ใครๆ ก็บอกว่า นอกจากใน Marvel แล้ว Chris Hemsworth คือเจ้าพ่อหนังเจ๊ง โดย ตั๋วร้อนฯ

ใครๆ ก็บอกว่า นอกจากใน Marvel แล้ว Chris Hemsworth คือเจ้าพ่อหนังเจ๊ง โดย ตั๋วร้อนฯ

ใครๆ ก็บอกว่า นอกจากใน Marvel แล้ว Chris Hemsworth คือเจ้าพ่อหนังเจ๊ง โดย ตั๋วร้อนฯ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ผมคิดว่า เราคงสนุกกันมากเกินไปตอนที่ถ่ายทำหนัง เราใส่สิ่งต่างๆเข้าไปมากมายหวังให้มันสนุก แต่กลับกลายเป็นทำให้หนังมันงี่เง่าเกินไป ยากที่จะนำเสนอแก่นของเรื่องหรือแนวคิดที่แท้จริงของหนัง ผมสนุกกับการถ่ายทำนะ มันสนุกมาก แต่คุณไม่รู้หรอกว่า คนดูจะตอบสนองกับมันยังไง?”

Chris Hemsworth

ความในใจของ Chris Hemsworth นักแสดงชาวออสเตรเลีย ผู้แจ้งเกิดกับบทบาท Thor เทพสายฟ้าแห่งจักรวาล Marvel หนึ่งในทรีนิตี้ของทีม Avengers ผู้ผ่านพ้นวิกฤตจักรวาลอย่างการดีดนิ้วของ Thanos ที่ทำให้จักรวาลปั่นป่วนจนได้มีเรื่องราวของตัวเองต่อในภาคที่ 4 อย่าง Thor : Love and thunder แน่นอนว่าขนมาทั้งผู้กำกับจากภาค Ragnarok อย่าง Taika Waititi ให้กลับมากำกับภาคนี้ ร่วมกับนักแสดงดังๆมากมาย อาทิ Natalie Portman ในบท Jane Foster ที่คราวนี้เป็น Mighty Thor, Christian Bale เล่นเป็น Gorr the God Butcher ผู้สังหารเทพเจ้า , Russell Crowe ในบทบาทเทพ Zeus รวมไปจนถึงทีม Guardian of Galaxy ที่ตามมามีบทบาทในภาคนี้ด้วยเช่นกัน ร่ายจากชื่อทีมนักแสดงแล้ว รายชื่อแรกๆมีแต่ระดับล่ารางวัลมีออสการ์ติดมือติดไม้กันหมด คนดูย่อมคาดหวังคุณภาพคับจอ

แน่นอนว่าหนังทำเงินไปเป็นอันดับสองของแฟรนไชส์นี้ที่ 760.9 ล้านดอลลาร์ จากการฉายทั่วโลก กระนั้นเองหนังกลับได้รับเสียงตอบรับย่ำแย่เกินเยียวยาจากแฟนๆว่ามันไม่สนุกเท่าภาคที่แล้ว แม้ไม่ถึงขั้นห่วยแตกแบบ Thor 2 ก็ตาม ถ้าเทียบกับความสนุกในภาค Ragnarok แล้วนี่มันคนละเรื่องกันเลยทีเดียว นี่ยังไม่รวมกราฟฟิค CGI ที่ทำออกมาลวกๆสุกเอาเผากิน(เมื่อเทียบกับความเป็นหนังทุนยักษ์) นั่นทำให้หลายๆคนออกอาการผิดหวัง แม้กระทั่งเพื่อนลูกชายของ Chris Hemsworth ยังบ่นอุบว่าหนังภาคนี้ห่วยเป็นอย่างยิ่ง นั่นยิ่งทำให้เขารับรู้ถึงกระแสตอบรับภาคนี้ จนต้องออกมายอมรับเองว่าตนเองก็ใช่ว่าจะปลื้มกับหนังภาคนี้เช่นกัน

ซึ่งน่าสนใจดีว่า ในชีวิตการแสดงของชายหนุ่มร่างบึ้กคนนี้ นอกจากแฟรนไชส์ของ MCU แล้วแทบไม่มีเรื่องไหนที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จจนยืนได้ด้วยตัวเองเลย ต่างจากบรรดาทีม Avengers ที่ทุกคนล้วนมีแฟรนไชส์นอกร่มเงาของ MCU ที่ประสบความสำเร็จทั้งสิ้น



หากย้อนในช่วงที่เขาเริ่มเป็นที่รู้จักจากแฟนๆหนัง เขารับบทเป็น George Kirk พ่อของกัปตัน Kirk ในหนัง Star trek (2011) ซึ่งการแสดงเพียงไม่กี่นาทีของเขาจับใจผู้ชมอย่างมาก และทำให้เขาได้รับการจับตามองเป็นที่สุด และเริ่มได้โอกาสเล่นหนังหลายเรื่อง ณ เวลานั้น อาทิ The Cabin in the Woods , Red dawn หรือ Perfect gataway ซึ่งล้วนแล้วเป็นหนังทุนน้อย ทั้งนั้น แถมทั้ง The Cabin in the Woods หรือ Red dawn ก็ถูกดองเอาไว้ในโหลเพราะหาคนจัดจำหน่ายไม่ได้หลายปีอีกต่างหาก

จนกระทั่งเจ้าตัวได้รับบทเป็น Thor เทพเจ้าสายฟ้า แห่งจักรวาล Marvel ในปี 2011 และต่อเนื่องด้วย The Avenger ในปี 2012 ที่ทำให้ทำรายได้ถล่มทลายถึง 1519 ล้านดอลลาร์ พร้อมคำวิจารณ์ที่ดีจนดาราร่างบึ้กออร่าเริ่มจับ นั่นกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของเขาต่อวงการหนัง รวมไปจนถึงเส้นทางการปรากฏตัวในหนังซุปเปอร์ฮีโร่ Marvel ที่จะเริ่มขยายจักรวาลต่อๆไปไม่สิ้นสุด

อานิสงส์ความดังนี้ทำให้ตัวของ Chris Hemsworth กลายเป็นดาราดังที่มีหนังออกมาให้เห็นมากมาย แม้แต่หนังที่ดองเอาไว้ในโหลอย่าง The Cabin in the Woods กับ Red dawn ก็ได้ถูกขุดจากกรุเอากลับมาฉายเกาะกระแสความดังของเขาเช่นกัน



ซึ่งแน่นอนว่าความดังนี้ ตัวเขาเองรู้ดีว่าจะอยู่กับหนังเรื่องเดียวหรือแฟรนไชส์นี้ตลอดไปไม่ได้ เพราะเห็นตัวอย่างของนักแสดงหลายคนที่ยึดติดกับบทฮีโร่บทเดียวจนไม่สามารถปรับโหมดไปรับบทอื่นได้อีก อย่าง Christopher Reeve ที่ไม่อาจจะสลัดคราบของ Superman กางเกงในแดงได้ตลอดกาล

ภาพยนตร์แฟรนไชส์นอกเหนือจาก Marvel ที่เขาเลือกเล่นคือ Snow White and the Huntsman (2012) ที่ทำเงินไปได้อย่างน่าพอใจจนทำให้มีภาคสองตามมาในปี 2016 คือ The Huntsman: Winter's War แต่หนังภาคนี้กลับได้เสียงชื่นชมน้อยกว่าเดิม แถมยังทำเงินไปได้แค่ 115 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้าง 165 ล้านดอลลาร์เท่านั้นเอง ปิดประตูภาคสามไปแบบไม่ต้องสืบใดๆทั้งที่มีแพลนไว้ล่วงหน้าแล้วว่านี่คือหนังแฟรนไชส์ไตรภาค

กระนั้น Chris Hemsworth ของเราก็ยังไม่ยอมแพ้ต่อเส้นทางดาราระดับ A เขาโดดไปแสดงในหนังแอ็คชั่นดราม่าชั้นดีเกี่ยวกับวงการแข่งรถอย่าง Rush (2013) ที่เขารับบท James Hunt นักแข่งในตำนานจนได้รับเสียงชื่นชมชั้นยอดพร้อมกับทำเงินไปได้ถึง 93 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่เขาจะกลับไปเล่นภาคต่อของ Thor 2 : The Dark world จนทำเงินมโหฬารไปได้อีกครั้ง รวมทั้ง Avengers: Age of Ultron (2014) ที่ทำเงินไปได้หลักพันล้าน

เหมือนจะดีแต่ก็ไม่ เพราะในปีที่เหมือนจะมีหนังทำเงินของเขาติดๆกันรัวๆและเขากำลังมองหาผู้กำกับมือฉมังที่จะมาช่วยดันให้เขาไต่ขึ้นแถวหน้าดาราชายแห่งยุคนั้น หนังแอ็คชั่นทริลเลอร์ Blackhat ของผู้กำกับที่ทำหนังเชื่อมือได้มาโดยตลอดอย่าง Michael Mann กลายเป็นงานล้มเหลวทั้งรายได้และคำวิจารณ์ เพราะทำเงินไปแค่ 19.7 ล้านดอลลาร์ จากทุน 70 ล้านดอลลาร์ ต่อด้วยหนังล่าปลาวาฬต้นแบบของ Moby-Dick อย่าง In the Heart of the Sea ในปี 2015 เองก็คว่ำสนิทไม่ต่างกัน (ทำเงินไปแค่ 93.9 ล้านเท่านั้นจากทุน 100 ล้าน)



จะมีแค่หนังตลกอย่าง Vacation ที่เงินไปได้ 100 ล้านจากทุนอันน้อยนิดที่พอให้ Chris Hemsworth หายใจหายคอได้ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าประทับใจของเขาอยู่ดี เพราะหนังไม่ได้ขายชื่อเขาในบทนำ และถ้าปี 2015 คือปีแย่ๆ ของเขาแล้ว อย่าเพิ่งนิ่งนอนใจ เพราะปี 2016 นั้นแย่กว่ามากๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นภาคต่อ The Huntsman: Winter's War ที่เจ๊งยับเยิน หรือภาค Reboot ของบริษัทกำจัดผีอย่าง Ghostbuster ที่เปลี่ยนมาเป็นตัวละครสาวๆ และตัวเขาต้องมารับบทเลขาของหน่วย ก็พังไม่เป็นท่าทั้งรายได้และคำวิจารณ์ เรียกได้ว่าเทพสายฟ้าของเราจะไปเล่นเรื่องไหนก็ไม่เกิดแทบทั้งนั้น ยกเว้น Thor ก็แน่นอนล่ะว่าภาค Ragnarok อันเป็นภาคสามของหนังชุดนี้ทำเงินไปถึง 855 ล้านดอลลาร์พร้อมกับคำวิจารณ์ที่ดีที่สุดในบรรดาสามภาคที่สร้างมา

ดูเหมือนว่าจะมีแค่แฟรนไชส์ Thor เท่านั้นที่ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลย ตอกย้ำด้วยความสำเร็จใน Avengers: Infinity War ในปี 2018 ก็ทำเงินเป็นพันล้านอีกครั้ง ต่อมาเขาก็มาโผล่ในหนังแอ็คชั่นสงครามคำวิจารณ์ดีอย่าง 12 Strong นั่นก็ทำรายได้ไปหอมปากหอมคอไม่มากไม่มายอะไร แต่ที่กลับมาย่ำแย่คือ หนังใหม่ของเขากับผู้กำกับ Drew Goddard ที่เคยร่วมงานกันใน The Cabin in the wood เรื่อง Bad Times at the El Royale ก็คว่ำแบบแทบจะถูกลืมว่าเคยมีหนังเรื่องนี้บนโลก แถมโดนด่ายับเยินอีกต่างหาก

เส้นทางของ Chris Hemsworth ตอนนี้เรียกได้ว่า พยายามแล้วพยายามเล่าที่จะพิสูจน์ตัวเองในแฟรนไชส์อื่นๆบ้าง แม้ว่า Avengers : End game จะกลายเป็นปรากฏการณ์สูงสุดของโลก และทำเงินได้อันดับหนึ่งของหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลไปชั่วขณะหนึ่ง แต่มันก็คือหนังรวมดาราและมีฐานที่แข็งแกร่งมาแล้ว ซึ่งพอเขาแยกมาเดี่ยวๆในแฟรนไชส์ที่คิดว่าขายชัวร์ๆ ก็ยังแป้กอีก ปีนั้นเขามีหนังแฟรนไชส์ภาคต่อ Men in Black: International ที่ทำเงินไม่น่าประทับใจเอาซะเลย (ทำให้ภาคต่อไม่น่าจะมีอีกแล้ว)



จะมีแค่หนังแอ็คชั่นสุดมันอย่าง Extraction ที่แม้จะเป็นงานสตรีมมิ่งของ Netflix แต่ด้วยความสนุกและเนื้อหาที่มันสะใจ ทำให้มีภาคต่อตามมาในปีนี้ และกำลังฉายให้ชมกันขณะนี้ ที่พอจะพูดได้ว่าเป็นแฟรนไชส์ฮิตของ Chris Hemsworth ได้เต็มปากต่อจาก Thor ดังนั้นหากเราจะพูดกันว่า Chris Hemsworth คือเจ้าพ่อหนังเจ๊งไหมก็พูดลำบาก เนื่องจากว่าหนังหลายๆเรื่องที่เขานำแสดงแล้วเจ๊ง มันก็ไม่ใช่หนังที่ย่ำแย่อะไรมากนัก บางเรื่องก็ผิดจังหวะผิดเวลาซะจนเหมือนฟ้าแกล้ง อย่าง Rush หรือ In the Heart of the Sea ที่เป็นงานของผู้กำกับชั้นเยี่ยม Ron Howard ก็เหมือนจะเป็นหนังดีที่อาจมาผิดเวลา และสมควรทำเงินได้มากกว่านี้

แต่ถ้าพูดถึงความมุ่งมั่นตั้งใจของ Chris Hemsworth แล้วล่ะก็ เขายังคงเต็มร้อยเสมอ แม้ว่าอาจจะต้องพักงานเนื่องจากตรวจพบความเสี่ยงเป็นโรคอัลไซเมอร์มากกว่าคนปกติก็ตาม กระนั้นเองเขาก็ยังพยายามอย่างเต็มที่กับการเล่นทั้งหนังใหญ่ และหนังเล็ก เผื่อว่าสักวันจะเจอบทที่ใช่แล้วได้รางวัลสายดราม่าติดมือกับเขาบ้าง แบบเดียวกับตัวละคร Thor เทพเจ้าสายฟ้าของเขาที่แม้จะถูกทุบถูกกระทืบล้มลงกี่ครั้งก็ลุกขึ้นจากความพ่ายแพ้แล้วผงาดขึ้นมาได้ นั่นแหละที่ทำให้เราหลายคนหลงรักชายที่ติดยาหม่องของไทยแบบหมดใจคนนี้เสมอ แม้ว่าล่าสุดเขาจะออกมาตำหนิหนังดังที่ตัวเองเล่นโดยไม่กลัวทีมงานหรือผู้กำกับงอนก็ตาม นับว่าเป็นสิ่งที่กล้าหาญใช้ได้ที่เขายอมรับตรงๆว่าหนังไม่ค่อยโอเคเท่าที่ควร

อนึ่ง ผู้กำกับ Taika Waititi นั้นไม่ทราบว่ามีการเพิ่มคำว่า "Thor will return" ในตอนท้ายของหนัง Thor 4 เขาคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ Chris Hemsworth เองก็เช่นกัน เพราะคิดว่าปิดตัวละครไปในภาคนี้แล้ว ซึ่งพอเป็นแบบนี้พวกเขาก็พร้อมจะกลับมาร่วมกันสร้าง Thor อีกเรื่อง โดยระบุว่าเรื่องราวจะต้องมีบางอย่างที่น่าแปลกใจและคาดไม่ถึง โดยมีแนวทางวางไว้ว่ามันจะแตกต่างจากหนังฮีโร่ทุกๆเรื่อง มันจะเป็นหนังแนว Road Trip (หนังแนวเดินทาง) ทุนต่ำที่ไม่มีฉากต่อสู้ โทนจะคล้ายๆกับเรื่อง Nebraska (2013) โดย Chris Hemsworth บอกว่าถ้าหนังภาคสุดท้ายเกิดขึ้นจริง มันจะเป็นการปิดตัวละคร Thor ของเขาอย่างงดงามแน่นอน

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ

อัลบั้มภาพ 7 ภาพ ของ ใครๆ ก็บอกว่า นอกจากใน Marvel แล้ว Chris Hemsworth คือเจ้าพ่อหนังเจ๊ง โดย ตั๋วร้อนฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook