เบื้องหลังหนังออสการ์ Everything Everywhere All at Once โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

เบื้องหลังหนังออสการ์ Everything Everywhere All at Once โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

เบื้องหลังหนังออสการ์ Everything Everywhere All at Once โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส จะพาทุกคนมารู้ลึกไปกับภาพยนตร์ Everything Everywhere All at Once ที่คว้ารางวัลใหญ่จาก Oscars 2023 ไปหมาดๆ 

  • คุณรู้ไหมว่าหนังเรื่องนี้ทุนต่ำตมเพียงราวๆ 14.3 ล้านเหรียญเท่านั้น มันเพียงพอที่จะจ่ายค่าตัวนักแสดงอย่าง Jamie Lee Curtis หรือ Michelle Yeoh แต่แทบไม่พอใช้จ่ายในส่วนอื่นๆ พวกเขาจึงมีบ้างที่ใช้เทคนิคการถ่ายแบบหนังยุคเก่า
  • ฝ่าย VFX หรือ วิชวลเอ็ฟเฟ็กต์ ในหนังมี 9 คน รวมถึงตัวผู้กำกับ Daniel Kwan และ Daniel Scheinert ด้วย และไม่มีใครมีความรู้หรือได้เรียนเกี่ยวกับ VFX มาเลย พวกเขาศึกษาด้วยตนเองผ่านการเรียนในออนไลน์ แล้วมาทำ VFX ในหนังเรื่องนี้ เพื่อประหยัดงบ
  • เพื่อเก็บพล็อตหนังให้เป็นความลับที่สุด แต่พวกเขาจำเป็นต้องใส่พล็อตในเว็บ IMDb เพื่อแนะนำทีมงาน พล็อตของหนังจึงมีเพียงสั้นๆว่า "ผู้หญิงคนหนึ่ง พยายามที่จะจัดการกับการจ่ายภาษีของเธอ" ซึ่งแน่นอนว่ามันดูเป็นหนังดราม่าธรรมดาๆเท่านั้น
  • หลายคนยังไม่ทราบว่าหนังเรื่องนี้อำนวยการสร้างโดย Anthony Russo และ Joe Russo แห่งจักรวาล Marvel
  • เป็นการกลับมารับบทสำคัญในหนังของ Ke Huy Quan ในรอบ 20 ปี

  • James Hong ถ่ายหนังเรื่องนี้ในวัย 91 ปีเขามีตัวแสดงแทน 5 คนในการเล่นฉากแอ็กชั่นต่างๆ มีคนหนึ่งอาสาโกนหัว เพื่อเป็นเกียรติแด่ James Hong
  • Michelle Yeoh เล่าว่าเธอแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้เลย เพราะสับไปสับมา เธอกล่าวว่า บางวันเธอก็เหมือนกำลังแสดงหนังตลก บางวันก็แอ็คชั่น บางวันก็สยองขวัญ ทุกแนวรวมอยู่ในเรื่องเดียว มันเป็นประสบการณ์ที่น่าปลื้มใจมาก เธอรอมานานแล้ว กว่าจะได้บทแบบนี้เสียที เพราะเธอเริ่มอายุเยอะแล้ว
  • เดิมที Daniel Kwan และ Daniel Scheinert เขียนบทโดยมี เฉินหลง (Jackie Chan) อยู่ในใจกับบทนำ แต่เฉินหลงปฏิเสธ ท้ายที่สุดพวกเขาปรับบทนำให้แสดงโดยผู้หญิง โดยได้ Michelle Yeoh มานำแสดงตามคำแนะนำของเฉินหลง ซึ่งพวกเขาเองก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยามีความน่าเชื่อถือมากกว่าบทดั้งเดิมที่เป็นผู้ชาย
  • Daniel Radcliffe เกือบได้ร่วมแสดงเรื่องนี้ แต่ตารางงานไม่ตรงกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ Daniel Radcliffe เคยร่วมงานกับผู้กำกับทั้งสองใน Swiss Army Man (2016)
  • Ke Huy Quan เล่นฉากบู๊ส่วนใหญ่ด้วยตัวเอง แม้ว่าจะมี Andy Le สตั๊นท์ประจำตัวแสดงแทนในบางฉาก และทีมงาน VFX ก็ใช้เทคนิคสลับใบหน้าให้หน้าของ Ke Huy Quan ไปแปะบนหน้า Andy Le คำถามคือ พวกเขาเพิ่งเรียนทำ VFX ในเน็ตมาเองนะ
  • ในระหว่างการให้สัมภาษณ์ที่ SBIFF Cinema Society ผู้อำนวยการสร้าง Jonathan Wang เปิดเผยว่าหนังเราถ่ายทำด้วยงบประมาณเพียง 14.3 ล้านดอลลาร์ (สุดท้ายจบที่ 25 ล้านดอลลาร์) เขากล่าวติดตลกว่า เราสร้างหนังด้วยงบ 1 ใน 14 ของหนัง Doctor Strange in the Multiverse of Madness หรือพูดง่ายๆคือหนังเรื่องนี้สร้างจากงบที่พอๆกับงบงานปาร์ตี้งานเลี้ยงของค่าย Marvel

  • Ke Huy Quan หยุดเล่นหนังมากว่า 20 ปี เนื่องจากเขาคิดว่าไม่มีบทบาทคนเอเชียที่น่าสนใจในฮอลลีวู้ดให้เขาแสดงเลย ในหนังเรื่องนี้เขาได้สวมบทบาทมากกว่า 200 บทบาท บางบทเห็นแค่แว้บๆแต่เขาคิดว่าบทมีสาระมากกว่าบทอื่นๆที่เขาเคยเล่นในหนังบางเรื่องก่อนหน้านี้เสียอีก
  • ฉากหลังที่ซูมทะลุมิติไปหลายๆสถานที่ พวกเขาใช้เวลาถ่ายสถานที่ต่างๆเก็บไว้เป็นเวลากว่าหนึ่งปี เพียงเพื่อนำมาใช้ในหนังเพียง 8 วินาที
  • Ke Huy Quan ต้องตีโจทย์ให้แตกในการรับบทเป็น Waymond หลายเวอร์ชั่น ให้คนดูแยกแยะให้ได้ว่าเขาคือคนละคนกัน โดยได้ดีไซน์ท่ายืน ท่าเดิน ท่าทางต่างๆให้ออกมาแตกต่างกันมากที่สุด
  • Daniel Kwan เขียนบทช็อตเปิดตัวของ Evelyn Wang จากชีวิตอันยุ่งเหยิงของลุงๆป้าๆของเขาในชีวิตจริง หนึ่งในนั้นคือการวุ่นวายกับสมุดโทรศัพท์ภาษาจีน
  • ผู้กำกับดีใจมากที่ได้ Michelle Yeoh มานำแสดง พวกเขาพยายามเปลี่ยนชื่อตัวละคร Evelyn Wang ให้เป็น Michelle Yeoh ตามชื่อจริงของเธอ แต่เธอปฏิเสธ เธอต้องการให้เรื่องราวของ Evelyn ยืนหยัดด้วยตัวมันเอง และไม่ชอบการรวมบุคลิกของเธอเข้ากับตัวละครที่เธอแสดง
  • Jamie Lee Curtis ยอมรับว่า การถูก Michelle Yeoh ต่อย คือความใฝ่ฝันของเธอ และเธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะได้ถ่ายฉากแบบนั้น
  • ฉากการฝึกที่ทำให้ Evelyn กลายเป็นปรมาจารย์กังฟู ซึ่งเธอได้รับการฝึกโดยที่ชายแก่ผมสีเงินผู้ลึกลับ เป็นการแสดงความเคารพต่อหนังกังฟูในยุค 70 และ 80
  • ฉากบทสนทนาลึกซึ้งในตรอกซอกซอยในตอนกลางคืน ด้วยแสงที่ชวนอารมณ์ถวิลหา มีสีสันงดงาม และบทสนทนาที่โหยหา ซึ่งสะท้อนอยู่ในอารมณ์แห่งความรัก พวกเขาทำฉากนี้เพื่อคาราวะหนังและสไตล์ของผู้กำกับ Wong Kar-wai

  • หนังเรื่องนี้ถ่ายทำก่อนเกิดโควิด-19 แต่ในหนังมีตัวละครสวมหน้ากากอนามัยและใช้เจลทำความสะอาดมือ นั่นเพราะพวกเขาอยู่ในชุมชนชาวเอเชีย ซึ่งโดยปรกติชาวเอเชียมักสวมหน้ากากกับล้างเจลอยู่แล้ว มันจึงบังเอิญที่ภาพออกมาจะทำให้คนเข้าใจว่านี่คือหนังที่ถ่ายทำและกล่าวถึงช่วงโควิดระบาด
  • Awkwafina เคยอยู่ในรายชื่อนักแสดงในบท Joy แต่การเจรจาไม่ลงตัว ก่อนที่จะเป็น Stephanie Hsu ที่คว้าบทไป
  • ก่อนคว้า Oscars หนังเรื่องนี้เป็นหนังเรื่องโปรดของผู้กำกับระดับโลกอย่าง Guillermo Del Toro , Alfonso Cuarón และ Alejandro G. Inárritu พวกเขาเรียกมันว่าเป็น Trainspotting ของยุคนี้
  • หนังเรื่องนี้เปิดตัวฉายอย่างจำกัดในโรงภาพยนตร์เพียง 10 โรงเท่านั้น แต่กระแสปากต่อปากส่งผลให้หนังสามารถฉายในวงกว้างในอีกสองสัปดาห์ต่อมา และติดสิบอันดับแรกของ Box office เป็นเวลาสามเดือน โดยได้แรงหนุนจากบทวิจารณ์ ปนๆกับความโชคดีในความโชคร้าย คือเป็นช่วงโควิด-19 ระบาดหนัก หนังจึงแทบไร้คู่แข่ง และในที่สุดก็กลายเป็นหนังอินดี้ที่ค่าย A24 จัดจำหน่ายที่ทำรายได้สูงสุด
  • ตัวละคร Evelyn Wang มีชื่อจีนว่า ซูเหลียน ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับที่เธอใช้ในหนัง Crouching Tiger, Hidden Dragon
  • การถ่ายทำทั้งหมดใช้เวลาเพียง 38 วันเท่านั้น

 Everything Everywhere All at Once

  • เดิมทีหนังจะเล่าเรื่องคนหลายรุ่น แต่แล้วแนวคิดจาก The Matrix ก็เข้ามา มันจึงเกิดหนัง Multiverse
  • Jamie Lee Curtis ร้องไห้ในขณะชมรอบปฐมทัศน์ในออสติน เท็กซัส เธอร้องไห้แล้วบอกกับสองผู้กำกับว่า 'โอเค ในที่สุดฉันก็เข้าใจหนังเรื่องนี้ซะที'
  • จักรวาลที่ Evelyn และ Joy เป็นก้อนหินได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือสำหรับเด็ก Sylvester and the Magic Pebble และวิดีโอเกม Everything (2017)
  • สายรัดกระเป๋าคาดเอวของ Waymond ระหว่างที่เขาต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ได้รับแรงบันดาลใจจากหนัง The Grandmaster (2013) ของ Wong Kar-wai
  • ด้วยรางวัลออสการ์ 7 รางวัลรวมถึงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับรางวัลมากที่สุดนับตั้งแต่ Slumdog Millionaire (2008) เมื่อ 14 ปีก่อน

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ เบื้องหลังหนังออสการ์ Everything Everywhere All at Once โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook