หม่อมน้อย รีเมคหนัง ชั่วฟ้าินสลาย ครั้งที่ 4
ถือเป็นการนำกลับมาสร้างใหม่เป็นครั้งที่ 4 ในรอบ 30 ปี (ถัดจากเวอร์ชั่นท้ายสุดเมื่อปี พ.ศ. 2523) ด้วยฝีมือสุดละเมียดของผู้กำกับชั้นครู หม่อมน้อย-ม.ล. พันธุ์เทวนพ เทวกุล ซึ่งได้ย้ำถึงการดัดแปลงวรรณกรรมอมตะของ เรียมเอง หรือ มาลัย ชูพินิจ บรมครูแห่งวงการวรรณกรรมไทย ในครั้งใหม่นี้ว่า ตนให้ความเคารพในบทประพันธ์และสร้างอย่างใกล้เคียงต้นฉบับมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซึ่งจะให้ทั้งความบันเทิงและสะท้อนแง่คิดคติสอนใจอย่างร่วมสมัยด้วย
คือสำหรับ ชั่วฟ้าดินสลาย เนี่ยเป็นเรื่องที่เราประทับใจแล้วก็ชอบมาก เมื่อต้องนำมาสร้างใหม่อีกครั้งก็รู้สึกว่าเป็นภาระที่หนักอยู่เหมือนกันว่าจะทำยังไง ให้มันออกมาดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ ก็ต้องกลับไปศึกษางานของ ครูมาลัย ชูพินิจ อีกครั้งหนึ่ง โดยที่คิดว่าจะรักษาวรรณกรรมเรื่องนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ การดำเนินเรื่องเลยจะใกล้เคียงกับในหนังสือมากกว่าในเวอร์ชั่นอื่นๆ ที่เคยทำมา อาจพูดได้ว่าเรารักษาบทประพันธ์ไว้ 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว จะมีเพิ่มหรือขยายความขึ้นก็ไม่มากนัก เพราะมันเกิดจากบทประพันธ์ที่ดีเหลือเกิน ทั้งเนื้อหาสาระและอารมณ์ของเรื่อง มันสมบูรณ์มาก ไม่เพียงแต่สนุกในแง่เรื่องราวที่น่าติดตามอย่างเดียว ไม่ใช่แค่ประเด็นพระเอก เป็นชู้กับเมียของอาเท่านั้น แต่มันมีคติสอนใจที่สะท้อนว่ามนุษย์เป็นทาสของกิเลสตัณหาโดยไม่รู้ตัว อันนี้ก็ถือเป็นแก่นหลักของหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเชิงความรัก เพราะมนุษย์เราพอเกิดมีความรักก็จะเกิดความผูกพันอยากใกล้ชิดกับสิ่งที่ตัวเองรัก แรกๆ ก็จะเป็นสุขดี แต่ต่อๆ มามันก็จะเริ่ม
เบื่อหน่ายแล้วก็ต้องการอิสระ เพรารมชาติของมนุษย์ก็คือเกิดคนเดียวและตายคนเดียว มนุษย์มีอิสรภาพ ตรงนี้เป็นสัจธรรม คือไม่ว่าสภาวะทางสังคมจะเปลี่ยนไปอย่างไร หรือความเจริญก้าวหน้าจะเป็นเช่นไร มนุษย์ก็ยังคงเป็นมนุษย์ที่ยังมีกิเลสตัณหาในทุกยุคทุกสมัย เพราะฉะนั้นเนี่ยแก่นแท้ของท่านก็ยังคงไม่มีคำว่าเชยเกิดขึ้นแน่นอน
ถึงแม้จะเขียนเมื่อเกือบ 70 ปีที่แล้วก็ตาม หนังเรื่องนี้จึงท้าทายให้คนยุคปัจจุบันมาดูเป็นอย่างยิ่งภาพยนตร์โศกนาฏกรรมรักอันยิ่งใหญ่ ชั่วฟ้าดินสลาย กำลังขะมักเขม้นตัดต่ออยู่ในขั้นตอนสุดท้าย และมีคิวลงโรงฉาย 16 กันยายนนี้แน่นอน