รีวิว Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One ฉากบู๊บนรถไฟเดือดจนลืมหายใจ
รีวิว Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One อีกหนึ่งภารกิจที่ยากเวอร์ๆ แต่เราก็ชอบในความยากและน่าหวาดเสียวลุ้นจนตัวโก่งจนหายง่วงเป็นปลิดทิ้ง
เรื่องย่อ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง)
อีธาน ฮันท์ และทีมของเขา ต้องออกไปเผชิญหน้ากับภารกิจที่อันตรายกว่าที่เคยผ่านมา โดยพวกเขาและเธอต้องติดตามอาวุธชิ้นใหม่ที่จะกลายมาเป็นอันตรายกับมนุษยชาติ และด้วยชะตาของโลกที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย อีธาน และทีมของเขาจะต้องออกเดินทางไปทั่วโลก และในระหว่างภารกิจ อีธาน ก็จะได้เรียนรู้ว่าไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าภารกิจของเขา แม้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะเป็นชีวิตของคนที่เขารักก็ตาม
รายชื่อนักแสดง Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง)
- ทอม ครูซ
- วิง เรมส์
- ไซม่อน เพ็กก์
- รีเบ็กกา เฟอร์กูสัน
- วาเนสซา เคอร์บี้
- เฮลีย์ แอ็ทเวลล์
- เชีย วิกแฮม
- พอม เคลเมนทีฟ
- อีไซ โมราเลส
- เฮนรี่ เซมี
- ร็อบ เดลานี
- แครี่ เอลเวส
- อินทิรา วาร์มา
- มาร์ค แกทิส
- ชาร์ล พาร์เนลล์
- เกร็ก ทาร์ซาน เดวิส
- เฟรเดอริค ชมิดท์
ความน่าสนใจของ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง)
หากใครเป็นแฟนตัวยงของภาพยนตร์แฟรนไชส์ Mission: Impossible น่าจะทราบกันดีว่าแทบจะไม่มีภาคไหนเลยที่จะไม่สนุก เนื้อเรื่องแนวสายลับปฎิบัติภารกิจยากๆ แต่ตัวเอกก็เก่งและผ่านมาได้อย่างหล่อๆ เป็นเนื้อเรื่องที่คลาสสิกสุดๆ แม้ว่าคนดูจะเดาได้ แต่รายละเอียดว่าเป็นภารกิจอะไร ใช้วิธีไหนในการทำภารกิจให้สำเร็จ ต่อสู้กับอุปสรรคอย่างไร และผ่านภารกิจมาได้ในรูปแบบใดเป็นเนื้อเรื่องที่แต่ละภาคมีเสน่ห์ที่แตกต่างกัน
เช่นเดียวกับ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง) ที่เล่าถึงเรื่องราวที่อัปเดตในปี 2023 สุดๆ กับการอาชญากรในคราบ AI มนุษย์กำลังต่อสู้กับ AI ที่สามารถคิดเอง ตัดสินใจและลงมือทำด้วยตัวเองผ่านเครือข่ายดิจิตอลทั่วโลก สามารถฆ่าคนได้อย่างไม่มีทางสู้ แต่กระนั้นยังมีกุญแจที่แยกออกเป็นสองชิ้นที่สามารถปลดล็อกกานทำงานของ AI ที่มนุษย์สามารถเข้ายึดครองควบคุมได้ ดังนั้นเมื่อไรก็ตามที่มีผู้ครอบครองกุญแจที่ประกอบเป็นสองชิ้นได้อย่างสมบูรณ์ บุคคลนั้นคือผู้ที่ครองโลก
ภารกิจของอีธาน ฮันท์ ในภาคนี้ คือการตามหาชิ้นส่วนทั้งสองชิ้นของกุญแจนี้ให้กับรัฐบาลอเมริกันผ่านโปรเจกต์ลับ IMF (Impossible mission force) โดยที่ทางรัฐบาลจะไม่รับผิดชอบใดๆ หากเกิดการสูญเสียชีวิตของลูกทีม และภารกิจถือเป็นความลับสูงสุด
ในส่วนของเนื้อเรื่องถือว่าวางพล็อตมาได้เรียบง่ายแต่น่าสนใจ และทันยุคทันสมัย แม้จะรู้สึกแปลกๆ ที่ AI โดนยึดควบคุมได้จากกุญแจที่ดูจะอนาล็อกสุดๆ แต่ก็เป็นพล็อตที่เข้าใจได้และที่สำคัญคือเหตุการณ์ระหว่างปฏิบัติภารกิจต่างหากที่เป็นเส้นเรื่องหลักของเรื่อง
ทอม ครูซ ในบท อีธาน ฮันท์ แม้ว่าอายุอานามจะไม่น้อยแล้ว แต่ฉากแอ็กชั่น ฉากต่อสู้ต่างๆ ยังคงทะมัดทะแมงและนับถือในสปิริตนักแสดงของเขาอย่างเต็มเปี่ยมที่ยังคงเล่นด้วยตัวเองในหลายๆ ฉากสำคัญ ฉากที่ให้เห็นตอนวิ่งยาวๆ นานๆ ถือว่ามีอยู่หลายครั้ง ถือเป็นผลงานชิ้นโบแดงอีกชิ้นของทอม ครูซ ในวัย 61 ปีที่ยังคงอยู่ในช่วงจุดสูงสุดของชีวิตหลังพา Top Gun: Maverick กวาดรายได้และคำวิจารณ์ทั่วโลกอย่างถล่มทลายไปเมื่อปี 2022 ที่ผ่านมา เรียกได้ว่าแฟนทอม ครูซ ดูเรื่องนี้ต่อจากเรื่องที่แล้วก็ยังไม่ผิดหวังกับไลน์แอ็กชั่นของพี่เขาอยู่ดี
พูดถึงฉากแอ็กชั่น ยังคงหน้าตื่นตาตื่นใจและถ่ายทำได้สมจริงจนเหมือนเราอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทั้งตอนที่ขับรถอย่างน่าหวาดเสียวกลางกรุงโรมที่เป็นฉากที่ยาวนานจนหายใจไม่ทั่วท้อง หรือจะเป็นฉากไฮไลต์ของเรื่องอย่างฉากต่อสู้บนรถไฟที่ตื่นตาตื่นใจตั้งแต่ฉากที่ อีธาน ฮันท์ ขี่มอเตอร์ไซค์กระโดดลงมาจากหน้าผาสูงหลายร้อยเมตรเพื่อกางร่มชูชีพแล้วแลนด์ดิ้งเข้าขบวนรถไฟ เป็นฉากที่น่าตื่นตาตื่นใจและเป็นหนึ่งในจุดขายของเรื่องนี้ และฉากที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือการเอาตัวรอดจากรถไฟที่กำลังจะร่วงจากสะพาน ตู้รถไฟร่วงลงสู่ทะเลด้านล่างทีละตู้ๆ ก็ต้องตะเกียกตะกายหนีไปทีละตู้ ช็อตนี้คือลุ้นจนเกร็งไปหมดจริงๆ สมใจคนชอบฉากแอ็กชั่นแน่ๆ
จุดที่น่าสังเกตของ Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง)
ก็ต้องยอมรับว่ามันอาจจะเป็นข้อเสียของหนังแฟรนไชส์ที่โครงเรื่องและเนื้อเรื่องจริงๆ ไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อนมากนักเพราะเน้นขายไลน์แอ็กชั่น ฉากเน้นอารมณ์เศร้าซึ้งเลยทำได้ไม่เต็มที่ ไปได้ไม่สุด ไม่สามารถเรียกน้ำตาได้หรืออะไรใดๆ นอกจากนี้อย่างที่กล่าวไปตอนต้นว่าไอเดียของหนังที่ตัวร้ายของเรื่องเป็น AI ที่มนุษย์ยากที่จะต่อกรด้วยสุดๆ แต่กลับมีจุดอ่อนใหญ่มากที่กุญแจเพียงดอกเดียวสามารถปลดล็อกการควบคุมทั้งหมดได้ ก็ดูจะน่าเหลือเชื่อไปสักหน่อย
รวมถึงการปูเรื่องในบางช่วงที่อาจจะแอบน่าเบื่อและลากยาวเกินไปจนทำให้แอบเบื่อไปบ้าง แต่เมื่อฉากแอ็กชั่นกลับมาก็ทำให้ตาตื่นได้และดูจนจบได้ด้วยหัวใจเต้นแรงเหมือนเดิม
Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง) เหมาะกับใคร
ถ้าคุณเป็นแฟนหนังแอ็กชั่น เป็นแฟนหนัง Mission: Impossible ที่แค่ได้ยินเสียงอินโทรเพลงประกอบหนังก็ตื่นเต้น หรืออาจจะเป็นแฟนหนังของ ทอม ครูซ คิดว่ายังไงเรื่องนี้ก็ห้ามพลาด แถมเนื้อเรื่องยังมียาวต่ออีกภาค เชื่อว่าภาคต่อไปก็น่าจะเข้มข้นไม่แพ้กัน หรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง) สนุกไหม
จากมุมมองของคนที่เคยดู Mission: Impossible มาทุกภาค ภาคนี้ไม่ขี้เหร่ ถือส่าสนุกดูได้เพลินๆ อาจจะไม่ถึงขั้นว่าเป็นภาคที่ดีที่สุด แต่ก็สนุกและน่าติดตามจนจบ ไม่เสียดายเวลาและไม่เสียชื่อความเป็น Mission: Impossible แน่นอน เราให้คะแนนโดยรวมอยู่ที่ 8/10 ถ้าไม่ติดที่ฉากพูดคุยบางฉากแอบง่วงไปหน่อย หรือโครงเรื่องอาจจะอ่อนไปนิด นอกนั้นถือว่าดีงามดูสนุก ฉากแอ็กชั่นจัดเต็ม และทอม ครูซ ยังคงรักษามาตรฐานเจ้าพ่อหนังแอ็กชั่นหน้าหล่อได้เหมือนเดิม
รับชม Mission: Impossible - Dead Reckoning Part One (มิชชั่น อิมพอสซิเบิ้ล ล่าพิกัดมรณะ ตอนที่หนึ่ง) ได้แล้ววันนี้ ทุกโรงภาพยนตร์
อัลบั้มภาพ 26 ภาพ