วิจารณ์ภาพยนตร์ โอปปาติก

วิจารณ์ภาพยนตร์ โอปปาติก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ถ้าหนังไทยจะมียอดมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตที่มีพลังพิเศษสักอย่าง แล้วให้ตัวละครนั้นๆ ได้รับพลังที่ว่าจากมนุษย์ต่างดาว ลูกอุกกาบาต แมงมุมที่ถูกดัดแปลงทางพันธุกรรม ฯลฯ หนังเรื่องนั้นๆ คงดูตลกพิลึกในสายตาคนไทย ด้วยเหตุที่เราคุ้นชินกันว่านั่นมันวัฒนธรรม (หนัง) ฝรั่งชัดๆ ดีไม่ดีจะถูกตำหนิด้วยว่าฝีมือ (โดยเฉพาะด้านสเปเชียล เอฟเฟ็คต์) ไม่ถึง แล้วยังอยากจะลอกเลียนฮอลลีวู้ดอีก

แต่ในเรื่อง "โอปปาติก เกิดอมตะ" ผู้กำกับฯ "ธนกร พงษ์สุวรรณ" ได้ดีไซน์ "โอปปาติก" ตัวละครของเขา โดยใช้แรงบันดาลใจจากการอ่านหนังสือเกี่ยวกับพุทธศาสนา ซึ่งเปิดคลังคำศัพท์พุทธดู ก็จะได้ความว่าโอปปาติกหมายถึง "สัตว์เกิดผุดขึ้น คือ เกิดผุดขึ้นมาและโตเต็มตัวในทันใด ตายก็ไม่ต้องมีเชื้อหรือซากปรากฏ เช่น เทวดาและสัตว์นรก เป็นต้น ; บาลีว่า รวมทั้งมนุษย์บางพวก" ซึ่งการอิงรากความเชื่อทางพุทธ ที่คนไทยผูกพันแน่นแฟ้นมายาวนาน น่าจะมีส่วนทำให้ตัวละครที่ได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมีชีวิตพิเศษในหนัง ไม่ดูแปลกปลอมไปจากการรับรู้ของคนไทยเท่าไหร่นัก ยิ่งธนกรถอดความเชื่อทางพุทธมาปั้นเป็นคุณลักษณะพิเศษของตัวละคร (นามธรรมสู่รูปธรรม) ยิ่งทำให้ผู้ชมที่รักการต่อยอดตีความ เฝ้ามองการใช้ชีวิตและพฤติกรรมของเหล่าโอปปาติกในเรื่องอย่างเพลิดเพลินมากขึ้นด้วย "จิรัสย์" "(สมชาย เข็มกลัด)" โอปปาติกผู้เป็นอมตะ แต่จริงหรือที่การไม่ตาย และการได้เห็นผู้เป็นที่รักจากไปครั้งแล้วครั้งเล่าคือความสุขหรือสุดยอดปรารถนาของมนุษย์? "ไปศล" "(ชาคริต แย้มนาม)" รู้จุดตายของคู่ต่อสู้ ประเภทยิงปืนนัดเดียวก็พิฆาตศัตรูได้ ทว่าทุกครั้งที่เขาฆ่าคน บาดแผลและความเจ็บปวดนั้นก็จะคืนสนองเขาในทันที ดังคำพุทธที่เราเข้าใจ (แต่มักไม่เข้าทำ) ว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมสนอง "เตชิต" "(ลีโอ พุฒ)" ถูกเรียกว่าเป็น "คุณนักสืบ" ตั้งแต่ยังไม่สิ้นลม เพราะเขาช่างอยากรู้อยากเห็นเหลือเกินว่าโลกแห่งความตายเป็นเช่นไร ครั้นพอตายไป เขาก็ได้รับพลังพิเศษคืออ่านใจคนได้ ตอนนี้เขาจึงได้รู้ทุกอย่างที่ตัวต้องการ ทว่ามันก็ต้องแลกกับการค่อยๆ สูญเสียประสาททั้ง 5 ในทุกครั้งที่ใช้พลังนั้นด้วย บางทีการไม่ต้องรู้ทุกเรื่อง หรือแกล้งโง่เสียบ้าง อาจจะทุกข์ทนเจ็บปวดน้อยกว่านี้ก็ได้ อย่างที่พุทธมีคำว่า "อจินไตย" แปลว่าสิ่งที่ไม่พึงคิด คือไม่อาจรู้ได้ด้วยการคิด หากขืนคิดเพื่อให้รู้ให้ได้ ก็จะกลายเป็นความเครียดจนถึงขั้นบ้าเสียสติ เหล่านี้เป็นแค่ตัวอย่างเท่านั้น เพราะหนังยังมีตัวละครอีกมากให้เราได้ "อ่าน" ทั้งนี้ การอ่านดังว่าน่าจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์และภูมิรู้ของแต่ละคน เนื่องจากหนังไม่ได้ป้อนคำอธิบายความชัดเจน อีกทั้งไม่ได้เล่าความเป็นมาเป็นไปของตัวละครให้กระจ่างใจผู้ชมเท่าไหร่นัก

เช่นเดียวกับประโยคในหนังว่า "คุณเชื่อในโลกหน้าไหม, เราทุกคนล้วนแสวงหา แต่ไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังหาคืออะไร, แค่ความรักยังไม่เพียงพออีกหรือ" ฯลฯ ซึ่งก็ฟังดูลึกซึ้งคมคาย ทว่าหากอยากได้อะไรจากมัน ก็คงต้องนำกลับมาคิดต่อเองที่บ้าน เพราะขณะนั่งอยู่ในโรง หลายคนน่าจะจับต้นชนปลายไม่ถูก เพราะเอาแค่ใครเป็นใครมาจากไหนก็ยังลำดับความได้ไม่ครบ เพราะอย่างนี้ หนังจึงเสี่ยงต่อการถูกตราหน้าว่า "ดูไม่รู้เรื่อง" อย่างยิ่ง และบังเอิญการ "ดูหนังเอาเรื่อง" (ไม่ใช่เอาอารมณ์) ก็เป็นวัฒนธรรมหลักของคนไทยส่วนใหญ่เสียด้วย แต่หากลองเปิดใจให้กว้างสักนิด เก็บสาระในหนังมาให้ได้มากๆ แม้จะปวดหัวสักหน่อย "โอปปาติกฯ" ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งความบันเทิง (ที่ไม่ได้แปลความได้แค่ว่าต้องหัวเราะหรือลุ้นจนอกแตก) สำหรับคุณได้เหมือนกัน ที่อยากเตือนล่วงหน้าอีกประการ คือ หนังเรื่องนี้ไม่น่าจะเหมาะกับเด็กเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากจะคิดตามไม่ทันจนหมดสนุก หนังยังฆ่ากันเลือดสาดอีกด้วย สำหรับคนรักสุขภาพ หนังอาจทำร้ายโสตประสาทของคุณได้เช่นกัน เพราะเสียงปืนในฉากแอ๊คชั่นที่กินความยาวเกินครึ่งเรื่อง ดังจนบางครั้งอดเอามืออุดหูไม่ได้ สำหรับคนชอบแอ๊คชั่น จะบอกว่าหนังเรื่องนี้มีคิวบู๊แปลกๆ ให้ดูก็คงไม่ใช่ ที่สวยประหลาดน่าจะเป็นฉากที่ใช้บู๊ (และใช้ทำอย่างอื่น) กันมากกว่า โดยฉากในหนังใช้แสงและสีมืดทึบทั้งเรื่อง นัยว่าจะสื่อให้เห็นถึงด้านมืดในใจมนุษย์ตามสไตล์หนังฟิล์มนัวร์ ซึ่งก็ออกมาดูงามแปลกตาดีอย่างที่บอก ในส่วนของสเปเชียล เอฟเฟ็คต์ก็นับว่าทำได้ดีไม่ขี้ริ้วหลอกตา โดยรวม "โอปปาติกฯ" อาจไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์พร้อม และอาจจะไม่สนุกตามความหมายที่คุ้นเคยกัน แต่อย่างน้อยๆ นี่ก็คือความแปลกใหม่ที่คนทำหนังไทยคนหนึ่งได้เสนอแก่คุณ (ที่ได้ดูแต่หนังผี ตลก กะเทยมายาวนานเหลือเกิน)ซึ่งก็หวังว่าเขาผู้นี้ จะไม่พ่ายแพ้แก่กระแส (รส) นิยมของคนหมู่มาก จนต้องหันเหไปทำหนังตระกูลยังไงก็ได้ตังค์ เพราะนั่นอาจจะดูเป็นเส้นทางที่ปลอดภัย (ในแง่กำไร-ขาดทุน) ก็จริง "แต่การเลือกเส้นทางนั้น อาจทำให้ใครหลายคนมองอย่างผิดหวังว่า ที่กำลังยกเท้าอยู่ไม่ใช่การก้าวไปข้างหน้า ทว่ามันคือการย่ำลงบนตำแหน่งเดิมต่างหาก" จากหนังสือพิมพ์

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ

อัลบั้มภาพ 8 ภาพ ของ วิจารณ์ภาพยนตร์ โอปปาติก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook