"อาร์ตี้ ธนฉัตร" กลับบ้านทำปั๊มน้ำมัน นับหนึ่งใหม่ ไม่อายลูกน้องเก่งกว่า

"อาร์ตี้ ธนฉัตร" กลับบ้านทำปั๊มน้ำมัน นับหนึ่งใหม่ ไม่อายลูกน้องเก่งกว่า

"อาร์ตี้ ธนฉัตร" กลับบ้านทำปั๊มน้ำมัน นับหนึ่งใหม่ ไม่อายลูกน้องเก่งกว่า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"อาร์ตี้ ธนฉัตร" ถอยห่างวงการบันเทิง กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านขอนแก่น ดูแลกิจการปั๊มน้ำมันของครอบครัว นับหนึ่งใหม่ เรียนรู้งานจากรากหญ้าสู่ยอดหญ้า ไม่อายลูกน้องเก่งกว่า ชี้วงการบันเทิงไม่ใช่จุดสูงสุดของทุกคน ก้าวหน้าแล้วถอยหลัง บางครั้งก็ไม่ได้เป็นเพราะ "ตกต่ำ" เสมอไป แต่เป็นการถอยออกมา เพื่อหาความสุขที่แท้จริงให้กับตัวเอง

อาร์ตี้-ธนฉัตร ตุลยฉัตร ดาราหนุ่ม ที่แจ้งเกิดในวงการบันเทิงตั้งแต่เป็นนักเรียน ม.ปลาย กับบท บุญโชค ลูกชายของ บุญชู กับ โมลี ในภาพยนตร์เรื่อง บุญชู ก่อนมาเป็นขวัญใจไทบ้าน จากการรับบท บักทองคำ ในภาพยนตร์เรื่องผู้บ่าวไทบ้านอีสานอินดี้ เปิดบ้าน และปั๊มน้ำมัน ใน อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น บ้านเกิด ต้อนรับทีมข่าว Sanook ให้สัมภาษณ์ว่า เขาตัดสินใจกลับมาใช้ชีวิตที่บ้านเกิดพักใหญ่ เพราะปรับตัวไม่ได้กับการใช้ชีวิตในเมืองหลวง

 อาร์ตี้ ธนฉัตร

ดาราหนุ่มมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ตั้งแต่มีอายุ 17 ปี บอกว่า การถอยหลังกลับบ้าน ไม่ได้หมายความว่า ถอยออกจากวงการบันเทิง เพียงแต่ถอยห่าง รับงานในปริมาณที่พอดี มีงานถ่ายหนังถ่ายละคร ก็เข้าไปทำงาน ทำเสร็จแล้วก็กลับมาอยู่ที่บ้าน ช่วยพ่อแม่ดูแลปั๊มน้ำมัน ซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นงานที่เขาพยายามหนีมาตลอด จนเมื่อโตขึ้นได้เปลี่ยนความคิดใหม่ เข้าใจหัวอกคนเป็นพ่อแม่ ที่อยากเห็นลูกเข้ามาช่วยสานต่อธุรกิจที่สร้างขึ้นมากับมือ ให้เจริญก้าวหน้า หรือ คงอยู่ต่อไปได้

"ด้วยความที่ว่า ทำงานตั้งแต่อายุ 17 ปีด้วย พอทำไปเรื่อยๆ มันก็มีเบื่อบ้าง เหมือนถามตัวเองว่า เราจะทำอาชีพนี้จริงๆ เหรอ เราไม่ลองทำอาชีพอื่นดูเหรอ พออยู่ไปอยู่มา สิ่งที่พยายามปรับตัว และก็ยังปรับไม่ค่อยได้จนถึงทุกวันนี้ ก็รถติดครับ ด้วยความที่เราอยู่ต่างจังหวัด มันไปมามันสะดวก พอเราไปอยู่เมืองหลวง การเดินทางการแข่งขัน การแข่งขันมันก็สูง แล้วเป็นคนที่ขึ้นรถไฟฟ้า ขึ้นรถไฟใต้ดินไม่เป็นด้วย เคยให้เพื่อนพาไปลองขึ้น แล้วรู้สึกว่าสู้ไม่ไหว สู้เขาไม่ได้ คือพอรถจอดปุ๊บเขาขึ้น เรามัวแต่ยืนเอ๋ออยู่ เข้าไม่ทันคนอื่นเขา"

"มันมีช่วงหนึ่งครับ ผมก็ไปนั่งอยู่ระเบียง แล้วก็แบบเหมือนถามตัวเองว่า แบบกูมาทำอะไรวะเนี่ย อยู่ในกรุงเทพฯ ใช้ชีวิตคนเดียวตั้งแต่เด็ก มันเป็นความแบบอ้างว้าง ทำไมชีวิตกูอยู่ขอนแก่น ทำไมอยู่ๆ กูก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่เมืองหลวง เหมือนถามตัวเอง สุดท้ายก็ตอบตัวเองได้ว่า มึงมาทำงานนะตี้ มึงมาเรียนหนังสือนะ มันก็มีสิ่งที่ต้องทำ อารมณ์แบบคิดถึงบ้าน คิดถึงพ่อแม่ครับ ก็ค่อยๆ ถอยออกมา ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่เขา ทำธุรกิจปั๊มน้ำมัน ก็เลยแบบมาช่วยดูแล ในฐานะคนเป็นพ่อแม่ก็อยากให้ลูกมาช่วยสานต่อ"

 อาร์ตี้ ธนฉัตร

อาร์ตี้ ในวัย 32 ปี เล่าต่อว่า การเป็นผู้บริหารปั๊มน้ำมัน เขาเริ่มจากนับหนึ่งใหม่ เรียนรู้การทำงานจากพนักงานตั้งแต่ระดับรากหญ้าจนถึงยอดหญ้า เพื่อให้เข้าใจกระบวนการทำงานทุกขั้นตอน และไม่เคยมีความรู้สึกอาย ที่ลูกน้องทำงานเก่งกว่า

"ตอนแรกคิดว่าน่าจะง่ายแต่พอมาทำแล้วไม่ง่ายอย่างที่คิด"

อาร์ตี้ บอกต่อว่า เขาเรียนจบปริญญาตรี จากวิทยาลัยนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต สาขาภาพยนตร์ วีดิทัศน์ ไม่ได้จบมาทางด้านบริหารธุรกิจ และแม้จะโตมากับธุรกิจนี้ก็ได้แต่เห็นพ่อแม่ทำ เพราะส่วนตัวพยายามหนีมาตลอดตั้งแต่เด็ก การบริหารงานในแต่ละวันจะมีปัญหากระจุกกระจิกมาให้แก้ปัญหาตลอด กว่าจะทำงานได้คล่องแคล่ว ต้องใช้เวลาเรียนรู้งานพักใหญ่ จากพ่อแม่ พนักงาน และจากการลงมือปฏิบัติงานในทุกส่วน

อาร์ตี้ ธนฉัตร

"แค่ผมไปอบรมเซเว่นเดือนครึ่ง ผมก็ปวดหัวผมงงไปหมดเลย ทั้งระบบ ภาษาอังกฤษเอย อะไรอย่างนี้ ผมเป็นคนโง่ภาษาอังกฤษ ไม่รู้เรื่อง และก็ตกเลข ก็ค่อยๆ เรียนรู้ไปครับ แต่สุดท้ายแล้วคนที่เก่งก็คือ ผู้จัดการนั่นแหละ น้องเสมียน บัญชี คอยช่วยคอยจัดการมันก็ดี เราไม่ถนัดผมว่ามันไม่น่าอายนะ พนักงานเรา จะเก่งกว่าเรา ก็เราไม่รู้ เราก็แค่ถามเขา ไม่ต้องมีอีโก้แบบ เป็นถึงเจ้าของ แล้วแบบไม่กล้าถาม ผมว่าไม่ใช่ อย่างน้อยก็ควรเติมน้ำมันให้เป็น ควรรู้ว่าน้ำมันมีชนิดอะไรบ้าง เรื่องของกาแฟ โอเคมันมีมาตรฐานของเขามาอยู่แล้ว เราก็ไปเรียนรู้กับพนักงานเรา"

"มันจะมีช่วงที่แบบรถเข้าเยอะเข้าน้อย ถ้าช่วงเยอะพนักงานเอาไม่ทัน เราเองก็สามารถเข้าไปช่วยพนักงานเราเติมได้ มันได้พูดคุยด้วย ได้อะไรอย่างนี้ด้วยครับ ผมว่าการที่เราลงมือไปทำเอง อย่างน้อยถ้ามันมีปัญหา เราได้รู้ปัญหา เราจะได้ช่วยแก้ไขปัญหาได้ ไม่ใช่เขาทำงานเหนื่อยๆ มา แล้วเราไปชี้นิ้วสั่งว่า ทำไมไม่อย่างนู้นอย่างนี้"

"พอกลับมา เวลาเข้าไปกรุงเทพฯ ไปเห็นกองถ่าย มันทำให้ผมรู้สึกแบบคิดถึง มีงานติดต่อเข้ามาพอดี ก็เลยตัดสินใจลองรับ แล้วก็ลองปรับตัว สักคิวสองคิว ก็ตอบตัวเองได้ว่า สุดท้ายแล้วทำอาชีพนักแสดงก็มีความสุขอยู่ดี ตอนนี้มีหนังอยู่ครับ ก็เพิ่งถ่ายจบไป ผู้บ่าวไทบ้านอวสานอินดี้ครับ และก็กำลังถ่ายอยู่คือเรื่องกุมารครับ เป็นหนังผีสยองขวัญครับ ผมรับบทเป็นพระ ผมก็เลยต้องโกนหัวและก็โกนคิ้ว ทุกวันนี้ไปๆ กลับๆ ครับ เรารับงานไว้แล้ว เราก็เข้าไปทำ พอเราว่าง เราก็กลับมาช่วยที่บ้าน เหมือนได้หาความสุข ที่นี่ (ที่บ้าน) คือความสุข และที่โน่น (วงการบันเทิง) ก็คือความสุข"

อาร์ตี้ ธนฉัตร

อาร์ตี้ บอกอีกว่า ช่วงที่เริ่มรับงานวงการบันเทิงน้อยลง ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่า "ตกต่ำ" บ้าง หรือ "งานในวงการไม่มีแล้วเหรอ" บ้าง ส่วนตัวรู้สึกว่า "ทำไมต้องคิดแบบนั้น" สำหรับบางคน ก้าวหน้าแล้วถอยหลัง บ้างครั้งก็ไม่ได้เป็นเพราะ "ตกต่ำ" เสมอไป แต่เป็นการถอยออกมา เพื่อหาความสุขที่แท้จริงให้กับตัวเอง ความสุขของคนเราไม่เท่ากัน จุดสูงสุดของคนเราไม่เท่ากัน ส่วนตัวมีความเชื่อว่า อาชีพ ดารา หรือ อาชีพในวงการบันเทิง ก็ไม่ใช่จุดที่มีความสุขที่สุด หรือ จุดสูงสุดของทุกคน

"คำนี้ผมได้ยินตั้งแต่เด็กยันโตไม่ว่าจะผ่านไปยุคไหนก็ได้ยินตกกระป๋อง ผมรู้สึกว่าทำไมทุกคนต้องคิดแบบนั้น ไม่ต้องไปทำอาชีพอื่นก็ได้ ในวงการบันเทิงแค่จากทำงานเบื้องหน้าไปทำงานเบื้องหลัง เขาก็มองคนเบื้องหลังแบบไม่มีค่า จริงๆ ผมว่าคนที่คิดแบบนี้ ต้องปรับทัศนคติ ความคิดตัวเองใหม่ ถ้ามีเบื้องหน้าแล้ว มันก็ต้องมีเบื้องหลัง เบื้องหลังควรจะเชิดชูมากกว่าเบื้องหน้าด้วยซ้ำ เพราะว่าเขาเป็นคนคิดทุกสิ่งทุกอย่างทั้งหมดเลย ร้านอาหารไม่มีพ่อครัวทำ เราก็จะไม่ได้กินอาหารที่มันอร่อย มันคือความถนัดแต่ละคน จะให้ผมไปลวกก๋วยเตี๋ยว ผมก็ทำไม่อร่อย ให้หมอมาเป็นช่างซ่อมรถก็ไม่ได้ครับ"

"เพราะฉะนั้นทุกอาชีพ มันมีคุณค่าของมันอยู่แล้ว อย่าด้อยค่าอาชีพแต่ละคนทำ จุดสูงสุดของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน วงการบันเทิง มันก็คืออาชีพ อาชีพที่สร้างตัวเขา มีเงินเก็บ หรือว่าแบบมีบ้านมีรถ มีอะไรอย่างนี้ก็แล้วแต่ แต่มันไม่ใช่ความสุขของเขา ผมดูพี่เชษฐ์ สไมล์บัฟฟาโล่ นักดนตรีมาก่อน สุดท้ายแล้ว ความสุขของแกคือ แกก็ไปทำสวนใช่ไหม ดนตรีอยู่ในหัวใจ ไปอยู่ที่ไหนก็เป็นดนตรีได้ แต่ความสุขที่แกทำทุกวันนี้ มันคือสุข สุขจริงๆ ผมก็ไม่กล้าบอกว่า งานแสดงอยู่ในหัวใจ แต่ผมพูดว่า มันคืออาชีพแรก และเป็นอาชีพเดียวที่รู้สึกว่า พอทำไปแล้ว เรารักมันโดยที่เราไม่รู้ตัว งานที่บ้านก็ต้องกลับมาดูแลด้วย ก็ทำในสิ่งที่เรามีความสุข ที่บ้านมีความสุข มันมีแต่ความสุข ผมว่าพอแล้ว แค่นี้เลย"

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ

อัลบั้มภาพ 13 ภาพ ของ "อาร์ตี้ ธนฉัตร" กลับบ้านทำปั๊มน้ำมัน นับหนึ่งใหม่ ไม่อายลูกน้องเก่งกว่า

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook