ผู้ให้ทุนฟ้อง ดิสนีย์-ฟอกซ์ ตั้งใจลดกำไรเอื้อธุรกิจตัวเอง ทำบริษัทสูญเงินอื้อ

ผู้ให้ทุนฟ้อง ดิสนีย์-ฟอกซ์ ตั้งใจลดกำไรเอื้อธุรกิจตัวเอง ทำบริษัทสูญเงินอื้อ

ผู้ให้ทุนฟ้อง ดิสนีย์-ฟอกซ์ ตั้งใจลดกำไรเอื้อธุรกิจตัวเอง ทำบริษัทสูญเงินอื้อ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

TSG Entertainment (ทีเอสจี เอนเตอร์เทนเมนต์) บริษัทที่ให้ทุนแก่ค่ายภาพยนตร์หลายราย ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นในนครลอสแองเจลิสของสหรัฐ เมื่อวันอังคาร (15 ส.ค.) เพื่อดำเนินคดีต่อ Disney Co. (ดิสนีย์ โค) และ 20th Century Fox (ทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของดิสนีย์ จากการละเมิดสัญญาหลายประการ เช่น ลดกำไรของตัวเองลงโดยเจตนา และทำสัญญาฉบับที่เอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจแพลตฟอร์มชมสื่อบันเทิงออนไลน์ของตัวเองขณะที่ส่งผลเสียต่อรายได้ของหุ้นส่วนทางธุรกิจ

ทีเอสจี เผยว่า การฟ้องศาลครั้งนี้เริ่มมาจากบริษัทจับสังเกตได้ว่ากำไรลดลง จึงว่าจ้างนักตรวจสอบบัญชีมาหาสาเหตุ เมื่อตรวจสอบบัญชีของภาพยนตร์ 3 เรื่องที่ยังไม่ได้ฉาย ก็พบว่ามีการใช้กลเม็ดทางบัญชีและการทำสัญญาต่างๆ ที่เอาผลประโยชน์เข้าตัวค่ายภาพยนตร์ แต่ทำให้ทีเอสจีได้รับเงินต่ำกว่าที่จะได้ถึง 40 ล้านดอลลาร์ (1,414 ล้านบาท)

เชื่อลดกำไรหวังเอื้อธุรกิจตัวเอง

หนึ่งในกลเม็ดดังกล่าว ทีเอสจี ระบุว่า ทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ เก็บค่าลิขสิทธิ์เผยแพร่ภาพยนตร์เรื่อง The Shape of Water (เดอะ เชป ออฟ วอเดอร์) จากแพลตฟอร์ม FX (เอฟเอกซ์) ของตัวเองน้อยกว่าที่ควรถึง 4 ล้านดอลลาร์ (141 ล้านบาท)

อีกตัวอย่างหนึ่งที่ทีเอสจียกมาอ้าง คือ เมื่อปี 2564 หรือหลังจากที่ดิสนีย์ซื้อกิจการทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ ไป 2 ปี ฟอกซ์ไปเจรจาแก้ไขสัญญากับช่อง HBO (เอชบีโอ) จากเดิมที่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้นำภาพยนตร์มาฉายในช่องเป็นที่แรกและที่เดียว กลายว่าจะลดเก็บเงินดังกล่าว เพื่อแลกกับการนำภาพยนตร์ไปฉายในแพลตฟอร์ม Disney+ (ดิสนีย์พลัส) และ Hulu (ฮูลู) พร้อมกับเอชบีโอ

นอกจากนั้น ทีเอสจี อ้างอีกว่า บริษัทยังถูกเรียกเก็บเงินหลักสิบล้านดอลลาร์เป็นค่าจัดจำหน่าย ซึ่งไม่ได้อยู่ในสัญญา

ทีเอสจี เผยว่า ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทร่วมให้ทุนในการผลิตภาพยนตร์และการทำตลาดไปถึง 3,300 ล้านดอลลาร์ (116,688 ล้านบาท) แก่ทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ เพื่อแลกกับส่วนแบ่งรายได้หลังจากภาพยนตร์ออกฉายถึง 140 เรื่อง เช่น เรื่อง Avatar: The Way of Water  

เทียบคดี "สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน"

คดีลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2564 ที่นักแสดงชื่อดัง Scarlett Johansson (สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน) ฟ้องดิสนีย์ จากการที่บริษัทตัดสินใจเผยแพร่ภาพยนตร์เรื่อง Black Widow (แบล็กวิโดว์) ทางดิสนีย์พลัสในช่วงเวลาเดียวกับที่ฉายในโรงภาพยนตร์

สการ์เลตต์ โจแฮนส์สันDia Dipasupil/Getty Imageสการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน

นักแสดงรายดังกล่าวมองว่าการกระทำนี้ละเมิดเงื่อนไขสัญญาที่ทำกันไว้ เพราะในสัญญาดังกล่าวรับประกันว่าจะฉายในโรงภาพยนตร์ก่อน ซึ่งรายได้จากการฉายในโรงภาพยนตร์นี่เองเป็นส่วนแบ่งรายได้หลักที่ตนจะได้รับ ก่อนที่คดีนี้จะไกล่เกลี่ยกันได้ในที่สุด

ส่วนทนายความที่เป็นตัวแทนของทีเอสจีในคดีนี้ คือ นายจอห์น เบอร์ลินสกี ที่เคยเป็นทนายความให้กับสการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ในคดีที่ฟ้องดิสนีย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook