"ทิดสมปอง" เปิดใจชีวิตระหว่าง "พระ" กับ "ฆราวาส" ต่างกันมาก

"ทิดสมปอง" เปิดใจชีวิตระหว่าง "พระ" กับ "ฆราวาส" ต่างกันมาก

"ทิดสมปอง" เปิดใจชีวิตระหว่าง "พระ" กับ "ฆราวาส" ต่างกันมาก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทิดสมปอง เปิดใจ ภายหลังลาสิกขา มากว่า 2 ปี ต้องปรับตัวไม่น้อย การดำเนินชีวิต ระหว่าง พระ กับ ฆราวาส มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

สมปอง นครไธสง หรือ ทิดสมปอง อดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง เปิดใจการดำเนินชีวิตแบบฆราวาส หลังจากลาสิกขามาเป็นเวลากว่า 2 ปี แล้วว่า ต้องปรับตัวไม่น้อย เพราะการดำเนินชีวิตระหว่างพระภิกษุ กับ ฆราวาส นั้น มีความแตกต่างกันมาก

ทิดสมปอง เล่าระหว่างเข้าฉากถ่ายภาพยนตร์เรื่อง ขอนแก่นลำเพลิน ที่ ศิลาโฮมสเตย์ ขอนแก่นว่า หลังจากลาสิกขา มาใช้ชีวิตแบบฆราวาส ยังมีงานบรรยายตามโรงเรียน สถาบัน และองค์ต่างๆ แต่มีจำนวนที่น้อยกว่าเมื่อครั้งยังเป็นพระมหาสมปอง

“ปัจจุบันทำธุรกิจ และงานบรรยายยังมีอยู่ แต่ไม่ได้เยอะเหมือนตอนเป็นพระ เหมือนตอนเป็นพระคู่แข่งน้อย สไตล์ธรรมะเดลิเวอรี่ พอเป็นฆราวาสญาติโยม โอ้โหคู่แข่งเยอะครับ ครูบาอาจารย์เก่งๆ พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ เก่งมีเยอะครับ ชีวิตปัจจุบันนี้อยู่เชียงใหม่บ้าง อยู่กับแม่ที่ อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ มีงานในกรุงเทพฯ ก็บินไปทำงาน”

ทิดสมปอง บอกต่อว่า แม้ปัจจุบันเป็นฆราวาส แต่งานบรรยาย ยังมีโรงเรียน สถาบัน องค์กรต่างๆ ติดต่อมาให้ไปบรรยายธรรมะ เหมือนเมื่อครั้งอยู่ในสมณะของสงฆ์

“เขาคงอารมณ์เหมือนคิดถึงที่เขาเคยนิมนต์ตอนเป็นพระ พอเป็นฆราวาสลองมาบรรยายเวอร์ชั่นฆราวาสบ้างซิ แล้วก็มีบรรยายเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม”

ทิดสมปอง

อย่างไรก็ดี ทิดสมปอง ยืนยันว่า ที่มีกระแสข่าวออกมาว่า มีความคิดจะกลับไปบวชอีก ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีความคิดที่จะบวชอีกแล้ว

“บางทีเขาก็มีคนทำคลิปเลยว่ามหาสมปองกำลังจะกลับไปบวชอีก จนบางทีต้องไปปักหมุดในเพจเลยครับว่า ไม่ได้กลับไปบวชนะครับ และไม่คิดไปบวชแล้วอยู่มาตั้ง 30 ปีแล้ว ออกมายังไม่ถึง 2 ปี ใช้ชีวิตข้างนอก ต้องเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่าง แต่ก็มีบางคนมาบอกว่า พระนักเทศน์สไตล์นี้มีน้อย อยากให้กลับไปบวชอีก อย่างพี่ฝน (ฝน ธนสุนทร) ในกองถ่ายหนัง เขาก็บอกอยากให้กลับไป ชื่นชอบฟังบรรยาย ฟังเทศน์ตอนที่ผมเป็นพระ ทุกวันนี้ก็ยังมีคนติดเรียกเราว่าพระมหาสมปองอยู่เยอะ เราเองบางครั้งก็ยังติดเรียกแทนตัวเองว่า พระอาจารย์ อาตมา เจริญพร อยู่บ้างครับ”

ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ ทิดสมปอง บอกอีกว่า การดำเนินชีวิตระหว่างเป็นพระกับฆราวาสมีความแตกต่างกันมาก อีกทั้งยังได้ใช้ธรรมะ มากกว่าครั้งอยู่ในผ้าเหลือง

“ต่างกันเยอะแน่นอนครับ เป็นพระก็มีคนนับถือ มีคนประเคน ดูแลอะไรให้เต็มไปหมด มาเป็นฆราวาสญาติโยมก็แบบศีลเท่าๆ กัน ก็ต้องดูแลตัวเองมากขึ้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราไปที่ไหนด้วยครับ อย่างวันนี้ (เข้ากองถ่ายหนัง) ทีมงานเขาก็ดูแลเราดีมากครับ ดูแลดีกว่าตอนเป็นพระด้วย กางร่ม เช็ดหน้า เช็ดเหงื่อให้ แล้วแต่สถานที่ แล้วแต่บรรยากาศด้วยครับ”

“ตอนสึกมาใหม่ๆ ก็เจอกระแสดราม่าประมาณหนึ่ง มีจริงบ้างไม่จริงบ้าง ด้วยความเคยเป็นพระที่เราบรรยายธรรมมาเยอะ ก็นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตเยอะ ตอนเรามีความสุขเหมือนธรรมะก็จะสำคัญน้อย เพราะเราเพลิน พอมีความทุกข์ธรรมะจะขึ้นมาเด่นชัดมาก เวลาเจอเรื่องดราม่าก็นำธรรมะมาใช้ ขอโทษ ให้อภัย ชูใจเราให้ดีขึ้น ในวันที่ไม่เหลือใคร มองกระจก และยิ้มเข้าไว้ ถึงไม่เหลือใครก็ยังเหลือตัวเราเอง”

“ตอนที่เป็นฆราวาสได้ใช้ธรรมะเยอะเลย ตอนที่เป็นพระเหมือนจะเพลิน อย่างที่บอกมีคนดูแลเยอะ อาจจะไม่ได้ต้องเอามาใช้มาก ด้วยทุกอย่างมันลงตัว อย่างที่บอกในช่วงที่มีความสุขธรรมะอาจจะไม่ชัด แต่พอมีความทุกข์ธรรมะก็จะชักมาก ก็แล้วแต่จังหวะครับ บางทีตอนเป็นพระบางจังหวะก็ใช้ธรรมะเยอะเหมือนกัน มันจะมีช่วงหนึ่งที่คู่กับน้อง (แพรี่ ไพวัลย์) เป็นประเด็นมากๆ ก็นำธรรมะมาใช้”

ทิดสมปอง

ทิดสมปอง บอกอีกว่า สำหรับเขาแล้ว ชีวิตฆราวาส ยังมีปัญหาเรื่องการแต่งตัว เพราะอยู่ในผ้าเหลืองมาเป็นเวลากว่า 30 ปี

“เราไม่เคยต้องเซ็ตผม ไม่เคยต้องใส่เสื้อผ้า ใส่เอ็สเซสเซอรี่เยอะ พอเป็นฆราวาสญาติโยมแรกๆ ก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ต้องปรับตัว บางคนก็บอกว่าเข็มขัดก็สำคัญนะ นาฬิกาก็สำคัญ ซึ่งเราก็ไม่เคยใส่เลย ไม่เคยเน้นเรื่องเข็มขัดเสื้อผ้าหน้าผม ไม่เหมือนเป็นพระห่มจีวรก็คลุมทั้งตัว”

“ส่วนการพูดการจาก็ตามกาลเทศะ มีคนแซวผมนะว่าตอนเป็นพระสนุกกว่านี้อีก ตอนเป็นโยมสุขุมขึ้นนะ คือเป็นพระเหมือนแซวใครก็ได้ ไม่ค่อยมีใครถือโทษโกรธเคืองเรา อาจจะจีวรคุ้มตัว คุ้มครองอยู่ (หัวเราะ) แต่เป็นฆราวาสต้องระวังมากขึ้น เมื่อก่อนแซวการเมืองตูมตามเลย แต่ตอนนี้ต้องคิดเยอะ ก็เลยกลายเป็นว่าคนแซวดูสำรวมกว่าตอนเป็นพระ จริงๆ มันคือความระมัดระวัง”

ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ ทิดสมปอง แย้มเรื่องความรัก ด้วยว่า มีคนคบหาดูใจ เรียนรู้กันอยู่ ในอดีตมีแฟนเพจ วันนี้เป็นฆราวาส อนาคตจะแฟนจริงไม่ใช่เรื่องแปลก

“แหมเราไม่ได้ขี้เหร่ขนาดนั้น ก็ต้องมีบ้างแหละ ก็เรียนรู้กันอยู่ แต่ก่อนก็มีแฟนเพจเขาก็น่ารักมีความเป็นห่วงเป็นใย อนาคตจะมีแฟนจริงบ้างก็ว่ากันไป อายุอานามก็ขนาดนี้แล้วเนอะก็ต้องมีบ้าง แต่ด้วยวัยความรักเราคงไม่หวือหวา ทำอะไรให้คนฮือฮาขนาดนั้น เป็นความรักของคนที่ค่อนข้างมีอายุแล้ว นี่ก็อายุ 44 ปี จะเข้า 45 ปี แล้ว ไปเรื่อยๆ สบายๆ ครับ”

ส่วนงานภาพยนตร์เรื่องขอนแก่นลำเพลิน ทิดสมปอง บอกว่า เป็นภาพยนตร์ที่แสดงเป็นนักแสดงหลักเรื่องแรก มีความรู้สึกตื่นเต้น แต่ก็มีความสุขกับการได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ ที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน

“ตื่นเต้นครับ แสดงเป็น ผอ.โรงเรียน ตอนเป็นพระเคยไปบรรยายที่โรงเรียนบ่อยๆ เลยตัดสินใจรับ บทก็ไม่ยากไม่ง่ายเกินไป เป็น ผอ.อยากพัฒนาโรงเรียนอยากพัฒนาชุมชน ระหว่างถ่ายทำก็มีอุปสรรคบ้าง เพราะถ่ายทำหน้าฝน แดดบ้างฝนบ้าง กว่าจะได้แต่ละฉากถ่ายแล้วถ่ายอีก เมื่อก่อนเป็นผู้ชมไม่เข้าใจนะ เวลาเขาบอกขอบคุณทีมงานเป็นร้อยๆ คน พอได้มาเป็นนักแสดงโอ้โหรู้แล้วว่ามันยากมากกว่าจะได้ออกมาแต่ละฉาก”

“ชอบนะ มีความสุขทุกครั้งที่ได้มากองถ่าย ได้มานัดแนะมุกกับนักแสดงด้วยกัน แล้วพอจำมุกได้ลืมเนื้อ (หัวเราะ) ถ้ามีเรื่องต่อไปมาติดต่อ ยินดีรับเลยครับ เพราะชอบการทำงาน ที่ทำให้เรารู้สึกสนุกสนาน ได้เห็นการทำงาน ที่เราไม่เคยทำมาก่อน ได้เรียนรู้อะไรหลากหลาย ได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ ต่อไปหากได้แสดงซีนอารมณ์น่าจะได้พัฒนาตัวเอง”

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ

อัลบั้มภาพ 18 ภาพ ของ "ทิดสมปอง" เปิดใจชีวิตระหว่าง "พระ" กับ "ฆราวาส" ต่างกันมาก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook