วิจารณ์ภาพยนตร์ Free Zone
ลองหลับตานึกภาพว่าหากหนังสักเรื่องจะเปิดฉากด้วยเพลงอาหรับจังหวะสมัยใหม่แว่วเข้าหูคุณพร้อมกลับเสียงที่ดังรัวขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่มีภาพของนักแสดงสาว นาตาลี พอร์ทแมน กำลังทำอารมณ์บีบคั้นสุดๆ โดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เราอาจคิดไปได้เรื่อยเปื่อยว่า หากหนังไม่พาเราข้ามเขตเวสท์แบงค์เพื่อนำเราไปสูดกกลิ่นควันปืนและซากหายนะ ก็ไม่พ้นมุมมองเดิมๆ ในเรื่องของเชื้อชาติบนแผ่นดินที่ยังไม่มีสิ่งใดเข้ามาเปลี่ยนแปลงทัศนคติเดิมตามธรรมเนียมท้องถิ่นที่สืบต่อกันมาหลายชั่วคน
แต่มีข้อแม้อยู่ว่า คุณต้องใช้เวลาต่อจากนี้ร่วม 9 นาที (จากการจับเวลาด้วยตัวเองอย่างไม่เป็นเอกฉันท์) นั่งเพ่งมองคราบน้ำตาไหลเยิ้มมาสคาร่าของสาวนาตาลีจนย้อยลงอาบแก้มเพื่อรอให้ทุกอย่างดำเนินต่อไป หากความอดทนของเราผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ คำถามแรกที่อาจไม่ใช่คำถามเจาะจงนักของ Free Zone จึงอยู่ที่ว่า เราพร้อมหรือยังที่จะให้เธอ...และหญิงสาวที่กำลังจะก้าวเข้ามามีบทบาทร่วมกันอีก 2 คนที่เหลือ นำเราไปสู่ดินแดนแห่งนั้น
ผู้กำกับชาวอิสราเอล อามอส กิตาอี ร่วมเปิดเผยให้เราฟังผ่านการพูดคุยซักถามในโอกาสที่เดินทางมาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติกรุงเทพครั้งที่ 5 ระหว่างที่ Free Zone เปิดฉายในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถึงความยากง่ายและเสียงสะท้อนหลากหลายที่ได้รับหลังจากหนังออกฉายครั้งแรกเมื่อปี 2005 (ปีที่ Thelma & Louise ลาโรงไปแล้วประมาณ 14 ปีเศษ) ทว่าจุดใหญ่ใจความของ Free Zone ไม่ได้อยู่ที่การเตือนความทรงจำในบริบทของหนัง road movie หลายๆ เรื่องที่ผ่านมา แต่เป็นการค่อยๆ แทรกซึมเข้าสู่สัมพันธภาพที่ต่างไปจากหนังเรื่อง Kippur (1999) และอีกหลายต่อหลายเรื่องที่เขาเคยทำไว้เป็นเครื่องเตือนใจท่ามกลางไฟสงคราม
ใน Free Zone เราจึงพบเห็นความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันทั้งโดยสมัครใจ และโดยความจำเป็นบังคับในหลายแง่ห็นของ Free Zone นับตั้งแต่ตัวละครรีเบคก้า ของนาตาลี พอร์ทแมน บีบน้ำตาคร่ำครวญอยู่บนรถแท็กซี่ โดยมีสาวใหญ่ใจนักเลงเจ้าของแท็กซี่ที่ชื่อฮันนา เป็นสารถี โดยจุดมุ่งหมายของทั้งคู่อยู่ข้ามพรมแดนอิสราเอลออกไป หนึ่งสาวอยากหนีหัวใจที่สับสนหลังสลัดรักจากคู่หมั้น ทว่าอีกหนึ่งสาวต่างกันตรงที่ความจำเป็นทำให้เธอต้องข้ามพรมแดนเพื่อตามหาลูกหนี้ฟังดูชอบกลในความรู้สึก แต่เบื้องลึกของหนัง road movie เรื่องนี้ค่อยๆ แย้มออกมาให้เราเห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างทางนั้นเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ อาจอยู่ที่เจตนาหรือความบังเอิญของชะตาชีวิต หรือตัวเราเองที่ลิขิตเจตนานั้นๆ ให้เกิดขึ้น ทุกอย่างเป็นไปได้เสมอ แม้มองออกไปนอกหน้าต่าง ทุกย่างก้าวของผู้คนในตลาดรถมือสองที่ฟ้องถึงสภาพเศรษฐกิจท้องถิ่น ณ เมืองนั้น ก็ยังไม่วายเกี่ยวพันกับตัวละครในเรื่องที่หากินอยู่กับธุรกิจค้ารถมือสอง ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่เม็ดดินเม็ดทรายคือตัวละครที่คาบเกี่ยวสัมพันธ์ เพื่อเชื่อมโยงเราสู่รอยต่อที่ชื่อ Free Zone บริเวณพรมแดนของประเทศจอร์แดน เขตที่ใครต่อใครถวิลหา แต่สำหรับพวกเธอ มันกำลังจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงชั่วข้ามคืน
การเดินทางของสองสาวสองวัยอาจจบลงตรงที่ใครคนใดคนหนึ่งไปถึงจุดหมายโดยสวัสดิภาพหรือบรรลุความต้องการแล้ว หากฮันนาตามทวงหนี้สำเร็จ รีเบคก้าอาจจะไปจบค่ำคืนอันอ่อนล้าตรงที่โมเต็ลเล็กๆ หรือโรงแรม หรือที่พักของครอบครัวเธอตามข้างของพ่อผู้เป็นยิวอิสราเอล แต่เรื่องไม่จบง่ายๆ แบบนั้น ซ้ำยังมีตัวแปรสำคัญที่เข้ามา พลิก สถานการณ์ต่อจากนี้โดยสิ้นเชิง ไลลา (โดยนักแสดงอิสราเอลมากฝีมือ ฮิอาม อับบาส) คือสาวใหญ่อีกคนที่นำความยุ่งเหยิงมาสู่หนังจนกระทั่งตอนจบ แม้ในบางครั้งเธอก็ยังเป็นตัวขโมยซีนอย่างไม่ตั้งใจ บทสนทนาระหว่างเธอกับฮันนาที่ไม่สิ้นสุดในตอนท้าย เป็นอีกกิมมิคหนองผู้กำกับ กิตาอี ที่แอบใส่อีกด้านของความ สัมพันธ์ ระหว่างคนอิสราเอลและคนปาเลสไตน์ลงไปแบบมีชั้นเชิงอย่างยิ่งโดยมีนัยว่า การโต้เถียงที่ไม่มีวันจบสิ้นของอิสราเอลและปาเลสไตน์คือสิ่งที่โลกจะได้เห็นว่า มันมีแต่การประหักประหารและไม่มีการลดราวาศอกให้กัน...แม้แต่การโต้ตอบกันบนรถคันเล็กๆ ก็ยังไม่เว้น
จากเค้าโครงภาพยนตร์ที่เสริมส่งบวกกับความดิบในการแสดงด้วยไดอะล็อกที่คิดขึ้นเองโดยไม่มีการคิดพล็อตใดๆ ฮันนา ลาสโล จึงคว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 2005 ไปครอง นี่อาจเป็นสิ่งเดียวของหนังเรื่องนี้ที่หลายคนไม่ตั้งคำถาม แม้บางครั้งน้ำหนักของคำพูดระหว่างตัวละครด้วยกันอาจไม่โดดเด่นจูงใจเท่าใดนัก บางคนบอกว่าหนังเรื่องนี้จบแบบไม่จบ บางคนเอ่ยอย่างเซ็งๆ ว่าเสียเวลาดู แต่บางคนก็ขนลุกซู่ทุกครั้งที่เพลง Had Gadia (หรือ Chad Gadya เพลงคติพื้นบ้านในภาษาฮิบรูว) ดังขึ้น แต่ผู้กำกับอามอส กิตาอิ ก็พูดได้น่าสนใจในระหว่างเสวนาถามตอบร่วมกับผู้ชมในโรงวันนั้นว่า เขาทำหนังเรื่องนี้เพื่อคนดูทุกคน ฉะนั้นเขาจึงไม่จำเป็นให้หนังต้องจบตามที่ใจเขาปรารถนา เราทั้งหลายที่เป็นผู้ชม จึงสามารถเขียนบทสรุปของหนังเรื่องนี้ตามที่ใจตัวเองต้องการอย่างมีอิสระ...เจตจำนงค์ของบทสรุปใน Free Zone อาจมีเท่านั้นจริงๆ
วิจารณภาพยนต์
โดย seijun