วิจารณ์ภาพยนตร์ Hula Girls
คงไม่ผิดหากจะบอกว่า Hula Girls เป็นหนังมหาชนของชาวญี่ปุ่นอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะได้ตำแหน่งภาพยนตร์ขวัญใจประชาชน หนังยังกวาดรางวัลในบ้านตัวเองมาเพียบ แถมยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศ เมื่อต้นปีที่ผ่านมาอีกด้วย (แม้จะชวดรางวัลไปก็เถอะ)
Hula Girls ดัดแปลงมาจากเหตุการณ์จริง ที่เกิดขึ้นในเมืองโตโฮกุ ราวปี ค.ศ. 1965 โดยเมืองนี้อยู่ในเขตชนบท ชาวบ้านเลี้ยงชีพด้วยการทำเหมืองถ่านหิน แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าสักวันแร่ธาตุในดินจะหมดไป ซึ่งเวลาต่อมาบริษัทเหมืองก็ปิดกิจการจริงๆ แล้วพวกเขาจะทำมาหากินด้วยวิธีไหนกันล่ะ?เทศบาลเมืองกับนักธุรกิจเดิม วางโครงการจะเปลี่ยนเมืองอุตสาหกรรมแห่งนี้ให้เป็นเมืองท่องเที่ยว และเพราะมีพื้นที่ติดทะเล พวกเขาจึงวางเป้าจะให้เมืองแล้งๆทึมๆ นี้เป็นฮาวายแห่งที่ 2 ชาวบ้านหลายคนไม่เห็นด้วย เพราะหัวเก่าเกินกว่าจะรับความเปลี่ยนแปลง ยิ่งพวกผู้หญิงยิ่งรับไม่ได้ใหญ่ เพราะพวกเธอจะต้องไประบำชาวเกาะเพื่อแสดงให้แขกที่จะมาเที่ยวดู ซึ่งหลายคนมองว่ามันทั้งโป๊ ทั้งยั่วยวนผิดขนบกุลสตรีเสียนี่กระไรจนครูสอนเต้นฮูล่าผู้โด่งดังอย่าง "มาโดกะ ฮิรายาม่า" (ยาสึโกะ มัตสึยุกิ) เข้ามาจึงทำให้ความคิดของใครหลายคนเปลี่ยนไป รวมถึงทำให้ความฝันของใครบางคนชัดเจนขึ้นด้วย
Hula Girls เป็นทั้งหนังกู้ชาติ (หมู่บ้าน), หนังครอบครัวไม่เข้าใจกัน, หนังที่เล่าถึงมิตรภาพของเพื่อน แต่ที่น่าประทับใจที่สุด น่าจะได้แก่ การเป็นหนังครู-นักเรียนนั่นเองถ้า "ครู" ไม่ได้แปลว่าผู้บอกตำรา แต่หมายถึงผู้ให้แรงบันดาลใจ และให้หลักในการดำเนินชีวิต มาโดกะก็คู่ควรแล้วกับการถูกเรียกว่าเป็นครู เพราะเธอได้จุดประกายให้สาวบ้านนาคนซื่อหลายคนและหลายวัยมีความฝันและความหวัง เธอให้วิชาแก่คนที่ไม่เป็นอะไรเลยกระทั่งกลายเป็นนักเต้นมืออาชีพ
ถูกแล้ว เธอสอนนักเรียนของตัวเองด้วยว่า คำว่า "มืออาชีพ" หมายความว่าอย่างไร และเธอก็ได้ยิ้มตื้นตันกับการเข้าถึงความเป็นมืออาชีพของนักเรียนเหล่านี้ด้วย
ในทางกลับกัน นอกจากมาโดกะจะเป็นครูให้ชาวบ้านเหล่านี้ พวกเขาก็ยังเป็นครูให้เธอด้วยเหมือนกัน จากคนที่ยึดติดกับชื่อเสียง และเกลียดความกันดารเข้าไส้ เธอก็ได้เรียนรู้จากคนเหล่านี้ว่าเมืองไม่สามารถให้ความรักที่บริสุทธิ์และชีวิตที่งดงามแก่เธอได้เท่าชนบทแห่งนี้ฉะนั้น จะเรียกเมืองโตโฮกุในยามนี้ว่าเป็นมหาวิทยาลัยสอนชีวิตให้ตัวละครทั้งหลายก็คงไม่ผิดนักและเพราะได้ถ่ายทอดจิตวิญญาณให้แก่กันอย่างที่ว่า ทั้งสองฝ่ายจึงมีความผูกพันกันอย่างลึกซึ้ง เมื่อครูสาวมาโดกะมีอันต้องจากเมืองนี้ไป เรื่องซาบซึ้งชวนเสียน้ำตาจึงเกิดแก่สายตาคนดูถ้าคุณเคยประทับใจกับหนังครู-นักเรียนเรื่อง Dead Poets Society โดยเฉพาะฉากสุดท้ายที่เหล่านักเรียนลุกขึ้นไปยืนบนโต๊ะ พร้อมร้องเรียกชื่อคุณครูผู้เป็นที่รักอย่างศรัทธา
ขอบอกว่าเรื่องนี้ก็มีฉากที่น่าจดจำในประวัติศาสตร์การดูหนังของคุณไม่แพ้กันมาโดกะสอนนักเรียนของเธอว่า ทุกท่วงท่าของการร่ายรำล้วนมีความหมาย ใช่จะสักแต่เต้นให้สวยงามหรือสนุกสนานไปวันๆ เมื่อเธอจะจากไป เหล่านักเรียนไม่ได้บอกว่าพวกเธอรู้สึกอย่างไร แต่กลับใช้ท่วงท่าที่ครูสอน มาบอกความนัยกับคนที่พวกเธอรักและผูกพันแทนนอกจากยาสึโกะ มัตสึยุกิ ที่รับบทเป็นครูสาวชาวเมือง นักแสดงที่น่าจดจำอีกคนก็น่าจะได้แก่ ยู อาโออิ เด็กสาวที่โด่งดังมาจากหนังที่เข้าฉายในบ้านเราแล้วเรื่อง All About Lily Chou-Chou และ Hana & Alice โดยเรื่องนี้เธอรับบทเป็น "คิมิโกะ" หนึ่งในนักเรียนหัวดื้อของมาโดกะ ซึ่งใครได้เห็นอาโออิในเรื่องนี้ ก็คงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่านักแสดงผู้นี้สวยสะดุดตาอย่างยิ่ง ในยามที่ถูกจับแต่งตัวแต่งหน้าเป็นนักเต้นระบำ ยิ่งตอนขึ้นไปวาดลวดลายบนเวที เธอคนนี้ยิ่งจะกลายเป็นที่รักของคนดูเข้าไปใหญ่แน่นอนว่าเธอ (และทุกคนในเรื่อง) จะทำให้คุณหลงรักหนังเรื่องนี้ ไม่แพ้ที่คนญี่ปุ่นทั้งประเทศหลงรักด้วย
ที่มาจากหนังสือพิมพ์