ต่าย ชุติมา เผยประสบการณ์ หนีตามกาลิเลโอ
ในเรื่องรับบทเป็นอะไร?
''ในเรื่อง หนีตามกาลิเลโอ ก็รับบทชื่อ ''เชอรี่'' แคแรกเตอร์ก็เป็นคนห้าวๆ ลุยๆ รักเพื่อนมาก มั่นใจในตัวเองสูง แล้วก็เป็นคนดื้อๆ บางทีเชอรี่จะชอบทำตัวแหกกฎ แต่ไม่ใช่เพราะขวางโลกหรืออะไร เพียงแต่เชอรี่จะชอบคิดว่า ''ไม่เห็นเป็นไรเลย เรื่องแค่นี้เอง'' อะไรแบบนี้มากกว่า แต่สุดท้ายหนังก็จะบอกนั่นแหละว่า ที่เชอรี่คิดว่าไม่เป็นอะไรน่ะ ที่จริงมันเป็นอะไรมากเลย และการแหกกฎของเชอรี่ก็เป็นที่มาของเรื่องราวทั้งหมดในหนังเรื่องนี้ ถ้าถามว่าต่ายมีมุมไหนที่เหมือนหรือต่างกับเชอรี่บ้าง... ความเหมือนก็คงเป็นเรื่องการให้ความสำคัญกับเพื่อน ติดเพื่อน รักเพื่อน แต่ส่วนที่ต่างกันอย่างชัดเจนคือ เชอรี่จะห้าวและกล้ากว่าต่ายเยอะ เชอรี่จะเป็นคนที่คิดอะไรแล้วก็ลุยเลย หลายอย่างที่เชอรี่ทำในหนังเรื่องนี้ ถ้าเป็นตัวต่ายจริงๆ จะไม่กล้าทำ''
มาร่วมงานกับ นิธิวัฒน์ ธราธร ผู้กำกับฯ ได้อย่างไร?
''เชื่อไหม ต่ายอยากเล่นหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้อ่านบท (หัวเราะ) ตอนนั้นพอรู้เรื่องคร่าวๆ ว่าเป็นเรื่องของผู้หญิง 2 คนที่ไปผจญภัยในยุโรปด้วยกัน พอเจอหน้าพี่ต้นก็บอกเขา ''พี่ๆ ให้หนูเล่นนะ'' แต่พี่ต้นบอก ''เดี๋ยวขอไปหาคนอื่นก่อนนะ'' โห! อะไร! ทำไมทำอย่างนี้! (งอนขำๆ) เราก็ปล่อยเขาหาไป 3 เดือน พอสุดท้ายเขาโทร.มาบอก ''ต่าย เข้ามาลองแคสต์หน่อย'' เราเลยเข้าไปเลย ตั้งใจเล่นเต็มที่ เพราะอยากเล่นจริงๆ ต่ายทำงานกับพี่ต้นครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกคือ Seasons Change เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย แน่นอนว่าพอเป็นพี่ต้นกำกับ มันก็ทำให้ต่ายไม่มีความลังเลอะไรเลย เพราะหนึ่ง เรารู้ว่าพี่ต้นเป็นผู้กำกับฯ ที่เก่ง เราเชื่อว่าเขาต้องทำให้หนังออกมาดีได้ และสอง การทำงานกับคนที่คุ้นเคยกัน รู้จักกันมาก่อน มันก็ทำให้เราทำงานง่ายขึ้นด้วย พี่ต้นเป็นผู้กำกับฯ ที่...เอาแต่ใจนิดนึง (ขำ) เป็นคนละเอียดมาก (เน้น) แต่เราก็เข้าใจแหละว่า เขาต้องการให้งานออกมาดี และถ้ามองในมุมกลับ การที่พี่ต้นเนี้ยบขนาดนี้ เวลาเขาให้ผ่านที มันก็ทำให้เรามั่นใจได้เลยว่า สิ่งที่เราทำไปจะต้องดีแล้วจริงๆ''
อ่านบทปุ๊บน้ำตาก็ไหลปั๊บ?
''จริงๆ ต่ายเป็นคนที่ร้องไห้ยากนะ แต่ตอนอ่านบทหนังเรื่องนี้ครั้งแรก ต่ายร้องไห้เลย มีอยู่ฉากหนึ่งที่โดนอย่างแรง ไม่ขอเล่านะว่าเป็นฉากไหน เพราะมันจะเป็นการเฉลยตอนจบของหนัง แต่เอาเป็นว่าเป็นฉากที่เกี่ยวกับเรื่องเพื่อนๆ นี่แหละ ตอนนั้นเราอยู่ในระหว่างการ Read Through (การที่ทีมงานทั้งหมดมารวมตัวกัน อ่านบท เพื่อทำความเข้าใจเรื่องทั้งหมดร่วมกัน) แล้วทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ร้องไห้กันหมดเลย แสดงว่ามันต้องเป็นฉากที่โดนจริงๆ ต่ายว่าหนังมีความน่าสนใจในหลายๆ อย่าง มันมีความโรแมนติก มีความตลก มีซึ้ง มีเรื่องครอบครัว มีเรื่องเพื่อน และยังมีเรื่องการผจญภัย การเดินทาง พูดรวมๆ ก็คือ มันตอบสนองความสนใจของคนที่เป็นวัยรุ่นในทุกแง่มุม''
ความไม่มั่นใจที่มาพร้อมกับความมั่นใจ?
''เรื่องความดี ความน่าสนใจของหนัง ต่ายมั่นใจอย่างไม่มีข้อสงสัย แต่ขณะเดียวกัน ลึกๆ แล้วต่ายยอมรับว่ามีความไม่มั่นใจอยู่เหมือนกันว่า เราจะเล่นได้ไหม เพราะมันเป็นบทที่ยากที่สุดตั้งแต่เคยเล่นมา
ถามว่าความยากของบทนี้อยู่ตรงไหน? ตอบได้เลยว่า ตรงที่ต้องร้องไห้นี่แหละ การร้องไห้ที่ต่ายต้องเล่นในหนังเรื่องนี้มันไม่ใช่การเค้นน้ำตาปล่อยโฮธรรมดา แต่มันมีทั้งการพูดไป-ร้องไห้ไป พูดๆ อยู่แล้วน้ำตาค่อยๆ ไหล แต่ต้องบังคับให้ไม่มีเสียงสะอื้นหลุดออกมา ที่โหดสุดคือ มีการดีใจแล้วน้ำตาคลอด้วย...คือ ต้องแค่คลอๆ นะ ไม่ใช่ไหล ขณะที่สีหน้าและแววตาก็ยังต้องแสดงออกถึงความดีใจด้วย...โอ๊ย! ยาก! เครียดเลยน่ะ..!''
อากาศในต่างประเทศที่ไปถ่ายทำเป็นอย่างไรบ้าง?
''เรื่องอากาศนี่ โอ้โฮ ต่ายแทบไม่อยากพูดถึง เราไปถ่ายช่วงหน้าหนาวพอดี แต่บางช่วง ตามบทแล้วมันจะต้องยังไม่ถึงหน้าหนาว เพราะฉะนั้นเราก็ต้องใส่แค่แจ็กเกตบางๆ เพื่อให้สมบทบาท แล้วคิดดู ใส่แจ็กเกตตัวเดียวขณะที่อุณหภูมิมัน -5 น่ะถ่ายๆอยู่ รู้สึกเหมือนจะตาย ทันทีที่คัตต้องรีบวิ่งกลับมาใส่เสื้อหนาวเพื่อรอการถ่ายเทกถัดไป ที่แย่คือ เวลาหนาวมากๆ มือมันจะสั่น ปากก็จะสั่น สั่นไปทั้งตัว แต่ยังต้องพูดบทให้ได้ด้วยนะ...เหนือคำบรรยายจริงๆ (หัวเราะ)''
เดินทางไกล...เพื่อใกล้บ้าน?
''ตอนอยู่อังกฤษ ต่ายเคยเห็นประโยคหนึ่งที่ชอบมาก คือ Travel is a means to an end. Home. ไม่รู้ว่าใครจะตีความประโยคนี้อย่างไร แต่โดยส่วนตัว ต่ายคิดว่ามันหมายความว่า ถึงเราจะออกเดินทางไปไกลแค่ไหน จะไปเจอประสบการณ์ใหม่ จะสนุกสนานอย่างไร แต่สุดท้ายเราก็ต้องกลับบ้าน เพราะมันเป็นที่ที่อบอุ่นและทำให้เรามีความสุขมากกว่าที่อื่นๆ''
ส่วนตัวแล้วชอบประเทศอะไร?
''ในทั้ง 3 ประเทศที่เราไปถ่าย ต่ายชอบอิตาลีมากที่สุด มันจริงอย่างที่ใครๆ เขาบอกกันเลยว่า นี่คือประเทศที่โรแมนติกสุดๆ อาคารบ้านเรือน ถนน ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาสวยหมด เรื่องหนึ่งของประเทศอิตาลีที่ต่ายชอบมาก คือ เขาจะพยายามรักษาอาคารเก่าๆ เอาไว้ให้คงสภาพเดิมให้ได้มากที่สุด โอเค อะไรมันเก่าจะต้องซ่อม เขาก็ซ่อมไป แต่รูปลักษณ์หน้าตาภายนอกเขาจะพยายามรักษาไว้ให้เหมือนเดิม เพราะถือว่ามันมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ถ้าให้ระบุว่าชอบเมืองไหนในอิตาลีที่สุด...ต่ายเลือกเวนิซ เราเคยแต่ได้ยินว่าเมืองนี้เต็มไปด้วยคลอง ผู้คนใช้เรือแทนรถ อยากไปเวนิซมาตลอด แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ไปเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรก พอไปเห็นจริง โอ้โฮ เมืองน่ารักกว่าที่เราเคยคิดไว้อีก...สุดยอดจริงๆ''
เล่นหนังเรื่องนี้ได้เรียนรู้อะไรบ้าง?
''สิ่งหนึ่งที่ต่ายได้เรียนรู้จากเรื่องของนุ่นกับเชอรี่ในหนังเรื่องนี้ก็คือ เพื่อนมีความสำคัญ และเราควรจะต้องรักษาความผูกพันและมิตรภาพเอาไว้''
สุดท้ายแล้วอย่างฝากบอกอะไรกับแฟนที่คอยติดตามผลงานอยู่?
''ต่ายคิดว่าหนีตามกาลิเลโอ น่าจะเป็นหนังที่วัยรุ่นชอบกัน เพราะมันมีทั้งเรื่องราวการผจญภัยใน 3 ประเทศที่หลายคนใฝ่ฝันอยากไป มีความโรแมนติก ความเศร้า-ซึ้ง ความตลก นอกจากนั้นยังนำเสนอเรื่องราวความสัมพันธ์ที่หลากหลาย คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน หนุ่ม-สาว และครอบครัวด้วย''