วิจารณ์หนัง Tron Legacy

วิจารณ์หนัง Tron Legacy

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ก่อนอื่นผมขออวยพรให้แฟนๆชาว เว็บสนุกดอดคอม มีความสุขมากๆ ในปีใหม่นี้นะครับ คิดเงินขอให้ได้เงิน คิดทองก็ขอให้ได้ทอง เรียนหนังสือก็ขอให้เรียนเก่งๆ นะครับ และถ้าจะดูหนังดีๆ สักเรื่อง ก็ติดตามหนังสือพิมพ์เสียงประจวบทุกฉบับนะครับ ฉบับนี้เอาหนังไซ-ไฟ มาแนะนำกันครับ ตอนแรกผมคิดว่า ภาพยนตร์เรื่อง TRON จะเป็นภาพยนตร์รีเมกที่เอาหนังเก่ามาทำใหม่อีกเรื่องแล้วเสียอีก แต่พอเอาเข้าจริงแล้ว กลับไม่ใช่ครับ Tron Legacy เป็นภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่อ้างอิงภาคเก่าหรือ เรื่องเดิมนิดหน่อย

ใครจะไปคาดคิดว่าภาพยนตร์ไซ-ไฟอายุกว่า 30 ปีเรื่อง TRON จะมีภาคต่อออกมาอีก หลังจากที่ภาคแรกออกมาแล้วนานเหลือเกิน แต่กลับมาครั้งนี้อะไรๆ ก็ไม่เหมือนเดิม เริ่มด้วยในภาคนี้ใช้กล้อง 3 มิติรุ่นล่าสุดในการถ่ายทำ แถมดึงนักแสดงจากภาคที่แล้วอย่าง เจฟฟ์ บริดเจส กลับมาร่วมงานด้วยอีกครั้ง ส่วนในเรื่องของเพลงประกอบ ยังได้ ดาฟต์ พังก์ ศิลปินดนตรีอีเล็กทรอนิกส์จากฝรั่งเศสมาควบคุมงานด้านเสียงอีกด้วย ดูๆ แล้วก็ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง TRON ภาคนี้เป็นหนังฟอร์มใหญ่มโหฬารไปเลยทีเดียว แต่เสน่ห์ของเรื่องนี้กลับอยู่ที่การอัดแน่ไปด้วยความตื่นเต้นจากโลกไซเบอร์ สเปซหรือจะเรียกว่าความล้ำหน้าทางด้านเทคโนโลยี่สุดขั้วกับเรื่องแบบโบราณสุดขีดนั้นเอง สำหรับผู้กำกับเรื่องนี้ เราคงต้องยกย่องในความกล้าหาญของค่ายดิสนีย์ที่ตัดสินใจเลือก โจเซฟ โคซินสกี อาจจะเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยกำกับภาพยนตร์ใหญ่เลยสักเรื่อง แต่อาจจะเป็นเพราะโจเซฟ ได้ปริญญาสถาปัตยกรรมจาก Columbia's Graduate School of Archtecture ประกอบกับประสบการณ์ด้านงานสร้าง CG ที่โจเซฟเคยสร้างเอาไว้อย่างมหาศาลเลย ทางค่ายดิสนีย์ยอมให้โจเซฟรับหน้าที่ดูแลหนังที่มูลค่ากว่า 170 ล้านเหรียญเรื่องนี้

เนื้อเรื่องย่อ "ทรอน เลกาซี่" คือภาพยนตร์ไซไฟ-ผจญภัย 3 มิติ สุดไฮเทคในโลกดิจิตอลที่คุณไม่เคยได้เห็นมาก่อนในโลกภาพยนตร์ "แซม ฟลินน์" (การ์เรตต์ เฮดลันด์) เด็กหนุ่มหัวดื้อวัย 27 ที่ยังค้างคาใจกับการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของพ่อของเขา "เควิน ฟลินน์" (ดาราเจ้าของรางวัลออสการ์และลูกโลกทองคำ เจฟฟ์ บริดเจส) ผู้ที่ทุกคนรู้จักดีในนามของผู้พัฒนาเกมชั้นนำระดับโลก แซมเริ่มค้นหาต้นตอของสัญญาณประหลาดที่ถูกส่งมาจาก ศูนย์เกมของพ่อเขา สัญญาณที่พ่อของเขาเท่านั้นที่จะส่งมาได้ เขากลับถูกดึงเข้าไปสู่โลกดิจิตอลที่เควินถูกขังมา นานกว่า 20 ปี และด้วยการช่วยเหลือจากนักรบผู้กล้าหาญ "ควอร่า" (โอลิเวีย ไวลด์) สองพ่อลูกจึงออกเดินทางไปสู่การผจญภัยที่มีความเป็นและความตายเป็นเดิมพัน ในจักรวาลไซเบอร์อันน่าตะลึง จักรวาลที่ถูกสร้างขึ้นโดย "เควิน ฟลินน์" นั่นเอง มันได้พัฒนาไปไกลเกินว่าจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็น พาหนะ, อาวุธ, สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงจอมวายร้ายที่ไม่มีอะไรมาหยุดมันจากการไล่ล่าสองพ่อลูกจากการหลบหนี ได้

อย่างที่คาดการณ์ไว้ การแปลงคนให้กลายเป็นสัญญาณดิจิตอล เพื่อเข้าไปดำรงชีวิตอยู่ในโลกไซเบอร์ สเปซ มันเป็นเรื่องง่ายของ โจโซฟ โคชินสกี เริ่มตั้งแต่โลโก้ดิสนีย์ ที่ขึ้นมาตั้งแต่ต้นเรื่อง คราวนี้เปลี่ยนเป็นแบบไฮเทคไซเบอร์สเปซ เพื่อ ทรอน เลยโดยเฉพาะ ในฉากต่อสู้ดูตื่นเต้นและดีทุกฉากทุกตอน ก็อย่างที่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของสองสิ่ง คือเรื่องของการล่ำหน้าสุดๆ แล้วก็โบราณสุดๆ เพราะฉะนั้นคงไม่แปลกที่เนื้อเรื่องอาจจะดูเอื่อยๆ เรื่อยๆ เรียวกว่าในมุมของดราม่า ก็มีให้ครบเซ็ดเลย บอกตามตรงช่วงที่เป็นดราม่ายาวๆ ผมก็แทบหลับเหมือนกัน แต่ผู้กำกับเหมือนนกรู้ พอคนดูใกล้หลับก็ปล่อยฉากตื่นเต้นเล้าใจออกมาให้หายง่วงเป็นปลิดทิ้ง ก็เลยหลับไม่ลงเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเนื้อเรื่องรวมๆ จะสั้นไปสักหน่อย แต่ที่สำคัญเหนืออื่นใดที่หนังไซไฟสมัยก่อนไม่มีคือการ พยากรณ์โลกอนาคต สิ่งที่ผมติดใจจากภาพยนตร์เรื่องนี้ คงเป็นฉากสู้กันในโลกดิจิตอลที่มีฉากหลังเป็นโลกของซอฟต์แวร์ ตัวเรืองแสง อุปกรณ์ต่างๆ ที่ออกแบบมา เมื่อมองดูแล้วทำให้เรานึกถึงโลกดิจิตอลแทบทั้งสิ้น ที่ชอบสุดๆ ก็เห็นจะเป็นยานภาหนะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ รถยนต์ เครื่องบิน โดยเฉพาะฉากต่อสู้บนมอเตอร์ไซค์ดูแค่นี้ก็คุ้มค่ากับเงินที่ต้องตีตั๋วเข้าไปดูแล้วครับ อย่างนี้ต้องปรบมือให้กับแดเนียล โซมอน ที่เป็นคนออกแบบยานพาหนะในเรื่องนี้ทั้งหมด ส่วนในเรื่องของ 3D นั้น ผมบอกตามตรงว่าผมยังไม่ประทับใจเท่าเรื่อง AVATAR แถม 3D เรื่องนี้ก็มีเป็นช่วงๆ เท่านั้นไม่ได้มีทั้งเรื่อง มีคำแนะนำขึ้นให้อ่านก่อน ชมภาพยนตร์เรื่องนี้เกี่ยวกับระบบ 3D คือ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ จะมี 3D เป็นบางช่วง บางช่วงก็เป็นระบบ 2D เพราะฉะนั้นควรสวมแว่น 3D ไว้ตลอดเวลา นัยว่าไม่รู้ว่า3D จะมาช่วงไหน ใส่ๆไปเถอะ จะได้ไม่เสียเวลาถอดเข้าถอดออกเหมือนภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ เอ้า ใส่ก็ใส่

ในส่วนของนักแสดงไม่ว่าจะเป็น จาร์เร็ต เฮ็ดลันด์ แม้ว่าจะผ่านงานแสดงมาไม่กี่เรื่อง แต่มาเล่นเรื่องนี้ ถือว่า ตีบทที่ได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว, เจฟฟ์ เจฟฟ์ บริดเจส ที่รับบทเป็น เควิน ฟลินน์ แม้ว่าภาคที่แล้วเขาก็ได้เล่นเรื่องนี้ 30 ปีผ่านไป หน้าตาก็ยังดูดีอยู่ถือว่าเป็นพระเอกอีกคนของเรื่องได้เลย การแสดงดูดีและดูเท่มาก, คลู โอลิเวีย ไวลด์ ที่รับบทเป็น ควอร่า สาวน้อยนักรบดิจิตอลคนเดียวที่เก่งเหลือหลาย เธอแต่งชุดชาวโลกไซเบอร์สเปซได้ เท่จริงๆ สรุปแล้วแสดงได้ดีกันทุกคน การออกแบบชุดแต่งกายของนักแสดงก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราเห็นในส่วนสำคัญ ของการแสดงด้วย ในภาคที่แล้ว ภาพยนตร์โนเนมเรื่องนี้อาจจะโชคร้ายไปสักหน่อย เพราะเมื่อตอนเข้าฉายได้ไปชนกับไซ-ไฟเรื่องอื่นๆ อย่าง E.T :TheExtra-Terrestrial, Blade Runner และ Star Trek II :The Wrath of Khan แต่ในภาคนี้ไม่ได้ชนกับหนังไซ-ไฟเรื่องใดๆ เลย นี่อาจจะเป็นบทพิสูจณ์ว่า Tron Legacy เรื่องนี้จะได้เป็นหนังไซ-ไฟแห่งปีอันแท้จริงหรือเปล่า ใครที่ชอบดูหนัง สิ้นปีนี้มีวันหยุดเยอะ ดีถ้าจะไปดูหนังแล้วล่ะก็ คิดว่าเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่น่าดูที่สุดแล้วครับ...

TCK E-mail: tck05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง Tron Legacy

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook