เต็งหนึ่ง ซีเรียส ลดบทบาทแค่พระรอง
เคยเล่นแต่บทพระเอก พอมารับบทเป็นพระรอง ทำเอา "เต็งหนึ่ง กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์" ถึงกับซีเรียสยกใหญ่ เพราะลงทุนทิ้งงานนักร้องหันมาเป็นนักแสดงเต็มตัวได้เป็นพระเอกแค่เรื่องสองเรื่อง ก็ต้องมารับบทเป็นพระรองซะแล้ว ในละครเรื่องล่าสุด "เพลิงพรหม"
"ผมว่าก็โอเค.นะเป็นพระเอกบ้างพระรองบ้าง เมื่อก่อนผมเคยซีเรียสมาก คนจะมองเรายังไง แล้วมันดันมีข่าวออกมาด้วยว่าผู้ใหญ่ไม่สนับสนุนผมแล้ว จริงๆ แล้วมันไม่ใช่ ผมก็ยังมีละครต่อเนื่องเหมือนเดิม ทำให้ผมไม่ต้องมานั่งคิดมากเรื่องพวกนี้ ไม่ต้องมานั่งคาดหวัง และพอความคาดหวังมันน้อยลงทำให้เราได้เต็มที่กับการทำงาน เพราะบางทีเรากดดันตัวเองหรือคนอื่นมาคาดหวังว่าเราเป็นพระเอกทำให้เรากดดันว่าเอ๊ะ...เราจะทำออกมาได้ดีหรือเปล่า พอวันหนึ่งที่เราเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัวแล้วบทไหนก็ตามเราก็เลยรู้สึกสบายใจในการเล่นมากขึ้น ซึ่งผมคิดได้เองนานแล้ว และมาจากแฟนคลับด้วย เพราะไม่ว่าเราจะเล่นบทไหนเขาก็ยังติดตามเราอยู่ แล้วผู้ใหญ่ก็ชื่นชมว่าบทนี้เราเล่นได้ดีมาก จนเรารู้สึกว่าแล้วเราจะมานั่งเครียดทำไมว่าจะต้องเป็นพระเอก
ตอนนี้ผมว่าอยู่ที่ฝีมือแล้วล่ะ เราต้องพัฒนาฝีมือ เพราะการจะอยู่ในวงการนี้ได้นานๆ ต้องใช้ฝีมือแล้ว พวกพี่ๆ นักแสดงก็สอนผมตลอดว่าจะไปซีเรียสทำไม เราเล่นบทอะไรก็อยู่ที่ตัวเราว่าจะเล่นออกมาได้เด่นแค่ไหน บางทีพระรองยังถูกพูดถึงเยอะกว่าพระเอกก็มีเยอะแยะไป ผมเคยเล่นบทร้ายในละคร "พ่อหนูเป็นซูเปอร์สตาร์" เชื่อมั้ยว่ามีคนพูดถึงเยอะกว่าตอนที่ผมเล่นเป็นพระเอกในเรื่อง "มือนาง" ซะอีก ไปไหนคนบอกทำไมเล่นร้ายจังเลย แสดงว่าคนจำผมได้จากบทนี้จากบทร้าย
แต่ผมคิดว่าตอนที่ผมได้เป็นพระเอกเต็มตัวเป็นช่วงเวลาที่ยิ่งใหญ่สำหรับผมนะ แต่อาจจะเป็นช่วงที่เราไม่พร้อมเต็มที่ แต่วันหนึ่งที่ช่องเห็นว่าเราพร้อมก็จะมีโอกาสดีๆ กลับมาเอง ผมเห็นพี่ๆ นักแสดงหลายคนรับรางวัลทุกคนมีฝีมือทั้งนั้น เราอยู่ตรงนี้ก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ถ้าผู้ใหญ่เห็นว่าเราพร้อมเมื่อไหร่หรือโอกาสมีเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน ส่วนงานเพลงผู้ใหญ่ก็มีคุยเรื่อยๆ ถามว่าเป็นไงเบื่อหรือยังกับนักแสดง อยากกลับมาร้องเพลงหรือเปล่า ผมบอกเมื่อไหร่พร้อมก็ทำได้เพราะชอบอยู่แล้ว แต่ผมไม่รีบ แต่ถ้ามีโอกาสผมก็ทำ แต่จะให้กลับไปทำเต็มตัวเหมือนเมื่อก่อนก็ยากแล้วล่ะเพราะคิวเราไปอยู่ตรงละครแล้ว"