เบื้องหลังหนังออสการ์ Everything Everywhere All at Once โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส
ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส จะพาทุกคนมารู้ลึกไปกับภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once ที่คว้ารางวัลใหญ่จาก Oscars 2023 ไปหมาดๆ
- คุณรู้ไหมว่าหนังเรื่องนี้ทุนต่ำตมเพียงราวๆ 14.3 ล้านเหรียญเท่านั้น มันเพียงพอที่จะจ่ายค่าตัวนักแสดงอย่าง Jamie Lee Curtis หรือ Michelle Yeoh แต่แทบไม่พอใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ พวกเขาจึงมีบ้างที่ใช้เทคนิคการถ่ายแบบหนังยุคเก่า
- ฝ่าย VFX หรือ วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ในหนังมี 9 คน รวมถึงตัวผู้กำกับ Daniel Kwan และ Daniel Scheinert ด้วย และไม่มีใครมีความรู้หรือได้เรียนเกี่ยวกับ VFX มาเลย พวกเขาศึกษาด้วยตนเองผ่านการเรียนในออนไลน์ แล้วมาทำ VFX ในหนังเรื่องนี้ เพื่อประหยัดงบ
- เพื่อเก็บพล็อตหนังให้เป็นความลับที่สุด แต่พวกเขาจำเป็นต้องใส่พล็อตในเว็บ IMDb เพื่อแนะนำทีมงาน พล็อตของหนังจึงมีเพียงสั้นๆว่า "ผู้หญิงคนหนึ่ง พยายามที่จะจัดการกับการจ่ายภาษีของเธอ" ซึ่งแน่นอนว่ามันดูเป็นหนังดราม่าธรรมดาๆเท่านั้น
- หลายคนยังไม่ทราบว่าหนังเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย Anthony Russo และ Joe Russo แห่งจักรวาล Marvel
- เป็นการกลับมารับบทสำคัญในหนังของ Ke Huy Quan ในรอบ 20 ปี
- James Hong ถ่ายหนังเรื่องนี้ในวัย 91 ปีเขามีตัวแสดงแทน 5 คนในการเล่นฉากแอ็กชั่นต่างๆ มีคนหนึ่งอาสาโกนหัว เพื่อเป็นเกียรติแด่ James Hong
- Michelle Yeoh เล่าว่าเธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย เพราะสับไปสับมา เธอกล่าวว่า บางวันเธอก็เหมือนกำลังแสดงหนังตลก บางวันก็แอ็คชั่น บางวันก็สยองขวัญ ทุกแนวรวมอยู่ในเรื่องเดียว มันเป็นประสบการณ์ที่น่าปลื้มใจมาก เธอรอมานานแล้ว กว่าจะได้บทแบบนี้เสียที เพราะเธอเริ่มอายุเยอะแล้ว
- เดิมที Daniel Kwan และ Daniel Scheinert เขียนบทโดยมี เฉินหลง (Jackie Chan) อยู่ในใจกับบทนำ แต่เฉินหลงปฏิเสธ ท้ายที่สุดพวกเขาปรับบทนำให้แสดงโดยผู้หญิง โดยได้ Michelle Yeoh มานำแสดงตามคำแนะนำของเฉินหลง ซึ่งพวกเขาเองก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยามีความน่าเชื่อถือมากกว่าบทดั้งเดิมที่เป็นผู้ชาย
- Daniel Radcliffe เกือบได้ร่วมแสดงเรื่องนี้ แต่ตารางงานไม่ตรงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ Daniel Radcliffe เคยร่วมงานกับผู้กำกับทั้งสองใน Swiss Army Man (2016)
- Ke Huy Quan เล่นฉากบู๊ส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมี Andy Le สตั๊นท์ประจำตัวแสดงแทนในบางฉาก และทีมงาน VFX ก็ใช้เทคนิคสลับใบหน้าให้หน้าของ Ke Huy Quan ไปแปะบนหน้า Andy Le คำถามคือ พวกเขาเพิ่งเรียนทำ VFX ในเน็ตมาเองนะ
- ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ SBIFF Cinema Society ผู้อำนวยการสร้าง Jonathan Wang เปิดเผยว่าหนังเราถ่ายทำด้วยงบประมาณเพียง 14.3 ล้านดอลลาร์ (สุดท้ายจบที่ 25 ล้านดอลลาร์) เขากล่าวติดตลกว่า เราสร้างหนังด้วยงบ 1 ใน 14 ของหนัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness หรือพูดง่ายๆคือหนังเรื่องนี้สร้างจากงบที่พอๆกับงบงานปาร์ตี้งานเลี้ยงของค่าย Marvel
- Ke Huy Quan หยุดเล่นหนังมากว่า 20 ปี เนื่องจากเขาคิดว่าไม่มีบทบาทคนเอเชียที่น่าสนใจในฮอลลีวู้ดให้เขาแสดงเลย ในหนังเรื่องนี้เขาได้สวมบทบาทมากกว่า 200 บทบาท บางบทเห็นแค่แว้บๆแต่เขาคิดว่าบทมีสาระมากกว่าบทอื่นๆที่เขาเคยเล่นในหนังบางเรื่องก่อนหน้านี้เสียอีก
- ฉากหลังที่ซูมทะลุมิติไปหลายๆสถานที่ พวกเขาใช้เวลาถ่ายสถานที่ต่างๆเก็บไว้เป็นเวลากว่าหนึ่งปี เพียงเพื่อนำมาใช้ในหนังเพียง 8 วินาที
- Ke Huy Quan ต้องตีโจทย์ให้แตกในการรับบทเป็น Waymond หลายเวอร์ชั่น ให้คนดูแยกแยะให้ได้ว่าเขาคือคนละคนกัน โดยได้ดีไซน์ท่ายืน ท่าเดิน ท่าทางต่างๆให้ออกมาแตกต่างกันมากที่สุด
- Daniel Kwan เขียนบทช็อตเปิดตัวของ Evelyn Wang จากชีวิตอันยุ่งเหยิงของลุงๆป้าๆของเขาในชีวิตจริง หนึ่งในนั้นคือการวุ่นวายกับสมุดโทรศัพท์ภาษาจีน
- ผู้กำกับดีใจมากที่ได้ Michelle Yeoh มานำแสดง พวกเขาพยายามเปลี่ยนชื่อตัวละคร Evelyn Wang ให้เป็น Michelle Yeoh ตามชื่อจริงของเธอ แต่เธอปฏิเสธ เธอต้องการให้เรื่องราวของ Evelyn ยืนหยัดด้วยตัวมันเอง และไม่ชอบการรวมบุคลิกของเธอเข้ากับตัวละครที่เธอแสดง
- Jamie Lee Curtis ยอมรับว่า การถูก Michelle Yeoh ต่อย คือความใฝ่ฝันของเธอ และเธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ถ่ายฉากแบบนั้น
- ฉากการฝึกที่ทำให้ Evelyn กลายเป็นปรมาจารย์กังฟู ซึ่งเธอได้รับการฝึกโดยที่ชายแก่ผมสีเงินผู้ลึกลับ เป็นการแสดงความเคารพต่อหนังกังฟูในยุค 70 และ 80
- ฉากบทสนทนาลึกซึ้งในตรอกซอกซอยในตอนกลางคืน ด้วยแสงที่ชวนอารมณ์ถวิลหา มีสีสันงดงาม และบทสนทนาที่โหยหา ซึ่งสะท้อนอยู่ในอารมณ์แห่งความรัก พวกเขาทำฉากนี้เพื่อคาราวะหนังและสไตล์ของผู้กำกับ Wong Kar-wai
- หนังเรื่องนี้ถ่ายทำก่อนเกิดโควิด-19 แต่ในหนังมีตัวละครสวมหน้ากากอนามัยและใช้เจลทำความสะอาดมือ นั่นเพราะพวกเขาอยู่ในชุมชนชาวเอเชีย ซึ่งโดยปรกติชาวเอเชียมักสวมหน้ากากกับล้างเจลอยู่แล้ว มันจึงบังเอิญที่ภาพออกมาจะทำให้คนเข้าใจว่านี่คือหนังที่ถ่ายทำและกล่าวถึงช่วงโควิดระบาด
- Awkwafina เคยอยู่ในรายชื่อนักแสดงในบท Joy แต่การเจรจาไม่ลงตัว ก่อนที่จะเป็น Stephanie Hsu ที่คว้าบทไป
- ก่อนคว้า Oscars หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องโปรดของผู้กำกับระดับโลกอย่าง Guillermo Del Toro , Alfonso Cuarón และ Alejandro G. Inárritu พวกเขาเรียกมันว่าเป็น Trainspotting ของยุคนี้
- หนังเรื่องนี้เปิดตัวฉายอย่างจำกัดในโรงภาพยนตร์เพียง 10 โรงเท่านั้น แต่กระแสปากต่อปากส่งผลให้หนังสามารถฉายในวงกว้างในอีกสองสัปดาห์ต่อมา และติดสิบอันดับแรกของ Box office เป็นเวลาสามเดือน โดยได้แรงหนุนจากบทวิจารณ์ ปนๆกับความโชคดีในความโชคร้าย คือเป็นช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก หนังจึงแทบไร้คู่แข่ง และในที่สุดก็กลายเป็นหนังอินดี้ที่ค่าย A24 จัดจำหน่ายที่ทำรายได้สูงสุด
- ตัวละคร Evelyn Wang มีชื่อจีนว่า ซูเหลียน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่เธอใช้ในหนัง Crouching Tiger, Hidden Dragon
- การถ่ายทำทั้งหมดใช้เวลาเพียง 38 วันเท่านั้น
- เดิมทีหนังจะเล่าเรื่องคนหลายรุ่น แต่แล้วแนวคิดจาก The Matrix ก็เข้ามา มันจึงเกิดหนัง Multiverse
- Jamie Lee Curtis ร้องไห้ในขณะชมรอบปฐมทัศน์ในออสติน เท็กซัส เธอร้องไห้แล้วบอกกับสองผู้กำกับว่า 'โอเค ในที่สุดฉันก็เข้าใจหนังเรื่องนี้ซะที'
- จักรวาลที่ Evelyn และ Joy เป็นก้อนหินได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือสำหรับเด็ก Sylvester and the Magic Pebble และวิดีโอเกม Everything (2017)
- สายรัดกระเป๋าคาดเอวของ Waymond ระหว่างที่เขาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้รับแรงบันดาลใจจากหนัง The Grandmaster (2013) ของ Wong Kar-wai
- ด้วยรางวัลออสการ์ 7 รางวัลรวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดนับตั้งแต่ Slumdog Millionaire (2008) เมื่อ 14 ปีก่อน
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ