แก่แล้วต้องเก๋าด้วย! "น้าพวง เชิญยิ้ม" สูงวัยแบบมีคุณค่า ชราแบบมีคุณภาพ

น้าพวง เชิญยิ้ม เผยวิธีคิดและการครองตน แบบฉบับส่วนตัว ให้สูงวัยแบบมีคุณค่า มีงานไหลมาไม่เคยขาด สร้างห้องเช่า ขายก๋วยเตี๋ยวเป็ด สร้างรายได้ระยะยาว เข้าสู่วัยชราแบบมีคุณภาพ ลูกหลานมีงานทำไม่ต้องจากบ้านไปไหน

พวง แก้วประเสริฐ หรือ น้าพวง เชิญยิ้ม ศิลปินตลกชื่อดัง สมาชิกสามน้า "โย่ง, พวง, นงค์" ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว Sanook.com อัปเดตชีวิตในวัย 64 ปี มีงานในวงการบันเทิงหลากหลายต่อเนื่อง ทั้ง งานแสดงตลก จำอวด ละคร ภาพยนตร์ เชื่อว่ามาจากวิธีคิด และการครองตน แบบฉบับส่วนตัว

น้าพวง เป็นชาว จ.สุโขทัย โดยกำเนิด จบแค่ชั้น ป.4 ใช้วิชาลิเกที่มีติดตัวมาตั้งแต่เด็ก หาเลี้ยงตนเองและครอบครัว ก่อนน้าโย่ง เพื่อนที่ซี้กันมาตั้งแต่เป็นหนุ่มชักชวนมาเล่นตลก และมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางกับการแสดงจำอวดหน้าม่าน ร่วมกับ น้าโย่ง น้านงค์ บอกว่า เขาคิดว่า ศิลปิน ดารา จะยืนหยัดอยู่ในวงการได้อย่างยืนยาว สิ่งสำคัญมีหลายประการ แต่สำหรับเขาที่สำคัญที่สุด คือ ต้องรู้จักรักษาเวลา

"คุณจะดังแค่ไหน เวลาไม่ดี ต่อไปเขาก็ท้อ"

น้าพวง เชื่อว่า กองถ่ายที่มีการลงทุนหลักแสนหลักล้านต่อวัน ส่วนใหญ่ไม่อยากร่วมงานกับศิลปินที่ขาดความรับผิดชอบ ไม่ตรงต่อเวลา

"จากที่เขาอยากได้ไปร่วมงาน เขาก็ไม่อยากได้ เพราะมันทำให้เขาเสียหาย กองถ่ายกองใหญ่ๆ ทั้งกองต้องมารอคนๆ เดียว"

"น้าพวงอายุป่านนี้แล้ว เขานัด 9 โมง ก็ต้องไปก่อนเวลา ต้องรักษาผลงาน รักษาคุณภาพไว้ เรามีปมด้อยตรงแก่แล้ว ยิ่งผลงานไม่ดี ใครเขาจะเอา ความสามารถเรามีแค่ไหน เราต้องรักษาเข้าไว้"

ศิลปินตลกอาวุโส เชื่อด้วยว่า วิธีคิดและการครองตน แบบฉบับของเขา ทำให้ได้รับความเคารพนับถือจากลูกหลานดารา ในกองถ่ายละคร ภาพยนตร์ เป็นอย่างดี เมื่อว่างจากการถ่ายทำ มีลูกหลานดารา หมุนเวียนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ หัวเราะต่อกระซิก บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

"เด็กไหว้กันทั้งกอง เจอก็ไหว้กันพ่อสวัสดี เราก็ต้องดีกับเด็ก ทำให้เด็กมันนับถือ จะไปทำตัวเละเทะเกะกะไม่ได้ ต้องไปให้ทัน ให้ทันโลก เด็กมันเล่น TikTok กัน มันเล่นเฟซบุ๊ก เล่นโซเชียล เราต้องตามเด็กให้ทัน มึงเล่นกูก็เล่นกับมึง"

"ยุคนี้แล้ว เขาไปถึงนี่แล้ว เราก็ต้องไปให้ทันเขา ถึงจะอายุมากแค่ไหน เราไม่แก่แล้วแก่เลย แก่แล้วต้องเก๋าด้วย ต้องแก่แบบมีคุณภาพด้วย จะทำอะไรจะพูดอะไรนี่นะ ไปพูดไปปากพร่อยก็ไม่ได้นะ บางทีเด็กมันเอ้าทำไมมาอย่างนี้"

"ต้องไตร่ตรองนะ ต้องมีเหตุผลนะ มีอะไรที่เด็กไม่ได้ เราก็แนะนำไปเลย เด็กรุ่นหลังๆ ที่มันเป็นตลกเหมือนเรา บางทีมันก็ร้องเพลงฉ่อยอย่างเรา มันมีวิชาติดตัว มันตีระนาดได้ อะไรก็ได้ เราต้องสนับสนุนเด็กแล้ว"

"เราดีใจไปกับเด็ก เด็กมันมีของเว้ย มันก็เหมือนลูกเหมือนหลาน พวกเด็กๆ บางทีมันก็อยากจะมาขอคำแนะนำจากเราบ้างอะไรบ้าง เราก็บอก เรารู้แค่ไหนเราก็บอกแค่นั้นแหละ ไม่มีกั๊กหรอก เราจะอยู่ได้แค่ไหนก็ไม่รู้ไง ยังไงก็ต้องมีรุ่นหลังๆ มาต่อ"

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ น้าพวง เล่าด้วยว่า สมัยเป็นเด็ก ครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อแม่ทำนา แต่ไม่มีนาทำ ต้องเช่านาเขาทำ

การดำเนินชีวิตเป็นไปด้วยความยากลำบาก พ่อต้องจากลูกๆ เข้าเมืองมาทำงานหาเงินส่งกลับบ้าน

เมื่อลูกๆ เติบใหญ่ ต้องออกจากบ้าน ไปทำงานหาเลี้ยงตนเอง เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว

อีกทั้งบนเส้นทางศิลปิน เขากับน้าโย่ง และน้านงค์ ล้มลุกคลุกคลานกันมามาก กว่าจะเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง

เมื่อทำงานเงินเก็บเงินได้ จึงมีการวางแผนใช้เงินอย่างระมัดระวัง และนำไปลงทุนสร้างห้องเช่า และร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ด เป็นการนำเงินไปต่อยอดสร้างสร้างรายได้ระยะยาว เพื่อเข้าสู่วัยชราแบบมีคุณภาพ

รวมถึงเป็นการสร้างอาชีพ ให้กับลูกๆ และหลานๆ มีงานทำมีรายได้ โดยไม่ต้องจากบ้านไปต่อสู้ต่างถิ่น ครอบครัวอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาอย่างมีความสุข

"เราเห็นมาตลอดเลย บางคน ดาราดังๆ ตลกดังๆ พอป่วย พอตายแล้วแทบไม่มีอะไรเลย ไม่มีญาติพี่น้อง ไม่มีเงินดูแล ต้องมาขอบริจาคเรี่ยไร ไม่อยากเป็นอย่างนั้นไง พอเก็บเงินเก็บทองได้ ก็ทำห้องเช่าขึ้นมา มันก็ดีนะ มันเลี้ยงตัวมันได้ แล้วก็มีร้านก๋วยเตี๋ยว"

"ร้านก๋วยเตี๋ยวนี่น้านงค์ (นงค์ เชิญยิ้ม) เขาขายมาก่อน ก๋วยเตี๋ยวเป็ด เราไปกินของเขาแล้วอร่อย เราก็บอกเฮ้ยนงค์กูอยากขายว่ะ ก็เลยพาแฟนไปอยู่ร้านเขา 6-7 วัน ไปศึกษา แล้วก็มาเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดน้าพวง อยู่คลอง 6 ธัญบุรี"

"เราไม่อยากลำบากไง เพราะเราลำบากมาแล้ว พอมีเงินบ้าง จะมาสุรุ่ยสุร่ายไม่ได้ เราต้องหาวิธียังไงก็ได้ เพื่อต่อยอดสร้างรายได้ระยะยาว ให้มันมีรายได้เข้ามาเรื่อยๆ ลูกๆ หลานๆ มันจะได้มีงานทำกันอยู่ในนี้แหละ ก็ไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างใคร"