วิจารณ์หนัง The Green Hornet
ตามจริงแล้วปักษ์นี้ผมตั้งใจจะแนะนำหนังรักโรแมนติกให้สักเรื่อง เพราะเพิ่งผ่านช่วงเทศกาลแห่งความรักมาไม่กี่วัน แต่พอดูโปรแกรมหนังในช่วงนี้แล้ว ทั้งๆ ที่เป็นเทศการแห่งความรัก แต่ก็หาหนังรักๆ สักเรื่องแทบไม่มี ที่มีอยู่หรือเพิ่งเข้าฉาย ก็เป็นหนังเกรด B เชื่อว่าคงอยู่ในโปรแกรมแค่สัปดาห์เดียวก็คงออกจากโปรแกรมแล้ว ก็เลยไม่อยากแนะนำ หันไปหันมาก็มีหนังอยู่แค่ 2 เรื่องเท่านั้นที่น่าแนะนำในช่วงนี้ เรื่องหนึ่งเป็นภาพยนตร์จีน ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเป็นภาพยนตร์จากฮอลลีวู้ด คิดไปคิดมาปักษ์นี้ขอแนะนำหนังจากฮอลลีวู้ดก็แล้วกันนะครับ
ภาพยนตร์ที่ว่านี้คือเรื่อง The Green Hornet หรือที่มีชื่อเป็นภาษาไทยว่า "หน้ากากแตนอาละวาด" เป็นหนังแนว ตลกแอ็คชั่น The Green Hornet เคยเป็นละครวิทยุที่อเมริกาในยุค 30 มาก่อน ต่อมาในยุค 60 ได้มีผู้นำมาสร้างเป็นซีรี่ส์ฉายทางทีวี ที่สงผลให้ชื่อของ บรูซ ลี ที่รับบทเป็น คาโต้ และ แวน วิลเลียมส์ ที่รับบท บริท ริ้ด ดังเป็นฟลุแตกในอเมริกามาแล้ว
สำหรับในเวอร์ชั่นที่เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์นี้ ได้ผู้กำกับมือดีอย่าง มิเชล กอนดรี้ มาเป็นผู้กำกับให้ สำหรับตัว มิเชล กอนดรี้เขาเป็นทั้งผู้กำกับภาพยนตร์, ผู้กำกับงานโฆษณา, และผู้กำกับมิวสิควีดีโอที่ได้รับรางวัลมาแล้วอย่างมากมาย ในส่วนของภาพยนตร์ที่สร้างชื่อเสียงให้เขาเป็นอย่างมากก็คือเรื่อง Eternal Sunshine of the Spotless Mind ชื่อไทยว่า "ลบเธอ...ให้ไม่ลืม" ซึ่งนำแสดงโดย จิม แคร์รี่ กับเคท วินสเล็ต คว้ารางวัลออสการ์ จากบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ในปี 2005 มาแล้ว
ก่อนหน้าที่ มิเชล กอนดรี้จะทำ The Green Hornet เขาก็ ได้ลองทำภาพยนตร์ ตลกแอ็คชั่น มาเรื่องหนึ่งคือ Be King Rewind "ใครจะว่า...หน้งข้าเนี๊ยะแหละเจ๋ง" ออกมาลองดูแต่ไม่ประสบผลสำเร็จสักเท่าไหร่นัก และเรื่อง The Green Hornet ถือเป็นหนัง "ตลกแอ๊กชั่น" เรื่องที่สองที่เขาลองทำออกมา ก็ต้องมาดูซิว่า เรื่องนี้จะแก้มือให้เขาในฐานะผู้กำกับ "ตลกแอ๊กชั่น" มือใหม่ได้หรือไม่
เรื่องย่อ บริท รี้ด (เชธ โรแกน) ลูกชายเจ้าพ่อสื่อที่โด่งดังที่สุดในแอลเอ ที่ใช้ชีวิตเสเพล ไร้จุดหมายไปวันๆ จนวันหนึ่งชีวิตกลับผกผัน เมื่อพ่อของเขา (ทอม วิลคินสัน) เสียชีวิตอย่างมีปริศนา และทิ้งอาณาจักรสื่อที่ยิ่งใหญ่ไว้ให้ บริท จึงเห็นว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายที่จะสร้างเป้าหมายในชีวิต จึงร่วมมือกับ คาโต้ (เจย์ โชว์) คนดูแลรถผู้แสนขยันในบริษัทพ่อของเขา บริท รี้ดใช้มรดกหลายพันล้านที่พ่อเขาทิ้งไว้ให้มาทำให้เกิดประโยชน์ ด้วยการต่อสู้กับอาชญากร โดยทั้งคู่คิดว่าวิธีการที่ดีที่สุดที่จะปราบพวกวายร้ายคือการปลอม ตัวเป็น อาชญากรเสียเอง พร้อมท้าทายกฎหมายด้วยการออกอาละวาดไปทั่วเมือง โดยใช้ชื่อว่า "The Green Hornet"
คาโต้ ใช้ความเป็น อัจฉริยะ และความคิดสร้างสรรค์ที่มีอยู่เต็มเปี่ยม สร้างสุดยอดอาวุธ แบล็ค บิวตี้ (The Black Beauty) รถยนต์ติดอาวุธขั้นร้ายแรง ที่ไม่มีใครทำลายล้างได้ จน The Green Hornet และ คาโต้ มีชื่อเสียงในชั่วข้ามคืน และด้วยความช่วยเหลือของ ลีนอร์ เคส (คาเมรอน ดิแอซ) เลขาคนใหม่ของ บริท พวกเขาก็เริ่มไล่ล่าตัว เบนจามิน ชัดนอฟสกี้ (คริสตอฟ วอลซ์) เจ้าพ่อผู้ควบคุมโลกด้านมืดของแอลเอไว้ในอุ้งมือ แต่ ชัดนอฟสกี้ ก็มีแผนการที่จะกำจัด The Green Hornet ให้สิ้นซากเช่นกัน
ในเรื่องของการแสดงของ เชธ โรแกน ที่มารับบท บริท ริ้ด ในเรื่องนี้คงไม่ต้องพูดถึงแล้ว เพราะว่าเราเคยเห็นผลงานของ โรแกนมาแล้วมากมายไม่ต่ำกว่า 10 เรื่องแน่นอน ซึ่งส่วนมากแล้วโรแกนก็มักได้รับบทตลกเช่นนี้เป็นประจำอยู่แล้ว เรียกว่างานสร้างเสียงหัวเราะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะเรียกคนดูได้ดีเลยทีเดียว นอกจากเรื่อง นี้เขาจะได้รับบทเด่นแล้ว เขายังพ่วงตำแหน่งคนเขียนบทให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้อีกตำแหน่งด้วยเรียกว่า เขียนบทเอง เล่นเองเลย แล้วใครจะรู้บ้างว่า โรแกน เคยเป็นผู้อำนวยการสร้าง มาแล้ว มีหลายเหตุผลที่ทำให้เขามีความสุขกับงานแสดงและเขียนบท ด้วยรายได้ในประเทศ กับภาพยนตร์สุดฮิตช่วงซัมเมอร์ที่เขาได้แสดงไว้สองเรื่องจะเป็นหนังที่ทำเงินทั้งสองเรื่อง โดยเรื่องแรก "Kuocked Up" ที่เขาแสดงประกับ แคทเธอรีน เฮเกล ทำรายได้ไปเกือบ 150 ล้านเหรียญ และเรื่องที่สอง "Superbad" ภาพยนตร์วัยรุ่นซึ่งเป็นหนังตลกกึ่งอัตชีวประวัติ ที่เขาเป็นคนเขียนบทเอง แสดงนำเอง และเป็นผู้อำนวยการสร้างเอง กวาดรายได้ไปเกือบๆ 120 ล้านเหรียญในอเมริกา
ใน ส่วนของ เจย์ โชว์ ที่มารับบท คาโต้ ผู้ชำนาญการเรื่องของรถในเรื่องนี้ ดูเกร็งๆไปสักหน่อย อาจจะเป็นเพราะว่า เจย์ โชว์ได้เข้าร่วมแสดงในแบบฉบับฮอลลีวู้ดแบบเต็มตัวเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ หรือไม่ก็เพราะว่าบทนี้ เคยเป็นของ บรูซ ลี มาก่อน ซึ่ง บรูซ ลี ก็แสดงไว้ดีมากเสียด้วย เจย์ โชว์ ก็อาจจะคิดว่า กลัวการแสดงของเขาสู้นักแสดงคนเก่าไม่ได้ก็เลยเกร็งๆไป แต่ถึงกระนั้น เจ ย์ โชว์ ก็ยังคงแสดงศักยภาพด้านการแสดงที่ทุ่มเทออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ให้สมกับเป็นนักแสดงแถวหน้าของเอเชียอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง จนให้แฟนคลับลำคาญใจแม้แต่นอน
ยังมีอีกสองคนที่ผมอยากจะกล่าวถึงคือ คาเมรอน ดิแอซ ที่รับบทเป็น ลีนอร์ เคส เลขาคนใหม่ของ บริท แม้เธอจะเล่นหนังมาแล้วหลายเรื่อง (The Mask เล่นกับ จิม แคร์รี่ ,The Last Supper เล่นกับ แอนน่าเบธ กิช รอน แอลดาร์ด โจนาธาน เพนเนอร์ และคอร์ดนี่ย์ บี แวนซ์, Feeling Minnesota เล่นกับ คีอานู รีฟส์ และ วินเซนต์ ดี โอโนฟรีโอ ) แต่เรื่องนี้ผมว่าเธอสวยเป็นพิเศษ แม้บทเรื่องนี้เธอดูจะน้อยกว่านักแสดงหลักทั้งสองคน แต่เธอก็ยังคงไม่ทิ้งมาดนักแสดงสาวมาดมั่นของเธอลงไปได้ คนสุดท้ายที่ผมอยากพูดถึงคือ คริสตอฟ วอลซ์ ที่รับบทเป็น เบนจามิน ชัดนอฟสกี้ เจ้าพ่อในด้านของความมืด ซึ่งเขาเคยได้รับรางวัลออสการ์จากเรื่อง Inglourious Basterds มาแล้ว คริสตอฟ วอลซ์ แสดงบทเจ้าพ่อมาเฟียได้สมบทบาทดีครับ การแสดงของเขาสมกับเป็นพวกอาชญากรที่โหดเหี้ยมได้ดีซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกไป ตามนั้นตลอดที่ชมภาพยตร์เรื่องนี้
สรุปแล้ว The Green Hornet เป็นภาพยนตร์ที่ดูได้เรื่อยๆ สบายๆ แม้ว่าช่วงกลางของเรื่องจะอืดๆหน่อย แต่ความสนุกตั้งแต่ต้นเรื่องและท้ายเรื่องก็ทำให้เราลืมสิ่งเล็กๆน้อยๆช่วงกลางเรื่องไปเสียสนิด จุดเด่นของเรืองนี้ คงอยู่ที่ "รถ" โดยเฉพาะเจ้าแบล็ค บิวตี้ (The Black Beauty) รถยนตร์ติดอาวุธ จะบอกว่า "แม้งโคตรเก่งเลย" ก็คงไม่ผิดอะไร ยิ่งถ้าเราชมในระบบ 3D ด้วยแล้วเจ๋งสุดๆเลยครับ และอาจจะเป็นครั้งแรกที่เราสามารถดูฉากสโลโมชั่น และฉากสปีดเร็วๆ ในฉากๆเดียวกันพร้อมๆกัน แค่นี้ผมก็ว่าคุมค่าเงินที่เสียเข้าไปดูเรื่องนี้แล้วครับ ว่าแต่ว่า ดูแล้วผมอยากได้ เจ้าแบล็ค บิวตี้ มาขับสักคันจังเลยครับ.....
บทวิจารณ์โดย : TCK E-mail :TCK05@sanook.com