ชาดทาปาก หลากเฉดสีในกล่องที่แม่แก้ว แม่ปรางจากละคร พรหมลิขิต หยิบดูกัน ทำมาจากอะไร

หลังจาก พรหมลิขิต EP.5 ออกอากาศไป มีอยู่ฉากหนึ่งที่แม่แก้ว และ แม่ปราง ลูกสาวของแม่การะเกด เปิดกล่องดูแผ่นชาด ข้างในกัน และเลือกสีที่เข้ากับอีกฝ่ายให้ กระดาษเหล่านั้นคือ ชาดทาปาก ใช้เหมือนลิปสติกในปัจจุบัน ออเจ้าสงสัยกันหรือไม่ว่า ชาดทาปาก ทำจากอะไร

ชาดทาปาก ทำจากอะไร

ชาด หรืออีกชื่อหนึ่งเรียกว่า ชาดลิ้นจี่ (สีแดงเหมือนสีลิ้นจี่) เป็นสีแดงที่มาจากแมลงชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า แมลงอินจีเพศเมียที่มีตัวอ่อนอยู่ในท้อง โดยนำแมลงตัวเมียมาอบให้แห้ง จะได้เม็ดเล็กๆ สีเงิน เมื่อนำมาบดก็จะได้สีแดง ฉาบลงบนกระดาษบางๆ วิธีใช้คือเม้มปากลงบนกระดาษให้สีติดริมฝีปากทั้งบนและล่างในครั้งเดียว

ว่ากันว่า ไทยนำเข้าชาดทาปากจากจีน ซึ่งชาวจีนใช้ชาดในการทาปากสีแดงสำหรับนักแสดงเล่นงิ้ว

อย่างไรก็ตาม อีกข้อมูลหนึ่งก็ระบุว่า ชาด อาจมาจากดอกไม้ที่มีสีแดง หรือสีแดงจาก ผลผังปลังแดง

ชาด นอกจากจะใช้ทาปากแล้ว ยังใช้ทาพวงแก้มให้มีสีแดงระเรื่อได้ด้วยเช่นกัน

พรหมลิขิต

ปากแดง ฟันดำ ค่านิยมความสวยของสาวอยุธยา

จริงๆ แล้ว ในสมัยอยุธยา สาวๆ นิยมให้ตัวเองฟันดำจากการกินหมาก ฟันดำหมายถึงความสวยที่มาพร้อมกับอายุที่โตเป็นสาวมากขึ้น ในสมัยนั้นหากใครฟันขาว จะถูกมองว่าเป็นเด็ก หรืออาจจะเป็นผีเลยทีเดียว

ค่านิยมฟันดำยังอยู่กับชาวสยามไปอีกนาน จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเพิ่งเริ่มมาขัดพระทนต์ให้ขาวตามแบบฝรั่ง เมื่อเสด็จไปยุโรปครั้งแรก เพื่อปรับตัวให้เป็นไปตามอารยประเทศที่จะเสด็จไปเยือน ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวยิ่งชัดเจนว่าเริ่มมีค่านิยมในฟันขาวมากขึ้น และเริ่มเห็นว่าฟันดำเป็นสิ่งที่ไม่สวยงาม จนกระทั่งสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ถือเป็นจุดเปลี่ยนเรื่องสีฟันอย่างจริงจัง เพราะรัฐบาลได้ออกประกาศชักชวน (เชิงบังคับ) ให้เลิกกินหมาก มีการชี้แจงโทษของการกินหมาก หมากไม่ได้เพิ่มความงามประการใดให้แก่วงหน้า แต่กลับทำให้หน้ากร้าน และดูแก่เกินอายุอีกด้วย

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ชาวสยามจึงค่อยๆ เริ่มนิยมฟันขาวมากกว่าฟันดำ และคนเริ่มหยุดกินหมากกันโดยถาวรนับจากนั้นเป็นต้นมา

อัลบั้มภาพ ชาดทาปาก ทำจากอะไร ลิปสติกสมัยอยุธยาใน “พรหมลิขิต” ภาพที่ 6 / 10

ชาดทาปาก ทำจากอะไร ลิปสติกสมัยอยุธยาใน “พรหมลิขิต”