากๆ ซื้อถุงมือ โกล์ ซื้อบอล อะไรต่างๆ มาเล่นกับเพื่อน แล้วเราก็เป็นตัวตั้งตัวตีในการเล่นบอลมาตลอด เลยรู้สึกว่าถ้าวันหนึ่งเราได้ทำสิ่งที่เรารักสิ่งที่เราชอบทุกๆ วันก็คงแฮปปี้ดี เราไม่ต้องคิดอะไร ตื่นมาซ้อมบอล เตะบอล ไปแข่งบ้าง ทำอะไรแบบนี้วนลูป ก็คงชิลดี เป้าหมายคือเราต้องเก่งขึ้นอะไรแบบนี้ ส่วนนักบินอวกาศ ตอนเด็กๆ เนิร์ดดาราศาสตร์ ตอนม.4 ช่วงเริ่มเรียนดาราศาสตร์นี่ โห ผมท็อปห้อง (ยิ้ม) รู้หมด จำได้หมด แต่พอ ม.5 เราเจอแคลคูลัส เจอตรีโกณมิติ พาราโบลา เรายอมแพ้ (หัวเราะ) เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เราละ เราชอบเพ้อฝัน เราแค่ชอบจินตนาการ
วางแพลนชีวิตในวงการว่ายังไง มีอะไรที่อยากทำแล้วยังไม่ได้ทำ
ตอนนี้ที่วางแพลนไว้ ก็อยากทำให้ครบในทุกศาสตร์ ตอนนี้ที่เราเหลือก็แค่พากย์หนังกับละครเวที ก็รู้สึกว่าอยากแสดงไปเรื่อยๆ แหละ พอแสดงมาเยอะๆ มองย้อนกลับไปตั้งแต่เราเข้า GMMTV มา เราแสดงทุกปีเลยอะ ปีละเรื่องสองเรื่อง บางปีก็สามเรื่อง เหมือนมันไม่ได้พัก เพราะเราใช้วัตถุดิบการแสดงไปเรื่อยๆ มันก็หมด ก็เลยรู้สึกว่า อาจจะรับงานน้อยลง อาจจะโฟกัสไปทีละเรื่องๆ หาแรงบันดาลใจ หาวัตถุดิบเพิ่ม ตอนนี้ก็ทำงานเพลงควบคู่ไปด้วย เมื่อถึงจุดหนึ่งก็คงผันตัวไปเป็นเบื้องหลัง ก็คงกำกับอะไรอย่างงี้ ก็คงแก่ตายอยู่ในวงการบันเทิง (หัวเราะ)
เดินมาใกล้ความฝันที่ตั้งไว้กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว
ถ้าโกลตอนนี้เหรอ 10% เอง แก่ขึ้นไปเป้าหมายเราก็จะลดลงมาเรื่อยๆ ครับ (หัวเราะ) เราก็จะเจียมตัวลงเรื่อยๆ ตอนนี้อายุมันยังได้อยู่ก็วางยาวๆ ไปก่อนครับ
อัลบั้มภาพ 20 ภาพ