Michael Keaton ชายผู้เคยถูกจดหมายรุมด่าว่าห้ามรับบท Batman โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

Michael Keaton ชายผู้เคยถูกจดหมายรุมด่าว่าห้ามรับบท Batman โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

Michael Keaton ชายผู้เคยถูกจดหมายรุมด่าว่าห้ามรับบท Batman โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“ทันทีที่ประกาศออกไปว่า เขาจะได้รับบท Batman นั้น มีจดหมายคัดค้านจากแฟนการ์ตูนกว่า 50,000 ฉบับ”

หลังจากที่ Warner Bros. ทำให้ Superman ของ Richard Donner บินขึ้นสูงจนเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการหนังซุปเปอร์ฮีโร่ในเวลานั้น และด้วยความเป็นผู้นำของวงการคอมมิค ค่าย DC สามารถทำหนังจากการ์ตูนจนประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนความคิดของผู้คนที่เคยมีความเชื่อว่า หนังฮีโร่เป็นได้แค่หนังคนใส่ชุดรัดรูปตลกๆ ให้ออกมาเป็นหนังที่มีเนื้อหาขึงขังจริงจัง และทำเงินได้ถล่มทลาย นั่นทำให้ Warner Bros. ตัดสินใจที่จะตีเหล็กที่กำลังร้อน นำ Batman ซุปเปอร์ฮีโร่ในระดับ A-list ของ DC มาทำเป็นภาพยนตร์คนแสดงบ้าง แต่ปัญหาใหญ่ก็คือ พอพูดถึง Batman แล้ว สิ่งที่ทุกคนคิดถึงคือ Batman ฉบับทีวีซีรีส์ที่นำแสดงโดย Adam West ด้วยโทนสีสันสดใส ตัวละครทำอะไรตลกๆแบบสไตล์การ์ตูนอยู่สูง แต่ทุกคนหลงลืมไปว่า อัศวินรัตติกาลคนนี้มีแง่มุมที่มืดมน จริงจัง และ มีเรื่องราวที่น่าพูดถึงมากกว่าการเป็นแค่ตัวตลกในละครทีวี

Batman

จริงๆ แล้วแผนที่จะนำมนุษย์ค้างคาวมาดัดแปลงให้เป็นหนังใหญ่นี้ เคยผ่านมือผู้กำกับมากมายในฮอลลีวู้ดเบอร์ใหญ่ๆในขณะนั้น ไม่ว่าจะ เป็น Richard Donner (Superman) , Ivan Reitman (Ghostbuster) , Joe Dante (Gremlins) และสุดท้ายก็ตกมาจนถึงมือ Tim Burton ผู้ซึ่งประสบความสำเร็จมาจากหนังตลกอย่าง Pee-wee's Big Adventure (1985) มาหมาดๆ และเขากำลังจะทำหนังตลกสยองขวัญเรื่อง Beetlejuice ให้กับ Warner Bros. พอดี

หนังถูกแก้ไขบทเดิมที่ถูกเขียนขึ้นมานานแสนนานแล้ว โดยมือเขียนบทจำนวนมาจากฮอลลีวู้ด มาจนถึง Sam Hamm อดีตนักเขียนการ์ตูนของ DC ที่ถูกดึงมาแก้ไขบท เนื่องจากบทช่วงแรกของหนังนั้นเหมือนลอกบทจาก Superman ของ Richard Donner มาเกือบหมด โดยบทเดิมนั้นได้เขียนเล่าตั้งแต่ Bruce Wayne ยังเด็ก เติบโตมากลายเป็น Batman ได้อย่างไร ซึ่งในความรู้สึกของ Tim Burton นับว่าน่าเบื่อมากๆ จึงขอให้ Sam Hamm แก้ไขบทใหม่โดยไม่เล่าเรื่องกำเนิดของ Batman แต่พูดถึงเรื่องของ Bruce Wayne ที่จัดการความหมองเศร้าในอดีตด้วยการสวมชุด Batman ออกพิทักษ์เมือง ที่น่าสนใจคือ เขาตัดสินใจที่จะตัดจักรวาล DC ทิ้งไปแบบไม่มีตัวตนในโลกนี้ เช่นเดียวกับตัวเรื่องเน้นไปที่ความหมองเศร้าบรรยากาศโกธิคมากกว่า

ระหว่างกำลังพัฒนาบท Batman นั้นเอง Tim Burton ก็เพิ่งประสบความสำเร็จกับหนัง Beetlejuice ไปเป็นที่เรียบร้อย ยิ่งทำให้เขามีเครดิตที่ถูกจับตามองจากแฟนๆมากขึ้น รวมทั้งความคาดหวังสูงขึ้น เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่น่าจับตา และวายร้ายของหนังเรื่องนี้สรุปแล้วคือ Joker ที่ทุกคนรู้จักกันดี โดยคนที่จะมารับบท Joker นั้นคือ Jack Nicholson ดาราเจ้าบทบาทที่ทุกคนพากันปรบมือลงความเห็นกันว่า เหมาะสมกับบทนี้อย่างชัดเจน แม้ในเวลานั้นจะมีชื่อของ Robin Williams ที่อยากจะรับบทนี้ด้วยเช่นกัน และแฟนๆส่วนหนึ่งก็อยากเห็น Robin Williams มาเล่นบทนี้เช่นกัน ในภายหลัง Jack Nicholson ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Joker ว่า มันเป็นตัวละครที่เขาชอบมาก เพราะมันเล่นตลกได้ไร้รสนิยมสิ้นดี และเป็นหนึ่งในบทบาทที่เขาชอบมากๆจากที่เคยแสดงหนังมา

แต่ปัญหาคือ ใครล่ะที่จะเผชิญหน้ากับดาราเจ้าบทบาทอย่าง Jack Nicholson ได้สมน้ำสมเนื้อ ต้องเป็นเบอร์ใหญ่ที่จะไม่โดนกลบ ผลปรากฏว่า Tim Burton ตัดสินใจเลือก Michael Keaton ที่เคยร่วมงานกันจาก Beetlejuice ให้มารับบท Bruce Wayne

ทันทีที่ประกาศออกไป ปรากฏว่าแฟนคลับของคอมมิคเรื่องนี้ถึงกับพากันลุกฮือเป็นฟืนเป็นไฟ ด้วยการส่งจดหมายถึง 50000 ฉบับมายังออฟฟิศ Warner Bros. และไม่ใช่แค่นั้น ยังมีจดหมายไปยัง Bob Kane ผู้เขียนคอมมิคเรื่องนี้ ว่าให้ยับยั้งการเอาชายผู้นี้มาเล่นเป็นตัวละครที่พวกเขารัก หรือแม้กระทั่งตัว Michael E. Uslan โปรดิวเซอร์ของหนังเรื่องนี้ก็โดนโทรขู่ไปด้วย ข้อความทั้งทางจดหมายและสายโทรศัพท์ก็จะประมาณว่า

“เขาเป็นดาราตลกนะ คิดดิว่าโปสเตอร์จะทำออกมายังไง แม่นายเป็น Batman เหรอ!! ทำไมหมอนั่นหน้าเหมือนแม่นายเลย ”

"พวกคุณกำลังจะทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังตลกหรือไง?"

"ทำไมเอาดาราตลกมารับบทนี้กันวะ?"

ย้อนเวลากลับไปก่อนหน้านี้เล็กน้อยในช่วงที่ทีมงานกำลังมองหานักแสดงมารับบท Bruce Wayne นั้น ได้มีรายชื่อของนักแสดงดังมากมาย ไล่ตั้งแต่ Mel Gibson ที่ถูกเล็งเอาไว้เป็นคนแรก แต่เขาต้องถอนตัวไป เพราะคิวถ่ายไปตรงกับ Lethal weapon 2 นอกจากนั้นมีก็มีนักแสดงอย่าง Alec Baldwin , Charlie Sheen หรือ Pierce Brosnan ในรายชื่อ นี่ไม่รวมถึงดาวบู๊อย่าง Sylvester Stallone หรือ Arnold Schwarzenegger ก็มีชื่อในการช่วงชิงชัยบทกับเขาเหมือนกัน แต่ชื่อ Michael Keaton แทบไม่มีในความคิดของผู้สร้าง ต้องเล่าก่อนว่าในเวลานั้น Michael Keaton เป็นนักแสดงดราม่าและหนังตลก เขาเริ่มต้นการแสดงกับหนังดราม่าอย่าง Clean and Sober ปี 1987 ไป และ เพิ่งผ่านการแสดงหนังตลกสองเรื่องคือ Gung Ho และ Beetlejuice ไปหมาดๆ ถึงแม้ว่าหนังเรื่องหลังจะประสบความสำเร็จและแจ้งเกิดการแสดงของเขาก็ตาม ภาพของเขาในฐานะนักแสดงเบอร์รองก็ดูด้อยกว่าคนอื่นๆแบบชัดเจน จนคนนึกภาพเขาเตะต่อยไม่ออก

ซึ่งคนที่เลือก Michael Keaton มารับบทนี้คือโปรดิวเซอร์อีกคนอย่าง Jon Peters ที่เห็นแววของเขาในหนัง Beetlejuice อันเนื่องมาจากการแสดงที่ส่งผ่านดวงตา Michael Keaton ทำให้ Jon Peters จินตนาการว่าตอนสวมชุด Batman หมอนี่ต้องส่งความรู้สึกผ่านแววตาออกมาได้ดีแน่นอน

แม้ว่า Tim Burton จะเคยร่วมงานกับ Michael Keaton มาแล้ว แต่เขาก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก ซึ่งสุดท้ายก็ต้องตามใจโปรดิวเซอร์อยู่ดี มาพบกันที่ครึ่งทาง ส่งบทให้ Michael Keaton อ่านแล้วนัดมาทดสอบบท คำถามคือ แล้วทำไมเขาถึงยอมให้ Michael Keaton มาแคสบทนี้ ทั้งที่ควรใช้ดาราบู๊เบอร์ใหญ่กว่านี้ คำตอบง่ายมากคือ Tim Burton เริ่มนึกภาพออกว่า Batman ไม่ใช่แค่บู๊ไปวันๆ เขาไม่เหมือน Superman เขาต้องต่อสู้กับฝันร้ายในอดีต เขาเชื่อว่าการสวมชุดค้างคาวคือการเยียวยาจิตใจอันเจ็บปวดของเขา

ไอเดียของ Batman ฉบับจริงจังนี้คือ "เขาจะใส่ชุดไปทำไมกัน?" ไอเดียนี้ทำให้ Michael Keaton พอจะมองภาพออก แต่ปัญหาคือเขาไม่อ่านคอมมิคเลยนี่สิ นั่นทำให้ Tim Burton ตัดสินใจส่งหนังสือคอมมิค The Dark Knight Return ของ Frank Miller ไปให้เขาอ่าน เพื่อให้เข้าใจถึงสิ่งที่เป็นในหนังเรื่องนี้ แม้ตอนแรก Michael Keaton จะอยากปฏิเสธบทนี้ด้วยซ้ำ เนื่องจากต้องมานั่งอ่านทำความเข้าใจใหม่จากการ์ตูนที่เขาเองก็ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่พออ่านบทที่ได้มา รวมถึงการ์ตูนคอมมิคที่ Tim Burton ส่งมา ทำให้เขายอมรับบทนี้ เพราะเข้าใจถึงบทและตัวละครนี้ดีแล้ว แถมยังกลายเป็นแฟนเดนตายของการ์ตูนเรื่องนี้อีกด้วย

ที่สำคัญกว่านั้น อีกเหตุผลที่ทำให้ Tim Burton เลือก Michael Keaton มารับบทนี้ เหตุผลเหมือนๆกับโปรดิวเซอร์ Jon Peters คือดวงตาของเขาที่มีความอ่อนไหวและความบ้าคลั่งในนั้น เช่นเดียวใบหน้าเหลี่ยมแบบในคอมมิค

บุคลิกของ Bruce Wayne เริ่มถูกตีความและพัฒนาขึ้นมาทีละนิดๆ ยึดตามแบบ Michael Keaton โดยที่ตัวเขาเองก็เป็นพวกคลั่งความสมเหตุสมผลในเชิงตรรกะ ซึ่งเขาได้แสดงความเห็นว่า ตัวตนเรื่องความลับของ Batman น่าจะถูกเปิดโปงได้ง่ายมากๆ เขาจึงเสนอกับ Tim Burton ว่า ทำยังไงถึงจะซ่อนตัวตนของ Batman ได้ เขาเสนอว่า จะต้องให้เสียงของ Batman มีโทนที่ต่ำลงกว่าตอนที่เป็น Bruce Wayne รวมทั้งการสวมใส่คอนแท็คเลนส์เพื่ออำพรางตาด้วย ไอเดียนี้ Tim Burton ซื้อมากๆ และจากไอเดียนี้เอง มันได้นำไปสู่การพากย์เสียงของ Batman ในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นการพากย์เสียงฉบับการ์ตูนของ Kevin Conroy หรือกระทั่ง Christian Bale ที่มารับบทนี้ต่อ หรือไม่ว่าจะใครก็ตาม ก็ยังใช้วิธีการนี้แบบเดียวกันนี้ด้วย นี่คือไอเดียของ Michael Keaton

นอกจากนี้เพื่อให้เข้าใจความโดดเดี่ยวและบุคลิกที่แปลกแยกจากผู้คน Michael Keaton ตัดสินใจที่จะอาศัยอยู่ในลอนดอนเพียงลำพังในช่วงที่ถ่ายทำหนังเรื่องนี้ และอ้างอิงรูปแบบการแสดงของ Batman มาจากคอมมิคเรื่อง The Dark Knight Return ซึ่งส่งผลให้เขาเห็นภาพของ Batman ในแบบเขาได้มากขึ้น

แม้ว่าจะทุ่มเทให้กับการแสดงมากมายสักแค่ไหน เขาก็ถูกต่อต้านจากแฟนๆอยู่ดี หลายคนติดตลกว่า หนังต้องออกมาแย่แน่ๆ หรือปรามาสว่ามันจะกลายเป็นหนังตลกที่ตลกกว่าฉบับทีวีเสียอีก บางคนยังข้องใจกับส่วนสูงของคีตันที่เตี้ยไปนิด (เขาสูงแค่ 5 ฟุต 9 นิ้วแค่นั้นเอง) แต่สตั๊นท์แมนของเขาทั้ง 7 คนนั้น ดันตัวสูงกว่าเขาทั้งหมด มีเพียง Tim Burton ที่ออกมาตอบโต้แทนดารานำของเขาทำนองว่า

"พวกนายรู้ไหม Joker ในคอมมิคตัวผอมนะ แต่พวกนายดันบอกว่า Jack Nicholson เหมาะกับบทนี้ซะงั้น "

ซึ่ง Tim Burton ยืนยันว่า Michael Keaton คือตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดของหนังเรื่องนี้แล้ว แน่นอนว่าเมื่อหนังออกฉาย ทุกคนที่เคยด่าๆถึงกับต้องรีบหุบปากกันแทบไม่ทัน เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะ Batman กลายเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญไม่ต่างกับตอน Superman ออกฉายเลย หนังทุนสร้าง 48 ล้านดอลลาร์เรื่องนี้ทำเงินไปทั่วโลกกว่า 411.6 ล้านดอลลาร์ แถมสินค้าเมอร์เซนไดส์ที่ปะหน้าโลโก้ Batman ทุกอย่าง ขายดีเป็นเท่น้ำเทท่า แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน นี่ยังไม่รวมถึงการแสดงบท Joker ของ Jack Nicholson ที่ถ่ายทอดออกมายอดเยี่ยมจนถึงขั้นได้เข้าชิงออสการ์ งานโปรดักชั่นดีไซน์ของหนังก็ได้รางวัลออสการ์อีกต่างหาก

แม้จะประสบความสำเร็จจนทำให้หลายๆคนหุบปาก ทว่าก็มีเสียงบ่นว่า Joker ในหนังเด่นกว่า Batman ของ Michael Keaton อยู่ดี ซึ่งเอาเข้าจริงๆ แล้ว มันเป็นเพราะธรรมชาติตัวละครสองคนนี้ต่างกันมากๆเลยทีเดียว เนื่องจาก Joker จะเป็นพวกเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น ส่วน Batman จะหลบในมุมมืดราวกับไม่มีตัวตน ซึ่ง Michael Keaton ทำหน้าที่นี้ได้ดีมากๆ เขามีทั้งแง่มุมของความเห็นอกเห็นใจ ความบ้าคลั่ง และ ความรู้สึกหมองเศร้าในตัว โดยเฉพาะดวงตาที่สื่อออกมาจากชุดค้างคาวได้ชัดเจน

ความสำเร็จของหนังทำให้ Batman มีภาคต่อตามมาในปี 1992 ในชื่อ Batman Return ที่ Tim Burton กลับมารับหน้าที่กำกับอีกครั้ง และแน่นอนว่า Michael Keaton ก็ได้กลับมาสวมชุดค้างคาวอีกครั้ง คราวนี้เขาต้องเผชิญหน้ากับตัวร้ายใหม่อย่าง Catwoman และ Penguin ที่เข้ามาท้าทาย Batman ขณะเดียวกันหนังก็มองเห็นภาพของความบ้าคลั่งภายใต้หน้ากากของมนุษย์มากขึ้นผ่านตัวละครที่ดูแปลกแยกในสังคมอย่าง Batman , Catwoman และ Penguin หรือแม้กระทั่งตัวร้ายมหาเศรษฐีอย่าง Max Shreck ที่ไม่ได้ใส่หน้ากากหรือเป็นตัวประหลาดใดๆ แต่ก็ร้ายเสียยิ่งกว่าทุกคนที่สวมหน้ากาก เป็นมุมมองการที่ต่างคนต่างสวมหน้ากากกันคนละอย่างแต่คนดูกลับได้สำรวจจิตใจอันเปราะบาง เจ็บปวด เลวทราม ของตัวละครพวกนี้ได้ชัดเจน

ความหม่นเศร้านี้ยังสะท้อนไปยังเรื่องราวอันแสนคลาสสิคของ Batman และ Catwoman ที่ไม่อาจจะครองคู่กันได้ แม้พวกเขาจะโหยหากันและกันนั่นทำให้ตอนจบของหนังมีอารมณ์เหงาและเศร้าออกมาได้อย่างดี และเหมือนทำให้หลายๆคนรอคอยให้พวกเขาได้สมหวังอีกครั้งในอนาคต

น่าเสียดายที่หนังภาคนี้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับภาคแรก แถมด้วยความมืดหม่นของหนังทำให้หลายคนบ่นว่าไม่สนุกเท่าภาคแรก ในเวลาต่อมาหนังภาคนี้คือพิมพ์เขียวสำคัญของหนัง Batman ฉบับ Christopher Nolan อย่าง The Dark Knight Rise ที่เล่าถึงประเด็นเดียวกันในเวลาต่อมา โดยเฉพาะความรักของ Batman และ Catwoman ก็ได้ถูกสะสางให้แฟนๆเก่าที่ค้างคา

ซึ่งแน่นอนว่า Michael Keaton ชอบหนังภาคนี้มากๆ แม้ว่ามันจะทำให้ Tim Burton และตัวเขาไม่ได้ไปต่อ เนื่องจาก Warner Bros. และ DC อยากให้หนังสดใสมากขึ้น สนุกมากขึ้น และ ขายของได้มากขึ้นกับเด็กๆ ส่งผลให้แม้ว่า จะมีการยื่นข้อเสนอให้ Michael Keaton กลับมารับบท Batman อีกครั้งใน Batman Forever ด้วยค่าตัวมหาศาล ทว่าเขาได้ตัดสินใจที่จะบอกลาบทนี้ เมื่อไม่ลงรอยกับผู้กำกับใหม่อย่าง Joel Schumacher ที่ไม่ได้เข้าใจ Batman เลย

“ มันเป็นเรื่องของ Bruce Wayne ตลอดมา ไม่ใช่เรื่องของ Batman ”

คีตันให้สัมภาษณ์ถึงการอำลาบทนี้แม้ว่าเงินที่ผู้สร้างยื่นมาจะมหาศาลก็ตาม

“เหตุผลสำคัญที่ทำให้ผมออกจากโปรเจกต์นี้คือ ผู้กำกับคนใหม่ไม่เข้าใจว่า ทำไมหนัง Batman ต้องมืดหม่น เขาถามผมแบบนั้น ผมเลยถามเขาว่า เดี๋ยวนะ คุณรู้ไหมว่า ผู้ชายคนนี้กลายเป็น Batman ได้อย่างไร คุณเคยอ่านมันไหม ? นั่นคือคือตัวอย่างง่ายๆเลย”

Michael Keaton ตัดสินใจเดินออกจากโปรเจกต์มนุษย์ค้างคาว แล้วก้าวเท้าสู่หนังเรื่องอื่นๆ แม้ว่าจะเปลี่ยนนักแสดง เปลี่ยนมือผู้กำกับไปมากมายตามยุคสมัย Michael Keaton ก็ยังได้ชื่อว่าเป็น Batman ที่ดีที่สุดในความทรงจำของแฟนๆอยู่ดี แม้ว่าเขาจะได้รับรางวัลออสการ์จากหนังอย่าง Birdman ที่หลายคนบอกว่า มันคือการแสดงที่ทรงพลังที่สุดของเขา แต่สุดท้ายทุกๆคนก็จะจดจำเขาในฐานะ Batman อยู่ดี ตลอดไป และตลอดกาล

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ Michael Keaton ชายผู้เคยถูกจดหมายรุมด่าว่าห้ามรับบท Batman โดย ตั๋วร้อน ป๊อปคอร์นชีส

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook