คุยกับนักแสดง "เน็ต-เจมส์" ในวันที่ก้าวผ่านความมืดมิดจากการถูกบูลลี่ สู่วันใหม่ที่เข้มแข็ง
เน็ต-สิรภพ มานิธิคุณ และ เจมส์-ศุภมงคล วงศ์วิสุทธิ์ สองหนุ่มนักแสดงจากซีรีส์สุดฮอต อย่าเล่นกับอนล (Bed Friend Series) เรื่องราวของความสัมพันธ์ลับๆ แบบ “Friend With Benefits” มากกว่าเพื่อนแต่ไม่ใช่แฟน ที่ทั้งแซ่บและเล่นมีผลต่อหัวใจ
Star of The Month ประจำเดือน มีนาคม ก็ไม่พลาดที่จะชวนสองหนุ่ม เน็ต-เจมส์ มาร่วมพูดคุยเรื่องราวของซีรีส์ผ่านมุมมองของพวกเขา หากต้องเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบเดียวกับตัวละคร พวกเขาจะมีวิธีรับมืออย่างไร นอกจากนี้ยังชวนสองหนุ่มเปิดเผยไลฟ์สไตล์ตัวตน รวมถึงย้อนวันวานวัยเด็ก ที่หนึ่งในนี้มีความทรงจำวัยเด็กที่แสนเจ็บปวดเกี่ยวกับการถูกบูลลี่ เขาจะรับมือและก้าวผ่านช่วงเวลานั้นอย่างไร ไปติดตามบทสัมภาษณ์นี้กัน
แนะนำตัวหน่อย ตอนนี้กำลังมีผลงานอะไร
เน็ต: เน็ต-สิรภพ มานิธิคุณ อายุ 26 ปี เกิดวันที่ 8 กรกฎาคม 2540 กรุ๊ปเลือด O สูง 176 ซม. การศึกษามัธยมปลายจบจาก โรงเรียนอัสสัมชัญ บางรัก และระดับปริญญาตรีจบจาก Coventry University London ผลงานภาพยนตร์ที่ผ่านมา ม.6/5 ปากหมาท้าผี, วัยเป้งนักเลงขาสั้น แล้วก็ล่าสุดคือ บอกโลกให้รู้ว่ากูรักมึง ซีรีส์เรื่องแรกคือ เซียนสับราง แล้วก็ซีรีส์ อย่าเล่นกับอนล ที่กำลังออนแอร์อยู่ขณะนี้ครับ
เจมส์: เจมส์-ศุภมงคล วงศ์วิสุทธิ์ อายุ 24 ปี เกิดวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2542 กรุ๊ปเลือด B การศึกษามัธยม โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตบางเขน สาขาอุตสาหกรรมเกษตร ซีรีส์เรื่องแรกที่เล่นคือ ออกซิเจน เดอะ ซีรีส์, มาเฟีย เดอะซีรีส์, เซียนสับราง และล่าสุดคือ อย่าเล่นกับอนล และ พี่เจตคนกลาง ครับ
ฟีดแบคที่ได้รับเป็นยังไงบ้าง
เจมส์: รู้สึกดีใจที่ทุกคนให้ความสนใจและให้การซัพพอร์ตเป็นอย่างดีมากๆ มันเกินความคาดหวังมากๆ เพราะเราไม่รู้ว่ายอดวิวมันจะถึงล้านวิวภายใน 4-5 วัน ภายในไม่ถึงสัปดาห์ ก็เลยรู้สึกว่าหายเหนื่อยจากการที่เราถ่ายหลายๆ คิวมา แล้วก็ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมา 2 เกือบ 3 ปี มันก็อาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ในช่วงนั้นเราก็มีการ workshop เรื่อยๆ มีการเจาะคาแรกเตอร์มีการ remind ว่าสิ่งไหนที่คล้ายกันบ้างแล้วก็สิ่งไหนที่เราควรที่จะ add on เพิ่มไปกับตัวละคร
เน็ต: จริงๆ ก็ไม่คิดเลยว่าจะได้ฟีดแบค ล้านวิวภายในไม่ถึงสัปดาห์ แล้วคือรู้สึกเหมือนที่เจมส์บอกเลยว่าดีใจ เพราะตอนที่เราถ่ายมาเรายังไม่เคยดูตัวอย่าง ไม่เคยดูภาพว่าจะออกมาเป็นยังไงแล้วเขาจะตัดต่อออกมาเป็นยังไง พอได้ดูตัวอย่างของอย่าเล่นกับอนลก็รู้สึก เฮ้ย เขาตัดต่อดีมากแล้วก็รู้สึกว่าสิ่งที่เราทำมากำลังไปในทางที่ดีนะ
ได้ส่องเทรนด์แฟนคลับบนทวิตเตอร์ไหม พวกเขาว่ายังไงบ้าง
เจมส์: ส่องครับ มันก็จะมีหลายๆ เสียง มีทั้งคนที่ชอบแล้วก็คนที่ติชม แบบอยากให้ปรับตรงนั้นตรงนี้ ก็ดีที่เขากล้าพูดตรงๆ กับเราและพูดจาดีด้วย มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าตรงนี้เราก็ควรที่จะเพิ่มเติมและนำไปใช้ในอนาคตได้ อย่างแฟนๆ นิยายเค้าก็จะรู้ว่าเนื้อเรื่องมันเป็นแบบไหน แล้วเขาก็เหมือนกับมาบอกข้อมูลเราด้วย ทำให้เราเข้าใจตัวบทคาแรกเตอร์ตรงนี้มากขึ้นด้วย
เน็ต: แต่เน็ตเคยไปอ่านฟีดแบคมาก็เห็นว่ามีแฟนๆ ที่เขายังไม่รู้จักเรา อย่างแฟนๆ นิยาย พอเราได้เห็นตัวอย่างอย่าเล่นกับอนลแล้วเราก็รู้สึกว่า เราก็สามารถถ่ายทอดตัวละคร คิง-เอื้อ ไปในทางที่เขาหวังไว้เหมือนกัน ดีใจที่พี่ๆ แฟนๆ จากนิยายเปิดใจที่จะมาดูพวกเราสองคน แล้วก็อยากให้คนนอกได้เข้ามารู้จักเน็ตเจมส์มากขึ้นด้วยครับ
พูดถึงตัวละครที่เราเล่นหน่อย คาแรกเตอร์ตัวละครนี้ มีความเป็นตัวตนของเรากี่เปอร์เซ็นต์ เหมือนหรือต่างจากตัวเรายังไงบ้าง
เน็ต: คิง จะเป็นคนที่เฟรนลี่ เข้ากับคนอื่นได้ง่าย ลุคภายนอกอาจจะดูเจ้าชู้ผ่านประสบการณ์มาเยอะ แต่ว่าถ้าเขาเจอคนที่เขารัก เขาก็จะรักจริง คิงจะเป็นคนที่ไม่แสดงออกขนาดนั้นว่ารัก อย่างก่อนที่เขาจะมาเจอเอื้อเขาก็อาจจะเป็นคนที่เสเพล ดูเจ้าชู้ไปทั่ว แต่พอมาเจอเอื้อ คิงก็อยากจะสานสัมพันธ์ในทางที่ดี แต่มีความไม่มั่นใจว่าเอื้อจะอยากสานความสัมพันธ์นี้ด้วยไหม ทำให้ภายนอกคิงอาจจะดูเหมือนเป็นคนที่ร่าเริง แต่จริงๆ แล้วเป็นที่เก็บความรู้สึกไว้ภายใน จริงๆ แล้ว คิง ค่อนข้างเหมือนตัวตนจริงๆ ของเรามาก คิงจะเป็นคนที่ชอบเข้าหาเอื้อ เหมือนที่เน็ตชอบแสดงความรักกับคนที่เน็ตรู้สึกดีด้วย ชอบแกล้งแบบหยอกๆ วอแว เรียกร้องความสนใจนิดนึง อยากมีส่วนร่วมในสิ่งที่เขาทำ แต่สิ่งที่ไม่เหมือนกันก็คือเรื่องอายุ เน็ตต้องทำให้ตัวเองโตขึ้น เพราะพี่คิงอายุ 27 แต่ตอนถ่ายเน็ตอายุ 24-25 อย่างการทำงานเราไม่เคยเป็นพนักงานออฟฟิศ เราก็ต้องเรียนรู้ ทำยังไงให้เราโตขึ้น มีความรับผิดชอบต่องาน ให้เข้ากับการทำงานในออฟฟิศมากขึ้น
เจมส์: เอื้อ จะมีความรอบคอบ เป็นคนที่เป๊ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เวลา และในเรื่องของความรักด้วย รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวกับความยุติธรรม ไม่ชอบให้ใครมาเอาเปรียบและไม่ชอบเห็นใครโดนเอาเปรียบ นิสัยของเอื้อลึกๆ เอื้อจะเป็นคนที่จะสร้างเกราะให้ตัวเอง ด้วยแบคกราวด์ของเอื้อจะมีประสบการณ์ที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวกับคนที่เข้ามาหาในอดีต ทำให้เอื้อสร้างเกราะขึ้นมากับคนที่จะเข้ามาหา ว่าคนที่เข้ามาไว้ใจได้ไหม ปลอดภัยไหม ถ้ารู้สึกว่าไม่โอเค เอื้อก็จะบล็อก จะตีตัวออกห่างเลย ความเหมือนของเอื้อกับเจมส์ก็คือ จะพูดแค่กับคนที่เรารู้สึกสบายใจที่จะอยู่ด้วย และคนที่พร้อมที่จะรับฟังเรา อย่างเอื้อก็จะพูดกับเจต (เพื่อนสนิท) ส่วนเจมส์ก็จะพูดกับเพื่อนหรือน้องสาว เจมส์ก็จะพูดเยอะผิดปกติ แต่ถ้าอยู่กับสังคมภายนอกก็อาจจะฟังมากกว่าพูด ส่วนที่เหมือน ตัวเอื้อชอบกินชามะนาว ซึ่งเมื่อก่อนเจมส์ก็ชอบกินชามะนาวมาก ก่อนที่จะมากินกาแฟ ซึ่งเจมส์พึ่งมาเริ่มกินกาแฟก็ตอนที่เข้ามาดูมันดิ
ในฐานะที่เล่นเป็นตัวละครมา ถ้าพวกเขามีตัวตนจรงๆ เราอยากเป็นเพื่อนกับตัวละครของตัวเองไหม
เน็ต: กับพี่คิงเหรอ อืม...จริงๆ อยากนะครับเหมือนมีดูโอ้อีกคนนึง (หัวเราะ) รู้สึกว่าจะได้มีคนไปไหนด้วยกัน ไปไหนไปกันเป็นคนที่แสดงออกเหมือนกัน น่าจะเข้าขากันได้มาก และเข้าใจกันมากเหมือนมองตาก็รู้ใจ น่าจะสนุก ชีวิตน่าจะมีสีสันมากขึ้น
(แล้วเน็ตอยากเป็นเพื่อนกับเอื้อไหม)
เน็ต: ถ้าผมเป็นเพื่อนกับเอื้อ เอื้อน่าจะเหวี่ยงผมน้อยกว่าที่เหวี่ยงพี่คิง (หัวเราะ) ก็สลับกันให้เจมส์เป็นเพื่อนกับพี่คิงด้วย ถ้าผมเป็นเพื่อนกับเอื้อ เอื้อน่าจะหมั่นไส้ผมน้อยกว่าพี่คิงแน่นอน เพราะพี่คิงน่าจะกวนประสาทพี่คิงมาตั้งแต่เด็กแน่นอน
เจมส์: ส่วนตัวเอื้อกับเจมส์มีนิสัยหลายๆ อย่างคล้ายๆ กัน ก็น่าจะเข้ากันได้ ถ้ามีเวลาพักเจมส์ก็จะชอบใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ไม่ค่อยชอบออกไปไหน สามารถอยู่ด้วยกันได้โดยที่ไม่ต้องพูดกัน ไม่เหงา แค่มองตาก็รู้ใจ นั่งฟังเพลง อ่านหนังสือ
(เจมส์อยากเป็นเพื่อนกับพี่คิงไหม)
เจมส์: จริงๆ มีเพื่อนแบบคิงได้ ส่วนตัวเราจะเป็นคนที่พูดไม่ค่อยเยอะ จะฟังซะมากว่า มันก็ดีถ้ามีคิงเพราะคิงก็จะพูดๆ มา เราก็แค่ตอบไป เราก็จะเน้นรับฟังเขาแต่เราแค่ตอบคำถามหรือชวนคุยไม่ค่อยเก่ง นอกจากจะมีคนที่มีความชอบเหมือนกันกับเจมส์เช่นในเรื่องของ ศิลปะ การ์ตูน อนิเมะ ส่วนเรื่องออกไปข้างนอก อาจจะมีออกไปบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่เขาชวน ถ้าตอนไหนเราอยากไปเราก็จะไป ถ้าตอนไหนเราไม่อยากเจอสังคมภายนอกเราก็จะอยู่ในห้องมากกว่า
พอเราได้อยู่กับตัวละครนี้ ได้เล่นเป็นเขามาแล้ว ได้มุมมองอะไรจากการเป็นตัวละครนี้บ้าง
เจมส์: มันทำให้เราโดน remind ไปถึงชีวิตตอนเด็กของเจมส์เลย บางครั้งหลังจากเลิกกองทำให้เรารู้สึกดิ่ง แล้วรู้สึกว่าทำไมตัวละครน่าสงสารจัง ทำไมเอื้อต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย เราก็เคยผ่านจุดนั้นมาแต่ของเอื้อจะหนักกว่าอีก ซึ่งมันคล้ายกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในสมัยเด็กของเจมส์มาก ถ้ามันมีจุดที่ต่างกันออกไป ก็คงจะให้กำลังใจ แต่พอมันคล้ายกันมากก็เลยทำให้เจมส์รู้สึกดิ่งไปด้วย จนมีช่วงนี้ที่ดิ่งแล้วดึงคาแรกเตอร์ไม่ออก จนต้องให้พี่แอคติ้งโค้ชช่วย ตั้งแต่เจมส์เล่นซีรีส์มา ตัวละครของเอื้อจะเข้ามาแทรกซึมในตัวผมได้มากที่สุด เพราะมันจะมีความคล้ายใกล้เคียงกันมากๆ จนเหมือนผมนำตัวเองเข้าไปเล่น
เน็ต: มันซึมซับตรงที่คิงกับเน็ตจะมีความคล้ายกัน ซึ่งพี่คิงจะมีความเข้มแข็งมากกว่าเน็ตแต่เขาก็จะเป็นคนที่ภายนอกดูร่าเริง เฟรนลี่ ไม่มีมุมเศร้าเลย แต่พอเราเล่นเรากลับสัมผัสได้ว่าบางความรู้สึกที่เขาไม่สามารถพูดหรือแสดงออกมาได้ แต่ในใจคือเขาเศร้า เหมือนกับอย่างเช่น คิงกับเอื้อ จริงๆ คิงรู้สึกดีกับเอื้อ แต่ไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะไม่รู้ว่าเอื้อรู้สึกยังไงกับตนเอง มันก็เลยทำให้รู้สึกว่า คนเราภายนอกเขาอาจจะดูร่าเริง แต่ภายในเขาอาจจะไม่ใช่อย่างที่ทุกคนคิด ทำให้เน็ตรู้สึกว่าตัวละครค่อนข้างซับซ้อนกว่าที่เราคิดเยอะอยู่ ทำให้รู้สึกว่าชีวิตคนเราก็น่าจะมีหลายชั้น
พูดถึงประเด็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ตัวละคร ความสัมพันธ์แบบ FWB (Friend With Benefits) ถ้าเราเจอปัญหาแบบตัวละครในซีรีส์ เราจะรับมือกับเหตุการณ์ยังไง (มองความสัมพันธ์ FWB นี้ยังไง)
เจมส์: เจมส์รู้สึกว่าความสัมพันธ์แบบ FWB จะไม่ได้ผิดเลย ถ้าต่างคนต่างมีความคิดเห็นที่ตรงกัน แต่มันก็จริงอย่างที่ trailer บอกว่า “ถ้าใครรู้สึกก่อน แพ้” เพราะ FWB ก็เหมือนกับเพื่อนเชิงธุรกิจ ต่างคนต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ความต้องการอันเดียวกันแบบไม่ผูกมัด จากการที่เล่นเป็นเอื้อมา การที่จะเกิดความสัมพันธ์แบบ FWB ได้ มันต้องเข้มแข็งและเด็ดขาด เพราะถ้าเราอยากมีความพันธ์แบบนี้ เราก็ต้องยึดหลักและทำตามกฎที่ตั้งกฎไว้ด้วยกันตั้งแต่แรก ซึ่งถ้าเราไม่ได้อยากเป็นแค่ FWB แล้ว เราก็ควรที่จะตกลงกันตั้งแต่แรกว่าจะอยู่ในขั้นคนคุยหรือพัฒนาความสัมพันธ์ไปได้มากกว่านี้มั้ย แต่ซึ่งมันไม่ใช่กับ FWB เพราะมันก็เหมือนมีคำบัญญัติไว้อยู่แล้วว่า FWB ก็คือ นี่คือเพื่อนนอน นี่คือคู่นอน เรามีอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้ ได้แค่ กินข้าว เจอกัน ก็จบ
เน็ต: เน็ตมองว่าไม่ใช่เรื่องผิด เพราะเป็นเรื่องที่คนสองคนตกลงกัน consent กัน เน็ตรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างโอเคซึ่งกันและกันแต่ถ้าใครรู้สึกมากกว่านั้นก็จะเสียใจมากกว่า ถ้าในชีวิตจริงรู้สึกว่าอยากเป็นมากกว่า FWB เน็ตก็คงถอยออกมา เพราะเน็ตเป็นคนที่เด็ดขาดเรื่องความรักเหมือนกัน ถ้าเขาไม่โอเค หรือถ้าเขานอกใจ ไม่ซื่อสัตย์กับความรู้สึกเรา เราก็เลือกที่จะถอย
เรื่องนี้ได้ร้องเพลงประกอบเองด้วย พูดถึงการทำงานและการถ่ายทำพาร์ทนี้หน่อย
เจมส์: เพลงประกอบซีรีส์อย่าเล่นกับอนลได้ปล่อยออกมาแล้ว ทุกคนก็น่าจะรู้ว่าแล้วมีเพลง ไม่ชอบเป็นเพื่อนเธอ กับ เพื่อนพักใจ ที่พี่ทอมมี่ร้อง โดยส่วนตัวเจมส์ชอบการร้องการเต้นอยู่แล้ว ถือว่าเป็นซิงเกิ้ลแรกที่เป็นเพลงของเจมส์กับพี่เน็ตเลย ซึ่งก็จะมีความยากตรงที่มีท่าเต้นเช้ามาเสริม แล้วเราก็ยังได้รับเกียรติจากพี่เอฟู และพี่ก๊อป ในเรื่องของการแต่งทำนอง และคำร้อง ส่วนคนที่เขียนเนื้อเพลงก็จะเป็นพี่ออฟชั่น ซึ่งเป็นฟีลที่ย้อนกลับไปในยุค 90’s ซึ่งพี่ออฟอยากให้เป็นแบบนั้น ก็รู้สึกว่าชอบหมดทุกอย่าเลย ทั้ง MV คำร้อง และท่าเต้น
เน็ต: อย่างแรกต้องขอบคุณพี่ออฟชั่นเลยครับ ที่ให้โอกาสเน็ตเจมส์ได้มีเพลง Ost. เป็นของตัวเอง ขอบคุณพี่เอฟู พี่ก๊อป ที่แต่งเพลงและทำ โปรดักชั่น เกี่ยวกับ Music ให้เรา มันทำให้เน็ตได้เรียนรู้การเต้นการร้องมากขึ้น เพราะจริงๆ เน็ตก็ไม่ได้มีโอกาสที่จะได้ ไปร้องหรือไปเต้นที่ไหน ถ้าไม่ได้โอกาสจากผู้ใหญ่ ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตแล้วเป็นงานที่ติดตัวเราไปในอนาคตแน่นอน รู้สึกดีใจมากๆ และหวังว่าทุกคนจะชอบเพลงนี้นะครับ
มาพูดถึงไลฟ์สไตล์กันหน่อย จำเฟิร์สอิมเพรสชั่นที่มีต่อกันได้ไหม กับตอนนี้เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน
เจมส์: ตอนแรกที่เราเห็นเขา คิดว่าเขาน่าจะเป็นคนที่คล้ายๆ เรา ไม่ค่อยพูด โลกส่วนตัวสูง พอเราเห็นคนที่คล้ายกันเราก็จะเดินเข้าไปหาเค้าเพราะเราจะรู้วิธีการเข้าไปคุย ว่าคุณเป็นเหมือนเรามั้ย คุณไม่ค่อยพูดเหรอ โอเคเราก็ยอมที่จะยอมเอาตัวเองเข้าไปพูดกับเค้าก่อน เป็นคนเปิดก่อน คือเราจะทำความรู้จักกับคนที่เราอยากทำความรู้จักด้วย เราก็เลยยอมที่จะพูดเยอะหน่อย คือเจมส์เป็นคนที่ต้องคิดคำในหัวก่อนที่จะพูด ไม่สามารถจะถามหรือชวนคุยได้ในทันที ตอนนั้นก็มองหน้าเขาละคิดว่า เราควรถามเขามั้ยว่าเขามาจากไหน แล้วก็ตัดสินใจถามออกไป แต่พอมาตอนนี้ ก็กลายเป็นว่าพี่เน็ตแอคทีฟ ละพูดเยอะกว่าและมีเอนเนอร์จี้เยอะกว่าเจมส์ แล้วถามว่ารู้ว่าอีกคนเป็นแบบไหนเปลี่ยนไปยังไง ก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันเพราะเหมือนเราก็ไม่ค่อยได้ไปสังเกตเขาขนาดนั้น เราทำงานด้วยกันเจอกันทุกวันก็จะค่อยๆ ซึมซับกันไป เริ่มรู้ว่าเขาไม่ชอบอะไร เขาเป็นคนแบบไหน ถนัดด้านไหนและมีข้อบกพร่องด้านไหน เหมือนเป็นการแทรกซึมเข้าหากันเรื่อยๆ จนแบบทำให้เรามาถึงทุกวันนี้
เน็ต: First impression ของเน็ตก็คือ ‘ใครก็ไม่รู้’ ด้วยความที่เน็ตได้รับโอกาสจากการที่พี่ออฟติดต่อมา ผมก็ศึกษารีเสิร์ชดูว่าเด็กดูมันดิมีใครบ้าง แต่ไม่มีคนนี้ ก็เลยสงสัยว่าคงมาใหม่เหมือนกันแต่ไม่ได้คิดว่าจะมาคู่กัน ปกติเราจะเป็นคนที่ถ้าเจอใครแรกๆ จะเป็นคนที่เงียบมาก ไม่ใช่ว่าไม่อยากคุย แต่เราแค่วางตัวไม่ถูกไม่รู้ว่าเริ่มคุยกับใครยังไง ไม่รู้ว่าเขาจะชอบจะอยากคุยด้วยมั้ย ก็เลยกลายเป็นคนที่นิ่งและเงียบมากในตอนแรก หลังจากนั้นก็ได้มีโอกาสถ่ายรูปกัน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้คู่กัน จนกระทั่งรู้ว่าตัวเองจะได้เล่น ซีรีส์เรื่องพี่เจตคนกลาง และได้เล่นคู่กับเจมส์ในเรื่องนี้ ซึ่งตอนแรกเน็ตกับเจมส์ก็งงๆ ในชื่อเรื่องว่า เอ๊ะ นี่คือชื่อเหรอ (หัวเราะ)
พอเราได้รู้จักกัน ส่วนตัวเน็ตถ้าได้รู้จักใครก็จะเป็นคนที่เปิดมากและให้ใจเต็มร้อย ถ้าเขาทำดีกับเรา เราก็จะบวกแต้ม ถ้าเขค้าทำไม่ดีเราก็จะลด เพราะผมรู้สึกว่าเรารักและเต็มที่กับคนรอบข้าง พออยู่กันไปเรื่อยๆ ศึกษากันไปก็จะมี ทะเลาะกับบ้าง ดีกันบ้าง เข้าใจ หรือ ผิดหวังกันบ้าง มันเป็นคือเรื่องปกติเพราะว่าเราทำงานด้วยกัน แต่เวลาปัญหาเราสองคนก็จะเข้ามาคุยและเคลียร์กันเลย เพราะเน็ตเป็นคนที่ถ้าเจอปัญหากับคู่ของตัวเองหรือคนที่สนิทด้วย ผมจะไม่อยากให้มันค้างคาเพราะไม่สบายใจ ก็เลือกที่จะไปคุยกับเขาและเคลียร์ให้จบๆ ไปเลย เพราะการที่เราเจอสาเหตุหรือปัญหาได้เร็ว มันยิ่งดีเพราะเราก็จะได้แก้ไขมันถูกและรับมือกับมันได้ว่าการที่เขาเป็นแบบนี้เขาชอบหรือไม่ชอบอะไร เราจะได้หลีกเลี่ยงถูก ถ้าอนาคตเราไม่เคยเจอปัญหานี้มาก่อนมันอาจจะสะสมและทำให้ระเบิดออกมาสักวันนึง การที่เราเจอปัญหากันแล้วต่างฝ่ายต่างช่วยกันซ่อมแซม ยังไงความสัมพันธ์นั้นๆ ก็จะไปรอด
ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตเป็นยังไง เป็นคนติดบ้าน หรือชอบออกไปเที่ยวข้างนอก
เจมส์: ผมเป็นคนที่ถ้าให้ออกไปข้างนอกก็จะออกไปกับคนที่เราสบายใจ กับคนที่เราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้โดยไม่มีข้อจำกัด เพราะไม่งั้นจะรู้สึกไม่จอยกับทริปนั้นเลย มีประสบการณ์ครั้งนึงเคยไปกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งรู้จักกัน ซึ่งเราอยากกินโน่นนี่ อยากจอดรถซื้อของ แต่โดนเพื่อนห้ามตั้งแต่ต้นทริปยันจบทริป เลยแอบเพื่อนกลับมาก่อนเลย ด้วยส่วนตัวเป็นคนที่ชอบ ไปไหนมาไหนคนเดียว ทำอะไรแค่คนเดียว เพราะเรารู้สึกว่าเราไม่ชอบให้ใครมาคาดหวังในตัวเรา ไม่ชอบให้ใครมารอ การที่ไปไหนมาไหนคนเดียวมันรู้สึกสบายใจมากกว่า แต่ก็ไม่ถึงขั้นว่าสร้างกำแพงขึ้นมาก็จะกังวลว่ากลัวเขาจะรอโน่นนี่นะ ก็จะถามก่อนถ้าเขาโอเคก็โอเค แต่ส่วนมากก็ชอบอยู่ห้อง ฟังเพลง ดูหนัง อยู่ห้องมากกว่า
เน็ต: ก่อนเข้าดูมันดิ ผมเป็นคนที่ชอบ outing ข้างนอกบ่อยมาก เป็นคนที่ชอบอยู่กับเพื่อน จริงๆ แฟนไม่จำเป็นเลย ถ้ามีเพื่อนก็ไปได้ทุกที่ ชอบไปต่างจังหวัด ไปใช้ชีวิต ไปหาอะไรใหม่ๆ ทำ การได้อยู่กับเพื่อนมันสนุกมันเหมือนกับการที่เราได้เป็นตัวเอง รู้สึกว่าได้ใช้ชีวิตได้เจอเรื่องทุกข์ เรื่องสุขด้วยกันมา แต่ก็อยู่คนเดียวได้อย่างการช้อปปิ้งเดินห้างก็ชอบไปคนเดียวเพราะจะคล้ายๆกับเจมส์ที่ไม่อยากให้ใครมารอ ก็เลยเลือกที่จะไปคนเดียว แต่ไลฟ์สไตล์เรา เราเป็นคนที่ชอบออกไปข้างนอกมาก ขนาดตอนกินข้าวจริงๆ จะสั่งเดลิเวอรี่ก็ได้ แต่ก็เลือกที่จะขับรถออกไปซื้ออาหารตามสั่งเอง เพราะรู้สึกว่าอยากออกจากบ้าน ถ้าอยู่บ้านก็จะเล่นแต่โทรศัพท์
มีสิ่งที่สนใจในช่วงเวลานี้ไหม
เจมส์: ก็จะเป็นพวกงานศิลปะ ธุรกิจพวกแบรนด์สินค้า แล้วก็มีเกี่ยวกับการร้องและการเต้น ก็จะเปิดเพลงของศิลปินที่เราชอบฟังเช่น Bruno Mars, ธามไท, Chris Brown หรือศิลปินเกาหลี เพราะรู้สึกว่าทำให้เราแฮปปี้ อย่างในทุกๆ เช้าผมจะหาเพลงฟังอย่างเพลง Bruno Mars – Finesse ทำให้เราได้ขยับร่างกาย
เน็ต: ช่วงนี้เน็ตจะโฟกัสกับการพัฒนาตนเอง เช่นการร้องเพลง เต้น หรือการแสดง ล่าสุดที่บ้านปลูกผัก และสนใจที่จะเลี้ยงไก่แต่ที่บ้านห้ามไว้เพราะกลัวงูจะมากินไก่ (หัวเราะ) คือจริงๆ ที่อยากเลี้ยงเพราะอยากเก็บไข่แค่นั้นเลย มันเริ่มมาจากการที่ผมดู tiktok คนนึงที่เขาเก็บไข่ทุกวัน แล้วรู้สึกน่าสนใจน่าสนุกกับการที่ผสมอาหารให้ไก่กิน แต่ผมไม่ได้คำนึงถึงเรื่องความสะอาด หรือการเลี้ยงในระยะยาว แค่รู้สึกว่าอยากหาอะไรใหม่ๆ ทำมากกว่า ล่าสุดก็คิดโปรเจคว่าอยากทำธุรกิจเยอะมาก แต่เราก็ไม่มีเวลาที่จะลงมือทำด้วยตัวเองขนาดนั้น ซึ่งในหัวก็คิดโปรเจกต์ใหม่ๆตลอดเวลา ล่าสุดวันเกิดน้องเจมส์ก็ได้ไปทำเค้กให้น้อง จากที่ไม่เคยทำเค้กมาก่อนเลย ก็จะมีผู้ช่วยมาคอยสอนบ้าง หรือแม้กระทั่งการไปเดินปากคลองตลาดไปซื้อดอกไม้ให้เจมส์ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นอีกอย่างหนึ่งที่ไม่เคยทำเลย
เจมส์: ขิงมาก ขิงมาก
เน็ต: ไม่ได้ขิงเลย แต่เดี๋ยวอนาคตจะปลูกดอกกุหลาบด้วย (หัวเราะ)
(เห็นแฟนๆ บอกว่ามีแผลที่มือเพราะดอกไม้)
เน็ต: เห็นพี่ๆ แฟนคลับแท็กมาอยู่ ตอนแรกก็ไม่ได้สังเกต ก็งงๆ อยู่ แต่ก็ไม่เห็นแผล ตอนที่เจมส์ถ่ายรูปก็ไม่ได้สังเกต สงสัยมันหายไป ส่วนเรื่องดอกไม้จริงๆตั้งใจไปซื้อเพราะอยากให้เจมส์ในวันวาเลนไทน์ จริงๆจะสั่งซื้อก็ได้ แต่รู้สึกว่าอยากไปลองและไปเลือกด้วยตนเอง ภาพในหัวคือถือแค่ดอกไม้โดยที่ไม่ห่ออะไรให้เลย แต่ก็กลัวมันจะติสท์ไปเลยไปเลือกกระดาษสีดำมาห่อให้ ซึ่งเป็นสีที่น้องชอบ และก็หาโบว์มาผูก แต่ก็หายากอยู่เหมือนกัน จริงๆ มีคลิปตอนทำด้วย แต่เดี๋ยวมันจะเยอะเกินไป เก็บไว้ดูเองดีกว่า (ยิ้ม)
ถ้าชวนอีกคนไปทำกิจกรรมที่เราชอบได้ 1 วัน จะชวนไปทำอะไร
เจมส์: เล่นเกม เป็นกิจกรรมที่ทำด้วยกันได้นานที่สุดแล้ว
เน็ต: การเล่นเกม น้องก็ได้อยู่บ้านด้วย ส่วนผมก็มีกิจกรรมให้ทำด้วย
เจมส์: ขนาดเล่นเกมยังหยุมกันได้ มีครั้งหนึ่งตอนที่เขาเข้ามาในเกมแล้วเค้าถามว่า ‘คุณหมูทอดจะเล่นมั้ย’ ซึ่งหมูทอดเป็นชื่อในเกม แต่กว่าจะได้เล่นจริงๆก็นานเพราะมัวแต่คุยกันก่อนที่จะเล่น
เน็ต: ผมเป็นคนที่เล่นเกมจะชิวมาก แพ้ก็ไม่สนใจ แต่ถ้าเล่นกับเจมส์ผมจะตั้งใจเล่นสุดๆ เพราะกลัวแพ้แล้วโดนน้องดุ แต่ผมเล่นกับเจมส์จะได้คะแนนดีตลอดเลยนะ
มาย้อนวันวานไปตอนเด็กกันหน่อย ตอนเด็กๆ เป็นคนยังไง มีอะไรแตกต่างจากตอนโตไหม
เจมส์: เจมส์จะเข้าใจคนที่เคยถูกบลูลี่มากๆ ระยะเวลาในโรงเรียนก่อนที่จะขึ้น ม.1 เราจะเจออะไรเดิมๆ แบบที่เราไม่โอเค เจอเพื่อนที่ชอบแกล้ง มันท็อกซิกมาก จนวันหนึ่งที่เราขึ้น ป.6 เราก็รู้สึกว่าไม่อยากเรียน ไม่อยากไปโรงเรียนแล้ว การไปโรงเรียนในทุกๆ วันของเราคือ Bad day เจมส์รู้สึกว่าโรงเรียนไม่ใช่เซฟโซน เจมส์เชื่อว่ามีเด็กหลายๆ คนที่เจอสถานการณ์แบบนี้อยู่ ในตอนนั้นเราก็รู้สึกว่าคุณครูจะสามารถช่วยเราได้ แต่ก็ไม่... จะมีก็แต่ตัวเราเอง และพ่อกับแม่ที่คอยช่วยเรา
พอมองย้อนกลับมา ตอนนี้ผมรู้สึกว่ามันดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อนมากๆ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ฝังใจผมมาจนถึงทุกวันนี้ การที่เด็กคนหนึ่งถูกกลั่นแกล้ง ถูกบลูลี่ และพูดจาเสียดสีใส่ มาตั้งแต่เนอสเซอรี่ จนจบ ป.6 มันนานมากๆ แต่พอขึ้น ม.1 ชีวิตก็เปลี่ยนไป เราได้เจอสังคมใหม่ๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น มีคนยอมรับและชอบในสิ่งที่เราเป็นมากขึ้น มันเหมือนยกภูเขาออกจากอก มันทำให้เราสบายใจมากขึ้น อย่างทุกวันนี้ เวลาดูซีรีส์ที่มีการบลูลี่หรือมีการกลั่นแกล้งกัน ก็จะทำให้เราย้อนกลับไปนึกถึงเรื่องในอดีต แต่ก็จะย้ำเตือนตัวเองตลอดว่า "เราผ่านมาได้แล้วนะ"
เน็ต: ของเน็ตก็จะเป็นเรื่องเพื่อน เพราะเมื่อก่อนเน็ตเป็นคนที่ติดเพื่อนมาก อะไรก็เพื่อน เพื่อนจะมาก่อนเสมอ อย่างมีครั้งนึงเพื่อนในกลุ่มทะเลาะกัน เน็ตก็ร้องไห้แล้ว เพราะไม่อยากให้เพื่อนทะเลาะหรือแตกคอกัน อย่างเมื่อก่อนเน็ตเป็นคนที่มีเพื่อนเยอะมาก แต่พอโตขึ้นมาก็รู้สึกว่าไม่ใช่เพื่อนทุกคนที่จะเห็นคุณค่า หรือดีกับเรา เน็ตเป็นคนที่ให้ใจเพื่อนทุกคนมาก แต่พอจุดๆ หนึ่งที่เราโตขึ้น เราก็รู้แล้วว่า เพื่อนคนไหนคบได้ คนไหนคบไม่ได้เราก็จะค่อยๆ แยกตัวออกห่างมา
ก่อนที่เน็ตจะเข้าดูมันดิ เน็ตเคยจัดงานวันเกิดตัวเอง มีเพื่อนมาร้อยกว่าคนแต่พอตอนนี้คิดไปคิดมา ถ้ามาจัดอีกทีตอนนี้ยังไงคนก็เยอะกว่าเดิมแน่นอน เพราะเรารู้จักคนเพิ่มขึ้น แต่เราก็ย้อนกลับมาถามตัวเองว่า กับคนที่เราสนิทจริงๆ จะมีกี่คน เราควรที่จะเด็ดขาดกับตัวเองมากขึ้นและชวนคนที่สนิทและไว้ใจได้ดีกว่าที่จะชวนเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกันแต่ไม่สนิทมาด้วย การที่เน็ตโตขึ้นทำให้เห็นว่าทุกคนไม่ได้ดีกับเราเสมอไป เราต้องมองความเป็นจริงว่า ในชีวิตจริงมันมีคนหลายประเภทนะ
ฝากผลงานการติดตาม
เจมส์: ขอฝากซีรีส์ อย่าเล่นกับอนล ออนแอร์ทาง ช่องวัน 31 ทุกวันเสาร์ เวลา 22.40 น.
เน็ต: รีรันทาง youtube : Mandee Channel เวลา 23.45 น. และที่สำคัญ Uncut Ver. ใน iQIYI 23.45 น.
เจมส์: สามารถติดตามพวกเราได้ทาง Youtube : Domundi TV และ IG ส่วนตัวได้ IG: net_siraphop และ IG: james.spmk ครับ
อัลบั้มภาพ 198 ภาพ