The Idol ซีรีส์ที่ทุกคนคาดหวัง แฉด้านมืดไอดอล หรือจริงๆ เป็นหนังโป๊โหดๆ
The Idol โปรเจกต์ยักษ์ของ HBO ที่ได้ The Weeknd ขึ้นแท่นร่วมสร้างและนำแสดง แถมยังได้ Lily-Rose Depp, เจนนี่ BLACKPINK และ Troy Sivan มาร่วมสร้างกระแส ทำไมโดนสื่อดังวิพากษ์วิจารณ์ตั้งแต่ยังเริ่มฉาย
“จากซีรีส์เกี่ยวกับผู้หญิงที่ค้นหาตัวตนทางเพศของตัวเองที่แท้จริงจนเจอ กลายเป็นซีรีส์ที่เกี่ยวกับผู้ชายรังแกผู้หญิงคนหนึ่งที่สุดท้ายแล้วเธอก็ชอบที่จะโดนทำร้ายแบบนั้นด้วย”
เป็นกระแสฮือฮามาเรื่อยๆ ร่วมปีตั้งแต่มีการประกาศโปรเจกต์ซีรีส์ใหม่ของ HBO เรื่อง The Idol เพราะนอกจากจะได้ซูเปอร์สตาร์ระดับโลกอย่าง The Weeknd เป็นผู้อำนวยการสร้างและร่วมแสดงเป็นตัวละครนำในเรื่องนี้แล้ว ยังมีนักแสดงชื่อดังอย่าง Lily-Rose Depp และยังได้ศิลปินชื่อดัง Troye Sivan และไอดอลระดับโลก เจนนี่ BLACKPINK ร่วมแสดงอีกด้วย ดังนั้นแค่ไม่กี่ชื่อที่เอ่ยมาก็เรียกความสนใจจากแฟนๆ ทั่วไปได้ไปทั้งโลกอย่างไม่ยาก
แต่เหตุใด The Idol จึงเป็นซีรีส์ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักตั้งแต่ยังไม่เริ่มฉายจริง
หยุดถ่ายกลางคัน แล้วเริ่มถ่ายใหม่ตั้งแต่ต้น
The Idol เป็นซีรีส์ที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่งที่ทำงานเป็นศิลปินในวงการเพลง ที่ได้เข้าไปพัวพันและหลงไหลกับเบื้องหลังอันแสนจะสกปรกของวงการฮอลลีวูด
The Idol เป็นซีรีส์ที่แรกเริ่มเดิมทีเป็นไอเดียเริ่มต้นของ The Weeknd ที่ได้ Amy Seimetz จากผลงานเรื่อง The Girlfriend Experience และ She Dies Tomorrow มาเป็นผู้กำกับให้ แต่มีรายงานออกมาว่า หลังจากช่วงเดือนเมษายน 2022 ที่ถ่ายทำไปได้ 6 ตอน หรือราวๆ 80% แล้ว Amy Seimetz ผู้กำกับก็ออกจากทีมโปรดักชั่นไป ทางด้าน HBO ออกมาให้ข่าวว่าซีรีส์ The Idol มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แบบยกเครื่องใหม่หมดในด้านครีเอทีฟ ทีมนักแสดง และทีมงาน และมีการพูดถึง The Weeknd ผู้เป็นผู้ร่วมสร้างซีรีส์เรื่องนี้ด้วยว่า เขามีความเห็นกับ The Idol เวอร์ชั่นที่ถ่ายทำไปก่อนหน้านี้ว่า เรื่องราวถูกนำเสนอผ่านมุมมองของผู้หญิงมากเกินไป (too much into a “female perspective.”) ทำให้ The Idol ถูกเลื่อนกำหนดฉายออกไปเรื่อยๆ จากที่เคยจะลงสตรีมมิ่งในเดือนพฤศจิกายน 2021 ก็กลายมาเป็นจะฉายต่อจาก House of the Dragon จบในเดือนตุลาคม 2022 และสุดท้าย HBO ก็ประกาศเลื่อนฉายมาอีกเป็น “ในปี 2023” โดยไม่แจ้งว่าเป็นเดือนไหน
สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้ The Idol ถูกเลื่อนฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นเพราะการเข้ามาแทนที่ของผู้กำกับ Euphoria อย่าง Sam Levinson ที่เข้ามาแก้บทใหม่ เติมนักแสดงเข้ามาใหม่ รื้อทุกอย่างที่เคยเกือบจะเสร็จแล้ว แล้วเริ่มถ่ายใหม่หมดตั้งแต่ต้น ทำให้ทีมผู้สร้างสูญเสียงบประมาณไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ถึงเกือบ 75 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 2,600 ล้านบาท
Plot twisted ผู้กำกับเปลี่ยน เนื้อเรื่องเปลี่ยน
แหล่งข่าวระบุว่า HBO ส่งไม้ต่อให้กับ Sam Levinson เข้ามากำกับต่อจาก Amy Seimetz เพราะอยากให้เน้นฉากเย้ายวนทางเพศให้มากขึ้น เหมือนหรือมากกว่า Euphoria ที่ประสบความสำเร็จในแง่นั้นมาแล้ว
Rolling Stone สัมภาษณ์ทีมงานคนหนึ่งในกอง The Idol เขาเผยว่า “ที่มาทำงานนี้เพราะตั้งใจจะได้เห็นซีรีส์ที่เล่าถึงการรุ่งโรจน์ของคนดังในแบบที่เสียดสีสังคมในยุคศตวรรษที่ 21 อยากเห็นการแสดงออกของนักแสดงที่ให้เห็นถึงการที่คนดังถูกบังคับขู่เข็ญและจำใจต้องทำเพื่อให้มีที่ยืนในสปอตไลท์ และการที่พวกเขาถูกบิดเบือนเพื่อหวังผลประโยชน์ในยุคหลังการปกครองของทรัมป์ แต่สิ่งที่ได้ในตอนนี้เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเนื้อเรื่องแนวเสียดสีสังคม จนตอนนี้กลายเป็นผลงานที่จะโดนคนอื่นมาเสียดสีมากกว่า”
เนื้อเรื่องมีการเล่าเรื่องที่เปลี่ยนไป จากการนำเสนอศิลปินหญิงหน้าใหม่คนหนึ่งที่ตกเป็นเหยื่อในวงการบันเทิง ไปสู่การเป็นผู้ไล่ล่าและต่อสู้เพื่อเอาเอเจนซี่ของตัวเองกลับคืนมา รวมถึงเรื่องราวความรักที่ถูกลดทอนคุณค่าด้วยแมสเสจกลวงๆ ที่ทีมงานบางคนคิดว่ามันน่ารังเกียจ
“เหมือนเล่าเรื่องผู้ชายที่ข่มขืนผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็ยังกลับไปให้เขาข่มขืนอีกเพราะทำให้เพลงของเธอดีขึ้น” ทีมงานคนหนึ่งยกตัวอย่างของโครงเรื่องส่วนหนึ่งของ The Idol เวอร์ชั่น Sam Levinson
นอกจากนี้ ทีมงานคนหนึ่งยังระบุอีกว่า หลายฉากหลายตอนในบท The Idol เวอร์ชั่น Sam Levinson ที่มีบทของการถูกกระทำทางเพศในแบบที่รุนแรงและรบกวนจิตใจผู้ชมไม่น้อยระหว่างตัวละครของ Lily-Rose Depp และ The Weeknd ทั้งฉากที่ผู้ชายตบหน้าผู้หญิง แต่ผู้หญิงหันไปแสยะยิ้มและขอให้ตบเธออีก แล้วทำให้ฝ่ายชายเกิดอารมณ์ทางเพศ (โชคดีที่สุดท้ายแล้วฉากนี้ไม่ได้ถ่ายทำจริงๆ) อีกฉากที่ถูกเสนอให้ถ่ายทำคือ ฉากที่ฝ่ายหญิงต้องพยุง “ไข่” ไว้ใน “มดลูก” ถ้าทำไข่ตกหรือแตก ฝ่ายชายจะไม่ “ข่มขืน” เธอ ซึ่งสื่อให้เห็นว่าตัวละครของฝ่ายหญิง “อ้อนวอน” ขอให้ฝ่ายชายกระทำชำเราเธอเพราะเชื่อว่าจะทำให้เธอประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงด้วย (ฉากนี้ก็ไม่ได้ถ่ายทำเช่นกัน เพราะทีมงานไม่สามารถถ่ายทำให้เสมือนจริงโดยที่ไม่ให้ Lily-Rose Depp ต้องใส่ไข่เข้าไปจริงๆ ไม่ได้)
ทีมงานคนหนึ่งเล่าว่า “มันแบบ… ‘นี่มันอะไรกัน ฉันอ่านอะไรอยู่’ อย่างกับหนังโป๊โหดๆ เรื่องหนึ่ง”
ทีมงานคนหนึ่งยังเปิดเผยอีกว่า ตอนที่ Amy Seimetz ได้ดูแลกำกับผลงานของเธอ เธอได้รับความไว้วางใจจาก HBO ให้ดำเนินเรื่องไปอย่างที่เธอต้องการ และเธอก็พยายามอย่างมากที่จะทำให้ผลงานของเธอออกมาดีที่สุด แต่สุดท้าย HBO เปลี่ยนมือเป็น Sam Levinson ที่มีไอเดียในการสร้างซีรีส์เรื่องนี้ในแบบที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง และ HBO เองก็ยินยอมให้ Sam Levinson ปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องได้อย่างเต็มที่ พร้อมความคาดหวังว่า The Idol ภายใต้การกำกับของ Sam Levinson จะประสบความสำเร็จอย่างสูงเหมือน Euphoria หรือที่ทีมงานคนนี้เรียกว่า The Idol คือ “Euphoria Season 3 ที่มีป็อปสตาร์มาร่วมแสดงด้วย”
สำหรับตัว The Weeknd เอง ก็มีทีมงานบางส่วนเชื่อว่า เขาก็อาจอยู่เบื้องหลังการปรับเปลี่ยนเนื้อเรื่องของซีรีส์ โดยให้โฟกัสที่บทของ Lily-Rose Depp น้อยลง ลดการเล่าเรื่องผ่านมุมมองของผู้หญิงลง โฟกัสที่บทของเขาให้มากขึ้น และ Sam Levinson ก็เห็นดีเห็นงามตามนั้นด้วย
ทางด้านของ Sam Levinson และ The Weeknd ไม่ได้ให้ Rolling Stone สัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่อง The Idol แต่หลังจากที่บทความของ Rolling Stone เผยแพร่ออกไป The Weeknd ก็โพสต์ข้อความวงโซเชียลมีเดียว่า “Rolling Stone เราทำให้คุณโกรธเหรอ” พร้อมคลิปบางส่วนของซีรีส์ The Idol ที่เป็นฉากที่ The Weeknd กับ Lily-Rose Depp (ที่รับบทเป็นศิลปิน) ปฏิเสธข้อเสนอที่จะให้สัมภาษณ์กับ Rolling Stone เพราะคิดว่าคนไม่สนใจ Rolling Stone กันแล้ว แถมยอดผู้ติดตามในโซเชียลมีเดียก็ไม่เยอะเมื่อเทียบกับคนดังคนอื่น
อย่างไรก็ตาม ทางด้านของฝั่งนักแสดงนำอย่าง Lily-Rose Depp บอกว่า Sam Levinson เป็นผู้กำกับที่ดีที่สุดเท่าที่เธอเคยร่วมงานด้วยมา เธอระบุว่าเธอไม่เคยรู้สึกว่าได้รับการสนับสนุน หรือได้รับการนับถือในเรื่องของการเสนอไอเดีย การแสดงของเธอ หรือมองว่าความคิดเห็นของเธอมีค่ามากขนาดนี้มาก่อน
ความยุ่งเหยิงของตารางงานของแต่ละคนที่ไม่ลงตัว
ทางด้านของ HBO ก็ระบุว่า The Idol เป็นซีรีส์ original ที่ “น่าตื่นเต้นและเร้าใจที่สุด” และระบุเพิ่มเติมว่า “ทีมครีเอทีฟตั้งใจที่จะสร้างบรรยากาศในการงานที่ปลอดภัย ร่วมมือร่วมใจกัน และเคารพซึ่งกันและกัน เมื่อปีที่แล้ว (2022) ทีมมีการปรับเปลี่ยนมุมมองด้านความคิดสร้างสรรค์ต่างๆ ที่คาดว่าจะทำให้ซีรีส์ดูน่าสนใจที่สุดทั้งกับทีมโปรดักชั่น นักแสดง และทีมงานทุกคน”
แต่ทางด้านของทีมงานก็อ้างว่า ผู้กำกับคนเก่า Amy Seimetz ก็ได้รับความลำบากตั้งแต่เริ่มถ่ายทำ ทีมงานคนหนึ่งระบุ วันที่ Amy มาที่กองถ่ายทำ 7 สัปดาห์ก่อนที่ซีรีส์จะเริ่มถ่ายทำกันจริงๆ เธอได้รับบทมาแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีปัญหาจุกจิกมากมายที่ทำให้การทำงานของเธอไม่ราบรื่นและแทบจะเป็นไปได้อีกมากมาย เช่น คิวอันรัดตัวของนักแสดงแต่ละคน (The Weeknd ก็เริ่มให้คิวมาถ่ายทำน้อยลงเพราะต้องเตรียมตัวทัวร์คอนเสิร์ตช่วงเดือนกรกฎาคม 2022) ทำให้การถ่ายทำล่าช้าจนกินเวลาที่ Amy ต้องไปถ่ายทำซีรีส์ Sweet Tooth ของ DC ที่จะลงฉายใน Netflix รวมถึงความคาดหวังต่างๆ จาก HBO ที่อยาก The Idol ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายเหมือน Euphoria ด้วยงบประมาณการถ่ายทำที่น้อยกว่ากันมาก
นอกจากนี้ ทีมงานบางส่วนยังระบุอีกว่า ตัว Sam Levinson ก็นานๆ ทีจะโผล่มาที่กองถ่าย The Idol ที เพราะตัวเขาก็กำลังถ่ายทำ Euphoria Season 2 อยู่เหมือนกัน แต่ก็โผล่มาดูแลตอนถ่ายทำฉากสำคัญๆ อย่างซีนที่ Lily-Rose Depp ได้ใกล้ชิดกับ The Weeknd ครั้งแรก
เจนนี่ BLACKPINK ไม่ได้มีบทมากนัก
สิ่งหนึ่งที่เป็นผลงานของ Sam Levinson คือ การเลี้ยงกระแสด้วยการดึงซูเปอร์สตาร์ K-POP ชื่อดังอย่าง เจนนี่ BLACKPINK มาร่วมแสดงด้วย แน่นอนว่าแฟนคลับของเธอทั่วโลกต่างพากันพูดถึงและแชร์ข่าวดีนี้ไปทั่วโซเชียลมีเดียเพื่อรอชมการแสดงครั้งแรกของเธอ แต่ทีมงาน The Idol คนหนึ่งกล่าวว่า เจนนี่ไม่ได้มีบทอะไรมากมายนัก แค่พูดไม่กี่ประโยคในแต่ละฉาก ส่วนใหญ่จะนั่งเฉยๆ สวยๆ อยู่ในฉากนั้นๆ มากกว่า
ทีมงานหดหาย เพราะเปลี่ยนบทเป็นว่าเล่น
การปรับเปลี่ยนผู้กำกับ เปลี่ยนบท เพิ่มตัวละคร และอื่นๆ ส่งผลให้ทีมงานก็เริ่มที่จะหดหายทีละคน จนส่งผลให้งานออกมาล่าช้ากว่ากำหนดอย่างช่วยไม่ได้ ทีมงานคนหนึ่งระบุว่า บทซีรีส์เวอร์ชั่นแรกถูกแก้ซ้ำแล้วซ้ำอีกมากกว่า 20 ครั้ง แทบจะอัปเดตกันทุกวันเลยทีเดียว และมักจะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือจนทีมงานต้องตามปรับตัวไปด้วยอย่างหนัก เพราะหลายๆ ครั้งที่เปลี่ยนบท เนื้อเรื่องโดยรวมก็เปลี่ยนไปด้วย ในหลายๆ ครั้งการเปลี่ยนแปลงบทในภายหลัง ส่งผลต่อเนื้อเรื่องของฉากก่อนหน้าที่ถ่ายไปแล้ว ทำให้บางฉากที่ถ่ายไปแล้วก็ต้องตัดทิ้งไปก็มี ทีมงานคนหนึ่งถึงกับบอกว่าพวกเราไม่สามารถเตรียมงานสำหรับวันรุ่งขึ้นไว้ล่วงหน้าได้เลย เพราะไม่รู้ว่าฉากใหม่ที่ต้องถ่าย เขียนบทใหม่เรียบร้อยหรือยัง
หลังจากที่พักการถ่ายทำไปหลายเดือน กองถ่าย The Idol กลับมาถ่ายทำใหม่ช่วงเดือนพฤษภาคม 2022 พร้อมผู้กำกับกับ และทีมงานใหม่เกือบทั้งหมด เพราะทีมงานเก่าส่วนใหญ่ไม่ได้กลับมาทำต่อ
ทีมงานหลายคนยังกล่าวอีกว่า การเปลี่ยนแปลงบทตลอดเวลา ทำให้พวกเขาไม่รู้ทิศทางของเนื้อเรื่องในซีรีส์เลยว่าจะจบลงอย่างไร และเมื่อไร
อย่างไรก็ตาม The Idol ผลงานกำกับของ Sam Levinson จะออกมาเป็นเช่นไร พวกเราที่เป็นผู้ชมเท่านั้นที่จะเป็นคนตัดสิน Sanook จะอัปเดตทันทีเมื่อทราบกำหนดฉายที่แน่นอน รับชมได้ทาง HBO GO
อัลบั้มภาพ 16 ภาพ