ประวัติ ทาเคชิ คาเนชิโร่ หนุ่มหล่อจัดยุค 2000 ที่ชีวิตลำบากเพราะ "หล่อเกินไป"

หากยังจำกันได้ ทาเคชิ คาเนชิโร่ เป็นพระเอกที่เป็นความภาคภูมิใจของคนเอเชียเลยทีเดียว แต่ความหล่อเพอร์เฟกต์สุดๆ ของเขาไม่ได้ทำให้เขามีความสุขมากเหมือนที่ทุกคนคิดกัน

---

 

ประวัติ ทาเคชิ คาเนชิโร่

• ชื่อ: ทาเคชิ คาเนชิโร่ (Takeshi Kaneshiro) (金城武)
• วันเกิด: 11 ตุลาคม 1973
• บ้านเกิด: ไทเป ไต้หวัน
• สัญชาติ: ญี่ปุ่น
• ส่วนสูง: 178 เซนติเมตร

---

ทาเคชิ คาเนชิโร่ กับความหล่อที่ได้มาจากพ่อแม่

ทาเคชิ คาเนชิโร่ เกิดและเติบโตที่เมืองไทเป ไต้หวัน คุณแม่เป็นคนไต้หวัน และคุณพ่อเป็นคนญี่ปุ่นที่มาจากเมืองโอกินาว่า แต่แม้ว่าจะเกิดและเติบโตที่ไทเป แต่เขาถือสัญชาติญี่ปุ่น

เมื่อถูกชมเรื่องหน้าตาบ่อยๆ ทาเคชิ คาเนชิโร่ เคยให้สัมภาษณ์เพื่อตอบคำถามเรื่องหน้าตาของเขาว่า พ่อของเขาหล่อ และแม่ของเขาก็สวย เขาคิดว่าเขาหน้าตาคล้ายแม่ และเขาขอบคุณที่พ่อแม่ของเขามอบหน้าตานี้ให้กับเขา แต่เขาก็บอกว่า ทุกๆ คน ไม่ว่าจะผู้ชายหรือผู้หญิงล้วนแล้วแต่มีความพิเศษ บุคลิกที่ไม่เหมือนใคร

เมื่อเขาถูกถามถึงเชื้อชาติ ความเป็นลูกครึ่งของเขาส่งผลต่อหน้าตาของเขา แล้วตัวเขาเองคิดว่าเชื้อชาติไหนดูดีที่สุด เขาตอบว่าเราทุกคนมีความเซ็กซี่ในแบบของตัวเอง จึงเป็นเรื่องยากที่จะตอบว่าสัญชาติหรือเชื้อชาติไหนดีกว่ากัน บางคนอาจชอบหน้าตาแบบคนญี่ปุ่น บางคนอาจชอบแบบเกาหลี หรือจีน ดังนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละคนมากกว่าว่าจะเหมาะกับลุคแบบไหน แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกๆ คนล้วนมีหน้าตาที่ดีในแบบของตัวเองกันอยู่แล้ว

ใช้ความหล่อและความเก่งจนโกอินเตอร์

ทาเคชิ คาเนชิโร่ พูดได้หลายภาษาโดยมีภาษาจีนกลางเป็นภาษาแม่ที่เขาใช้พูดในระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในไต้หวัน แต่เขาก็สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างคล่องแคล่วจากการที่เขาพูดภาษาญี่ปุ่นกับพ่อ รวมถึงได้ภาษาจีนกวางตุ้ง จีนฮกเกี้ยน และภาษาอังกฤษ จากการเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนอินเตอร์ในไทเป ก่อนจะตัดสินใจออกจากโรงเรียนเพื่อมุ่งหน้าสู่อาชีพนักร้องและนักแสดงอย่างเต็มตัว

เดบิวต์งานบันเทิงด้วยการเป็นนักร้อง

ก่อนจะได้เป็นนักแสดง ทาเคชิ คาเนชิโร่ เดินทางมาเดบิวต์เป็นนักร้องในปี 1992 ด้วยวัย 18 ปีในชื่อ Aniki ที่แปลว่า “พี่ชายคนโต” ในภาษาญี่ปุ่น มีผลงานเพลงอีกมากมายถึง 9 อัลบั้ม โดยเขาร้องได้ทั้งเพลงภาษาจีนกลาง และจีนกวางตุ้ง และมีอาชีพเป็นนักร้องอย่างจริงจังควบคู่ไปกับงานแสดงตั้งแต่ปี 1992-1998 ก่อนที่เขาจะหยุดทำเพลงไปแล้วมุ่งหน้าสู่เส้นทางการเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว โดยเขาเคยคอมเมนต์ว่า เขาไม่คิดว่าตัวเองเป็นนักร้องที่เสียงดีขนาดนั้น

ลุยงานแสดงเต็มตัว

ทาเคชิ คาเนชิโร่ ลุยงานแสดงตั้งแต่ช่วงที่เขายังเป็นนักร้องอยู่ ทั้งงานแสดงในญี่ปุ่นอย่างซีรีส์ God, Please Give Me More Time (1998) แสดงคู่กับ เคียวโกะ ฟุคาดะ, Love 2000 (2000), Golden Bowl (2002), K-20: The Fiend with Twenty Faces (2008) ไปจนถึงงานฝั่งฮ่องกงอย่าง Executioners (1993), Chungking Express (1994), Fallen Angels (1995), Lost and Found (1996), Sleepless Town (1998), Turn Left, Turn Right (2003), House of Flying Daggers (2004), Perhaps Love (2005), Confession of Pain (2006), The Warlords (2007), Red Cliff (2008), The Crossing (I) (2014), See You Tomorrow (2016) และอีกมากมาย

ทาเคชิ คาเนชิโร่ เคยได้รับรางวัลการันตีฝีมือทางการแสดงเช่นกัน ทั้งรางวัล Best Actor จากเรื่อง God, Please Give Me More Time จากเวที The Television Drama Academy Award ครั้งที่ 18, รางวัล Best Original Film Song จากเจ้าของเพลงประกอบเรื่อง Perhaps Love จากเวที Golden Horse Awards ครั้งที่ 43 และรางวัล Best Actor จากเรื่อง This Is Not What I Expected จากเวที Golden Screen Awards ครั้งที่ 2

โด่งดังจนมีต้นไม้ในชื่อของตัวเอง

 

ในปี 2013 ที่ ทาเคชิ คาเนชิโร่ ได้โฆษณาให้กับสายการบิน EVA AIR ต้นไม้ที่เขาได้ไปถ่ายโฆษณาให้กลายเป็นแลนด์มาร์คที่โด่งดัง มีแฟนๆ ตามไปถ่ายรูปและกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของไต้หวันจนถึงปัจจุบัน และต้นไม่ต้นนั้นได้ชื่อว่า “ต้น ทาเคชิ คาเนชิโร่” อีกด้วย

ต้นทาเคชิ คาเนชิโร่ มีความสำคัญต่อการท่องเที่ยวของไต้หวันมาก หลังจากที่โดนพายุไต้ฝุ่นถล่มจนต้นไม่โค่นลงมาแล้วเรียบร้อย ทางการไต้หวันตัดสินใจปลูกและบูรณะขึ้นมาใหม่จนต้นไม้ค่อยๆ กลับมาสวยงามเหมือนเดิม และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหล่าหนุ่มสาวมาถ่ายรูปสวยๆ กันเหมือนเดิม

ผมไม่ได้เป็น “ชายในฝัน”

แม้ว่า ทาเคชิ คาเนชิโร่ จะเป็นที่จดจำและเตะตาต้องใจคนทั่วโลกด้วยหน้าตาและนิสัยที่สุภาพนุ่มนวลและติดดินจนได้ฉายาว่าเป็นชายในฝันของสาวๆ แต่ตัวเขาเองเคยให้สัมภาษณ์กับ CommonWealth Magazine ว่า “เวลามีคนพูดว่า ‘คุณเป็นชายในฝัน’ ผมคิดว่ามีอะไรที่เข้าใจผิดกันแล้วล่ะ ผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรพิเศษกับเรื่องนี้หรอก แต่ผมแค่คิดว่าผมไม่คู่ควรกับฉายานี้”

“ความหล่อทำให้ผมลำบาก”

ทาเคชิ คาเนชิโร่ ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกว่าหน้าตาดีสุดๆ ของเขาให้แต่เรื่องดีๆ กับชีวิต แต่กลับคิดว่าทำให้เขาลำบากกว่าเดิม เขาเคยให้สัมภาษณ์กับ South China Morning Post ว่า

“จนถึงตอนนี้ สื่อมักทำข่าวที่พูดถึงหน้าตาของผมเป็นสำคัญ ผมขอบคุณที่ชื่นชมและชอบหน้าตาของผมนะครับ แต่ในฐานะที่เป็นนักแสดง หน้าตาสามารถปรับเปลี่ยนไปได้เรื่อยๆ ตามตัวละครที่เล่น บางครั้งผมรู้สึกเหมือนผมถูกมองข้ามความสามารถที่ผมทุ่มเทอย่างหนักในการแสดงบทบาทตัวละครที่ผมตั้งใจเต็มที่ไป และเรื่องนี้เป็นอุปสรรคในการทำอาชีพนักแสดงของผมอยู่เหมือนกัน”

คนหล่อขออยู่เงียบๆ

แม้ว่าตลอดระยะเวลาในการทำงานในวงการบันเทิงของเขาจะถูกเรียกด้วยฉายาอย่าง “หนุ่มหล่อ “หนุ่มในฝัน” แต่ทาเคชิ คาเนชิโร่ไม่ได้ใช้หน้าตาทำงานมากอย่างที่หลายๆ คนคิด เรียกได้ว่าเป็นคนหล่อที่ขออยู่ใต้สปอตไลต์ ไม่ออกสื่อไม่ออกสังคมมากนัก และไม่ใช้ social media ทาเคชิ คาเนชิโร่ถึงกับเคยให้สัมภาษณ์ใน CommonWealth Magazine ว่า

“ทุกคนถามผมว่า ‘ทำไมคุณทำตัวลึกลับจัง’ ผมตอบไปว่า ไม่ใช่ว่าพวกคุณอยากรู้มากเกินไปเหรอ คุณขี้สงสัยเกินไปหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าผมทำตัวลึกลับเกินไปหรอก แน่นอนว่าผมอาจจะมีนิสัยชอบอยู่เงียบๆ แต่เป็นเพราะคนอื่นๆ ชอบอยู่ในแสงสว่าง ไม่ใช่เพราะผมชอบทำตัวสันโดษเกินไป”ก่อนที่เขาจะหัวเราะอย่างอารมณ์ดี

นอกจากนี้เขายังเคยให้สัมภาษณ์กับ in TOUCH magazine อีกด้วยว่า

“ถ้าวันหนึ่งผมแต่งงานมีลูก ผมอาจจะเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ใส่ใจดูแลครอบครัวมากๆ ผมจะกลับไปกินข้าวที่บ้านทุกวัน ช่วยทำงานบ้าน และช่วยเลี้ยงลูกอยู่บ้านด้วย”

---

รวมผลงานของ ทาเคชิ คาเนชิโร่

ซีรีส์

• Golden Bowl 2002)
• Love 2000 (2000)
• God, Please Give Me More Time (1998)

ภาพยนตร์

• The Crossing (2014)
• Wu Xia (2011)
• Waiting (2009
• Red Cliff 2 (2009)
• K-20: Legend of the Mask (2008)
• Red Cliff (2008
• Sweet Rain (2008)
• The Warlords (2007)
• Confession of Pain (2006)
• Perhaps Love (2005)
• House of Flying Daggers (2004)
• Onimusha 3: Demon Siege (2004) (พากย์เสียง)
• Turn Left, Turn Right (2003)
• Returner (2002)
• Onimusha: Warlords (2001) (พากย์เสียง)
• Space Travelers (2000)
• Lavender (2000)
• Tempting Heart (1999)
• Sleepless Town (1998)
• Anna Magdalena (1998)
• Too Tired to Die (1998)
• Hero | Ma Wing Ching (1997)
• First Love: The Litter on the Breeze (1997)
• Downtown Torpedoes (1997)
• The Odd One Dies (1997)
• Misty (1996)
• Lost and Found (1996)
• Dr. Wai in 'The Scripture with No Words' Mo him wong (1996)
• Forever Friends (1996)
• Feeling of Love (1996)
• Fallen Angels (1995)
• Burger Cop (1995)
• Young Policemen in Love (1995)
• Shaolin Poppy (1995)
• Trouble Maker (1995)
• School Days (1995)
• Chungking Express (1994)
• Mermaid Got Married (1994)
• The Wrath of Silence (1994)
• No Sir (1994)
• Executioners (1993)