วิจารณ์หนัง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 3
ก็หายไปนานถึง 4 ปีด้วยกันเลยนะครับกับภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ เรื่อง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" ซึ่งตอนที่เป็นภาค 1 องค์ประกันหงสา และภาค 2 ตอน ประกาศอิสรภาพ เข้าฉายก็ทำรายได้ไปอย่างไม่ลืมหูลืมตาถึงภาคละ200 กว่าล้านบาท ตอนนั้น "ท่านมุ้ย" ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ประกาศว่า ภาค 3 จะออกฉายในปีเดียกวัน (2007) แต่จนแล้วจนเล่าก็ไม่ออกฉายเสียที เลื่อนแล้วเลื่อนอีกเพราะว่าถ่ายทำกันไม่ทัน
ในปีนี้ 2011 ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราชถ่ายทำเสร็จแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะยังมีรายละเอียดอีกเยอะ จึงทำให้ไม่ สามารถฉายเป็นภาคเดียวอย่างที่เคยประกาศไว้ได้ ก็เลยต้องแบ่งออกเป็น ภาค 3 และ ภาค 4 โดยในภาค3 ที่จะฉายก่อนนี้มีชื่อตอนว่า "ยุทธนาวี" กำหนดฉายปลายเดือนมีนาคม ส่วนในภาค 4 นั้นชื่อตอนว่า "ยุทธหัตถี" กำหนดฉายปลายเดือนเมษายน เราก็มาดูอีกทีซิว่า มันจะจริงตามนั้นหรือเปล่า
พูดถึงผู้กำกับอย่างท่านมุ้ย หรือ หม่อมเจ้าชาตรี เฉลิมยุคล ยอมรับว่า ท่านเป็นคนที่ละเอียดละออมาก ถ่ายทำแต่ละคัด เมื่อมาถ่ายทำต่อเมื่อไหร่ทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องเหมือนเดิมแป๊ะ จะต้องมีทีมงามมาคอยมาคไว้ตลอดเวลา ผมเคยดูการทำงานของท่านอย่างใกล้ชิดมาแล้วสมัยที่ท่านทำเรื่อง "ครูสมศรี" เพราะว่าเรื่องนี้คุณยายผมกับน้องชายผมได้เล่นด้วย ก็เลยรู้ว่าท่านเป็นคนที่ มีระเบียบมาก แต่ที่น่ารักสุดๆ ก็ตรงที่ท่านเป็นกันเองกับทุกคนไม่ถือตัวเลยครับ สำหรับเรื่อง ตำนานสมเด็จพระนเรศวรภาค 3 ตอน ยุทธนาวี นี้ ท่านประกาศไว้ว่า ได้ลงทุนไปทั้งหมด 940 ล้านบาท โดยงบส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล 376 ล้านบาท โดยรัฐบาลอ้างว่า เพื่อปลูกจิตสำนึกให้คนไทยเกิดความรักชาติ สามัคคี และกระตุ้นให้เกิดความภาคภูมิใจในชาติไทยเราเอง โดยผ่านกระทรวงพาณิชย์ 330 ล้านบาท ส่วนอีก 46 ล้านบาทได้จากกระทรวงวัฒนธรรม
สำหรับในภาคนี้ยังคงให้อารมณ์ร่วมเหมือนกับครั้งที่ดูภาค 2 ใหม่ๆ แต่ในภาคนี้มีศึกสู้รบเยอะกว่าภาค 2 อยู่มากทำให้ทุกฉากทุกตอนที่เรานั่งดูอยู่นั้น ไม่สามารถลุกไปไหนได้เลย ความสนุกของเนื้อเรื่องได้ดึงเราให้ติดกับเก้าอี้นั่งไม่ให้ไปไหน ถึงแม้จะมีฉากดราม่าเข้ามาผสมบางช่วงบางตอน ก็ไม่ทำให้น่าเบื่อ ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะอุปกรณ์ประกอบฉากที่มีมากมายเหลือเกิน รวมทั้งแต่ละฉากก็อลังการมาก ฉากสู้รบบางช่วงมีภาพสยดสยองอย่างเช่นหัวขาด หรือคนที่โดนเผาทั้งเป็น ถือเป็นฉากอันตรายสำหรับเด็กเล็ก แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นได้ในสงครามทุกๆ ที่ไป เพราะฉะนั้นผู้ปกครองที่พาเด็กเล็กเข้าไปควรแนะนำด้วย จะขอติติงสักนิดเกี่ยวกับเรือสำเภาจีน แม้ว่าฉากต่อสู้จะดูตื่นเต้นแต่ว่า ในส่วนของตัวเรือดูใหม่เหลือเกิน(รู้ว่า เพิ่งสร้างเสร็จมาใหม่ๆเพื่อเข้าฉากนี้) ดูแล้วมันไม่คลาสสิกเหมือนดูเรือรบ ในเรื่อง 3 ก๊ก เรือนั้นถึงเข้าจะสร้างใหม่ขึ้นมาเหมือนกัน แต่ดูแล้วเก่า เหมือนผ่านสนามรบมาแล้วหลายครั้งดูคลาสสิกดี ส่วนเรือสำเภาจีนในเรื่องนี้ ยิงตูมตามกันยักไงก็ไม่โดนเรือเลยสักแอะ โดยเฉพาะพายที่อยู่ด้านล่างอย่างเดียว (ส่งสัยต้องเซฟเรือไว้เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้ชมในโรงถ่ายเป็นแน่)
อีกช่วงหนึ่ง ผมไม่ได้ดูถูกพระปรีชาสามารถของพระนเรศนะครับ ตอนศึกทุ่งบางแก้ว ทหารพม่าราวแปดหมื่น แต่ทหารไทยที่ไปล่อหลอกไม่น่าจะถึง 50 คนด้วยซ้ำ (หรือว่าจริงๆ แล้วมากกว่านั้นแต่ในหนังเอาแค่นี้ก็พอ) แต่ทหารพม่าดันเชื่อไล่ตามมา อันนี้มันจริงหรือนี่..
ในฉากที่จะทำให้เห็นถึงความสูญเสีย ความเศร้า หน้าสลดใจ ที่มีผู้คนต้องตายมากมายกลับใช้ตัวละคร คอม ชวนชื่น เป็นตัวเดินเรื่อง น้าค่อมแค่เห็นหน้าก็ตลกแล้ว แล้วดันมีศพตกลงมาทำให้น้าค่อมต้องวิ่งแบบ ถ้าเป็นชาวบ้านก็ต้องเรียกว่า หางจุกตูด ฉากนี้ก็เลยดูเป็นขำไปเลย ไม่ได้เศร้า หรือสลด อย่างที่ต้องการจะสื่อไว้
ในด้านการแสดงผมไม่รู้จะพูดถึงใครดี เพราะว่านักแสดงมีมากเหลือเกิน และแต่ละคนก็แสดงได้ดีทั้งนั้น ผมเชื่อแล้วว่า ท่านมุ้ยคัดนักแสดงได้อย่างยอดเยียมมาก นักแสดงทุกคนตั้งใจแสดงเป็นอย่างมาก บางครั้งนักแสดงบางท่านก็มีฉากออกอยู่ไม่กี่ฉากเท่านั้น แต่ก็แสดงได้ดีสุดๆ เลยครับ
แค่ได้ดูฉากสู้รบอย่างศึกทุ่งบางแก้ว และฉากรบกับสำเภาจีน แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ ฉากอื่นๆ ไม่ต้องพูดถึง คุ้มสุดคุ้มครับ กับการนั่งดูเกือบ 3 ชั่วโมง
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ไปดูกันเถอะครับ เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ชื่อว่า เป็นภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทุนในการสร้างสูงสุดของไทย และทำรายได้แบบถล่มทลาย เป็นภาพยนตร์ที่ระดมนักแสดงมากที่สุด ใช้ทีมงานเยอะที่สุด และฉากยิ่งใหญ่อลังการเยอะที่สุด และความยิ่งใหญ่อลังการของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นการฏิวัติวงการภาพยนตร์ไทย เพียงแค่นี้คุณจะพลาดเรื่องนี้ได้เหรอครับ และก่อนที่เราจะได้ไปดู ภาค 4 ต่อ ในอีก 1 เดือนข้างหน้า ก็ขอฝากคำคมในเรื่องนี้ไว้ตรงนี้ก็แล้วกันนะครับ "อิสรภาพยากยิ่ง จะชิงคืนมา แต่ยิ่งยากกว่า หากจะรักษาไว้"
บทวิจารณ์โดย TCK tck05@sanook.com