บทเรียนจาก สัปเหร่อ และ ของแขก การตลาดมากไป อาจทำให้หนังไทยเสียจิตวิญญาณ โดย ตั๋วร้อนฯ
อย่างน้อย ของแขก กับ สัปเหร่อ ก็พิสูจน์ให้เห็นว่าหนังจะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่เอาคนดังๆ มากองรวมกันแล้วหนังมันจะปัง ได้ตังค์ ได้คำชม แม้ว่าสัปเหร่อจะมีดาราดังในโซนอีสานอยู่แล้ว อย่างเช่นตัวหลักอย่าง ด้งเด้ง-ณัฐวุฒิ แสนยะบุตร ผู้รับบท จาลอด กับคู่หูเดนตาย(คืน)อย่าง ตาต้า-ชาติชาย ชินศรี ผู้รับบท บักเซียง และอีกหลายๆคนที่พัฒนาการตัวละครจากไม่มีอะไร จนทุกวันนี้พวกเขาก็ยังไม่มีอะไรเหมือนเดิม ถุย!! แต่ถึงตัวละครจากในหนังของพวกเขาจะยังไม่ได้มีหลักมีฐานที่มั่นคงตามประสาคนบ้านๆ ทว่าในโลกนอกจอ ด้งเด้ง กับ ตาต้า ถือว่าเป็นซุปตาร์ที่ไปไหนมาไหนก็มีคนกรี๊ด ขอถ่ายรูป พวกเขาจึงเรียกได้ว่าเป็นคนดังที่มีมูลค่าในตัวสูงไม่แพ้ดาราในเมือง นั่นเพราะทีม ไทบ้าน กับสตูดิโออย่าง เซิ้ง ช่วยกันปั้นรากปูฐานไว้จนแข็งแกร่ง แทบจะเริ่มจากศูนย์เลยก็ว่าได้ ก่อนอื่นมันต้องทำเพราะเข้าอกเข้าใจมันเสียก่อน เพราะทีมไทบ้านนั้นล้วนใช้ชีวิตกันแบบนั้นอยู่แล้ว มันจึงถือเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้พวกเขาสามารถนำเสนอเรื่องราวของพวกเขาให้ออกมามีสเน่ห์จนแทบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย
- เรื่องย่อ สัปเหร่อ หนังสุดหลอนในจักรวาลไทบ้านเดอะซีรีส์
- เปิดใจ เน็ค นฤพล คนกลัวผีมาเป็น "สัปเหร่อ" สืบสานพิธีกรรมงานศพ
การที่ สัปเหร่อ ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยมทั้งในแง่รายได้และคำวิจารณ์ นั้นอาจปฏิเสธไม่ได้ว่าหนังถูกขับเคลื่อนด้วยดาราดังแล้ว แต่ให้ย้อนกลับไปตอนพวกเขาตั้งไข่ในไทบ้านภาคแรก ไม่มีใครดังเลย ทุกบทมีการทำแคสติ้งกันอย่างจริงจังจนได้คนที่เหมาะกับบทจริงๆ และมีเวลาให้บทเต็มที่ ไม่ต้องรอสับคิว ถ่ายกันห้าเดือนเขาก็มีเวลาให้บทที่เขาสวมห้าเดือน เรียกได้ว่าแบรนด์เขาสร้างฐานมาจนแกร่งด้วยนักแสดงที่ใช่ แล้วอะไรๆก็ตามมาเอง จนกลายเป็นจักรวาลที่คนอีสานต้องตีตั๋วเข้าไปดู ไม่เว้นแม้แต่คนภูมิภาคอื่น อาจจะเพราะอยากลองของ ทำไมหนังมันดังจัง แล้วสุดท้ายก็โดนตกไปเต็มๆ แล้วพากันติดตามดูมันทุกภาค ไม่ว่าจะจักรวาลหลักหรือภาค Spin-off เรียกได้ว่าถ้า Marvel ทำสำเร็จ ทีมไทบ้านก็สามารถทำได้ไม่ต่างกันในระดับภูมิภาค เพราะนอกจากหนังแล้ว พวกเขายังมีการเชื่อมต่อเรื่องด้วยการทำเพลงและทำ MV ให้มีเรื่องราวนอกเหนือจากที่เห็นในหนังให้แฟนๆตามดูอีกด้วย มันคือการวางแผนที่แม้แต่สตูดิโอใหญ่ๆในไทยหลายๆแห่งยังไม่สามารถทำได้แบบทีมไทบ้าน
เชื่อหรือไม่ว่าจากไทบ้าน เดอะซีรีส์ ภาคแรกออกฉาย จนถึงตอนนี้ ทั้งดาราและทีมงานหลายๆคนล้วนเติบโตขึ้นมาและมีงานสร้างสรรค์ของตัวเองกันหมดเลย โน่ ภูวเนตร สีชมภู คนรับบท บักเฮิร์ป ก็มีผลงานกำกับของตัวเองและทำรายได้ไปพอสมควรนั่นคือหนัง รักหนูมั้ย พร้อมๆกับการปั้นช่อง เซียนหรั่ง ของตัวเองที่นำเสนอวิถีบ่าวบ้านๆได้อย่างถึงใจ จนสามารถต่อยอดไปเป็นหนังใหญ่ ทำรายได้ไปพอสมควร / เตเต้ สมชาย สายอุทา ผู้รับบท เฮียป่อง ที่บทในหนังค่อนข้างไม่เอาไหน ทว่าตัวจริงของเขาคือโปรดิวเซอร์เพลงที่ทำงานเพลงให้ทีมเซิ้งเพื่อประกอบหนัง ไทบ้านฯ นั่นเอง / ส่วนผู้กำกับที่ปลุกปั้นโปรเจกต์นี้มาตั้งแต่เริ่มตั้งไข่คือ ศักดิ์ สุรศักดิ์ ป้องศร แม้จะขยับขึ้นไปเป็นโปรดิวเซอร์ให้น้องๆแล้ว แต่เราก็ยังรอคอยงานใหม่ของเขาอยู่เช่นกัน / นี่ยังไม่รวมความเป็นเน็ตไอดอลสายอีสานอย่าง ฟิฟิม สิริอมร อ่อนคูณ หรือ หมอปลาวาฬ กับ นะโม ธันวาพร นาสมบัติ ที่ล้วนเป็นอินฟลูเอนเซอร์งานล้นกันทั้งคู่
นี่คือการหักปากกาเซียน ตบหน้าสตูดิโอใหญ่ที่จะทำหนังสักเรื่องก็ต้องวิ่งหาดารานำที่มีชื่อ มีผู้ติดตามมากๆ ในโซเชี่ยลเป็นอันดับแรก ซึ่งการสร้างหนังบนพื้นฐานการตลาดมากจนหนังไร้หัวจิตหัวใจ มันก็ทำให้หนังไทยถูกบดขยี้ด้วยคำวิจารณ์จากโลกโซเชี่ยลตั้งแต่หนังยังไม่ทันลงโรงฉาย แต่ก็ยังมีผู้สร้างที่พยายามจะสร้างหนังบนพื้นฐานการตลาดเข้มข้นออกมาอยู่ดี แล้วก็พากันเจ็บหนักไปทุกที จนเราเกิดคำถามว่าเหตุใดพวกเขาจึงมั่นใจว่าหนังที่เอาคนดังมาเล่นมันจะทำเงินได้ดีกว่าการที่เอาคนเหมาะกับบทบาทมาแสดงจริงๆ
ทางฝั่ง ของแขก นั้นขายความท้าทาย และความใหม่ มันเป็นหนังผีที่ฝ่าดงตีนมากๆในความรู้สึก มีกลุ่มคนจ้องจะเล่นพวกเขาอยู่เยอะ เพราะตามหลักศาสนาแล้วถือว่าไม่ได้ แต่อิทธิพลจากหนังผีทางฝั่งอินโดฯ ที่เคร่งกว่าเราเยอะ เขายังทำออกมารัวๆ คนไทยชอบดูหนังผีอินโดมาก เฮี้ยนๆ กันทุกเรื่อง บางคนก็ติดตามดูจากสตรีมมิ่ง บางคนก็ไปดูในโรงแล้วพบว่ามันน่ากลัวไม่แพ้หนังผีชาติอื่น แล้วพอมีคนไทยกล้าลุกขึ้นมาสร้างบ้าง จะไม่ดูได้ยังไง ปรกติผีในหนังไทยก็มีแต่วัดแต่พระ ของแขกเป็นผีที่มีฉากหลังแปลกตา แม้ว่าตัวหนังจะไม่ได้ดีอะไรมาก(จากเสียงคนที่ไปดูมาแล้วหลายๆคน) แต่มันใหม่จนคนต้องการลอง อุปทานหมู่ได้ผล แล้วหนังผีมันคือแนวที่ขายได้ในไทยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หนังผีไทยมันคือซอฟต์พาวเวอร์อย่างหนึ่งเหมือนกัน
ธี่หยด นั้นเชื่อว่ามาแน่ทั้งกระแสและรายได้ ถามว่า ณเดชน์ คูกิมิยะ มีส่วนทำให้คอหนังอยากดูไหม ต้องเรียนตามตรงว่าเป็นส่วนที่น้อยมากๆ มีเสียงบ่นอยู่บ้างเหมือนกันว่า ณเดชน์ ไม่เหมือนที่คนฟังหรือคนอ่านจินตนาการไว้ (คือหล่อเกินไปนั่นเอง) แต่เพราะเรื่องมันแข็งแรงมาก่อนแล้ว มีฐานแฟนๆเรื่องผีมาก่อนแล้ว ดังนั้นต่อให้เอาบักโส ลูกแม่ใหญ่จินดาคุ้มใต้มาเล่น คนก็อยากดู แต่ที่เขาใช้ณเดชน์เพราะมันหนังที่ช่อง 3 สร้าง อย่างน้อยณเดชน์ก็เชื้อเชิญแฟนๆละครให้ลุกจากหน้าทีวีมาซื้อตั๋วดูได้ นั่นคือการตลาดที่ฉลาดใช้ได้ แต่ก็ต้องรอลุ้นกันอีกว่าหนังจะสามารถครองใจคนดูได้หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าแม้จะมีฐานแฟน และได้เงินชัวร์ๆอยู่แล้ว แต่หากหนังออกมาไม่ถึงกับที่แฟนๆคาดหวัง มันก็สามารถเป็นดาบสองคมได้เช่นกัน
พูดถึงการใช้นักแสดงที่เหมาะสม และผ่านการแคสติ้งอย่างเข้มข้น ล่าสุดก็ดารานำจาก DOIBOY ดอยบอย ของค่าย เนรมิตรหนังฟิล์ม ที่ไปได้รางวัลสาขา Rising Star Award บนเวที Asia Star Awards จากเทศกาลหนังปูซาน นั่นก็เกือบถอดใจในการเป็นนักแสดง ก่อนจะแคสมาได้แล้วสำแดงฝีมือจนอาจต่อยอดไปอีกระดับได้เลย เขาบอกว่า
“พี่รู้มั้ยว่าผมเกือบถอดใจที่จะเป็นนักแสดงแล้ว จนมาเจอหนังเรื่องดอยบอย ผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้เล่นบทนี้ครับ”
นั่นเพราะเขาเป็นนักแสดงจริงๆที่ไม่ได้เป็นคนดัง มีคนติดตามในโซเชี่ยลแบบดาราคนดังคนอื่นๆ แต่วิธีการทำหนังของผู้กำกับ นนทวัฒน์ นำเบญจพล ก็คือวิธีเดียวกับที่ทีมไทบ้านฯทำนั่นแหละ คือการแคสติ้งให้ได้คนที่ใช่จริงๆ แล้วมันก็เหมือนจะได้ผลดี ซึ่งมันน่าตลกตรงที่ชาติไหนๆ เขาก็ทำกัน คือต่อให้คุณโด่งดังสักแค่ไหนก็ต้องได้มาแคสเพื่อชิงบทที่คุณต้องการเล่น ส่วนคนไทยนั้นทำหนังโดยยึดตัวเลขผู้ติดตามเป็นหลัก ซึ่งจะดูปากร้ายไปไหมถ้าจะบอกว่า ยอดติดตามเหล่านั้นคือกลุ่มคนดูฟรี ไม่ว่าจะเป็นทางช่อง Youtube หรือจากการเลื่อน IG เลื่อน Facebook คนส่วนใหญ่ไม่ยอมควักเงินซื้อตั๋วมาดูคนที่พวกเขาติดตามอะไรหรอก เพราะคุ้นเคยกับการดูฟรีมากกว่า แต่พวกเขาอยากดูนักแสดงจริงๆที่สามารถทำให้พวกเขาอยากควักเงินซื้อตั๋วมากกว่า
จริงๆ คนดังมันก็มีส่วนอยู่บ้าง กับบางสิ่งบางอย่าง แต่อยู่ที่ว่าอะไร ที่แน่ๆไม่ใช่ในหนังแน่นอน เอาคนดังมาขายครีม ขายรถ ขายประกัน อาจจะช่วยได้ แต่คนธรรมดาบางคนมาขายครีมก็รวยได้เหมือนกัน โฆษณาประกันก็ไม่ได้ใช้ดาราดังเล่น มันยังเป็นไวรัลเพราะเรื่องมันดี ส่วนคนดังมาเล่นหนังเล่นละครนั้นก็ต้องมาว่ากันอีกทีคืออยู่ที่ดังแบบไหน บางคนยอดติดตามเป็นล้านๆยอดวิวถล่มทลาย มาอยู่ในหนังที่ต้องให้คนซื้อตั๋วดูก็อาจแป้กได้ เพราะที่ผ่านมากลุ่มทาร์เก็ตคือคนดูฟรี ฟังฟรี พอให้ซื้อตั๋วดู ซึ่งตั๋วหนังแพงมากยุคนี้ คนก็ลังเล นอกเสียจากจะเล่นหนังสตรีมมิ่งไปเลย
เป็นโจทย์ที่ไม่ได้ยากนักสำหรับผู้สร้างหนังไทย ขึ้นอยู่กับว่าทัศนคติทีมสร้างของคุณเป็นแบบไหน มีสัดส่วนคนทำงานศิลปะจริงๆในทีมกี่คน หรือมีแต่ฝ่ายการตลาดนั่งเต็มโต๊ะ ที่เอาแต่พล่ามเรื่อง Soft Power พล่ามเรื่องเดินตามความสำเร็จเกาหลีใต้ และพล่ามเรื่องตัวเลข เชื่อเหลือเกินว่า แม้ทีมไทบ้านจะมีแต่คนดังๆ กันแล้วทุกวันนี้ ไล่ตั้งแต่ดารายันผู้กำกับ แต่พวกเขาไม่น่าจะยอมให้การตลาดครอบงำจนเสียตัวตนแน่ๆ เพราะในโต๊ะประชุมมีคนรู้เรื่องศิลปะการเล่าเรื่องเกินครึ่งแน่นอน
อัลบั้มภาพ 48 ภาพ