วิจารณ์หนัง SkyLine

วิจารณ์หนัง SkyLine

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผมเคยติดใจภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวอยู่ เรื่องหนึ่ง ทั้งที่ตอนดูตัวอย่างไม่คิดที่อยากจะดูเลย เพราะดูจากตัวอย่างแล้วก็คิดว่าเป็นหนังมนุษย์ต่างดาว ธรรมดาๆ เรื่องหนึ่งเท่านั้น กว่าผมจะได้เข้าไปดูหนังเรื่องนี้ได้ ก็เกือบท้ายโปรแกรมแล้ว ปรากฏว่าผิดคาดครับ เป็นหนังมนุษย์ต่างดาวที่สนุกมาก ยานอวกาศที่คิดว่าเล็กๆ เหมือนทุกเรื่อง กลับกลายเป็นยานที่ใหญ่โตมโหฬารมองข้ามทวีปได้เลย แถมเป็นหนังที่สนุกอีกต่างหาก ก็เลยดูไป 4 รอบในเวลาไล่เลี่ยกัน มาปีนี้ ผมได้ดูตัวอย่างภาพยนตร์มนุษย์ต่างดาวอีกเรื่องหนึ่งแล้ว ท่าทางจะสนุกไม่แพ้เรื่องที่ผมเคยติดใจ และหวังว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้น กับภาพยนตร์เรื่อง "SkyLine สงครามากายไลน์ดูดโลก" ทันทีที่ทราบข่าวคราวของภาพยนตร์เรื่องนี้ อย่างเช่น ครั้งแรกของ "เบร็ท แรทเนอร์" ผู้กำกับจากเรื่อง X-Man : The Last Stand ยอมทุ่มทุน(เป็นผู้อำนวยการสร้าง)ผนึกกำลังกับทีม Computer Graphic ที่ดีที่สุดของฮอลลีวู้ดผู้สร้างตำนานหนังพันล้านอย่างเช่น 2012, Avatar และ Iron Man2 มาร่วมกันสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยให้สองพี่น้องตระกูล Strause คือ โคลิน สเตร้าส์/Colin Strause(น้อง) และ เกรก สเตร้าส์/Greg Strause(พี่) ที่เคยมีผลงานอันโดดเด่นจากเรื่อง Aliens VS Predator มาแล้ว มาเป็นผู้กำกับเรื่องนี้ให้ เพียงแค่นี้ก็ทำให้นักดูหนังใจจดใจจอรอวันที่จะเข้าฉายในไทยแล้ว แถมยังเข้าฉายในไทยก่อนอเมริกาหนึ่งวันอีกด้วย ในไทยเข้า11/11/10 ส่วนอเมริกาเข้า 12/11/10 ยิ่งทำให้อยากดูเข้าไปใหญ่ แถมคำขู่ที่ท้าทายอีกว่า อาจจะไม่ต้องรอให้ถึงวันอาทิตย์ดับ ...อาจไม่ต้องรอให้ถึงปี 2012 เพราะครั้งนี้ถ้าคุณแค่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า นั้นอาจจะหมายถึงจุดจบของมนุษย์โลกก็เป็นไปได้....แล้วอย่างนี้จะพลาดได้ไง !! "SkyLine" กล่าวถึงเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่จัดงานปาร์ตี้กันบนคอนโดสุดหรู จาร์รอด (เอริค บัลโฟร์ / Eric Balfour) และ อีเลน (สก็อตตี้ ธอมป์สัน / Scottie Thompson) เดินทางไปร่วมงานวันเกิดของ เทอร์รี่ (โดนัลด์ ไฟสัน /Donald Faison) เพื่อนสนิทและแฟนสาว แคนดิส (บริตตานีย์ แดเนียล / Brittany Daniel) ที่เมืองลอสแองเจลิส แต่เมื่อแสงประหลาดถูกส่องลงมาจากท้องฟ้าก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นเพียงสอง ชั่วโมงเท่านั้น ทุกชีวิตบนโลกก็แทบสูญสิ้น จะมีแต่พวกเขาเท่านั้นคือผู้รอดชีวิตและจะต้องหาทางเอาตัวรอดจากหายนะครั้งนี้ นอกจากนี้ พวกเขายังต้องผจญกับผู้บุกรุกจากนอกโลก ไม่ว่าจะเป็น "แทงค์เกอร์" ขนาดมหึมาใกล้เคียงคิงคองสูงกว่า 65 ฟุต "ไฮดร้า" หน่วยต่อสู้ทางอากาศ จนถึง "โดรน" หน่วยปฏิบัติการณ์ขนาดเล็กที่คอยตรวจหาหาสิ่งมีชีวิตบนโลกที่ยังหลงเหลือ มนุษย์ทุกคนไม่มีทางหนีรอดและทำลายมันได้ หรือนี่คือ วันสิ้นโลกอย่างแท้จริง

ยอมรับว่าหลังจากดูภาพยนตร์เรื่องนี้จบแล้ว ผิดคาดกว่าที่หวังไว้เยอะพอสมควร ตัวภาพนตร์ดำเนินไปอย่างราบเรียบในช่วงต้นๆ และทวีความตื่นเต้นไปเรื่อยๆ ให้เราคอยลุ้นกับการหนีอย่างสุดชีวิตของผู้รอด ที่คอยหลบพวกมนุษย์ต่างดาวที่มาคราวนี้เก่งเหลือหลาย ในขณะที่คนดูก็ลุ้นระทึกไปกับตัวหนังด้วยนั้น ในหัวสมองอีกข้างหนึ่งของคนดูก็คงจะคิดว่า มนุษย์ต่างดาวมันเก่งออกปานนี้ ตอนสุดท้ายมันจะพบจุดจบด้วยอะไรนะ ก็เหมือนหนังมนุษย์ต่างดาวทั่วๆไปถึงแม้ว่าจะเก่งสักแค่ไหนท้ายสุดแล้วก็แพ้ มนุษย์ชาติอยู่ดี คิดไปถึงนั้นเลย แต่.... ตอนจบ....ใครที่เคยสงสัยว่า คำว่า "ตกม้าตายตอนจบ" เป็นอย่างไร เรื่องนี้เลยครับ สมกับคำว่า ตกไม้ตายตอนจบจริงๆ จากคะแนนที่พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆอาจจะถึง 9 แล้ว แต่พอตอนจบ อยากให้หนังเรื่องนี้ ได้ 3 คะแนนเสียจริงๆ แต่ก็เกรงใจ ให้ 5 ก็แล้วกัน เพราะถ้าตัดฉากจบตรงนี้ไป ในส่วนอื่นๆก็ยังมีดีอยู่อีกเยอะ อย่างเช่นฉาก CG ต่างๆ ทำได้เนียนและสวยมาก ตัวยานลูกมนุษย์ต่างดาว เหมือนแมงกระพุนหรือปลาหมึกนี้แหละ แต่ทำได้สวยดี นักแสดงอย่าง เอริค บัลโฟร์ เรื่องนี้รับบทเป็นจาร์รอด เขาเล่นภาพยนตร์มากี่เรื่องๆ ก็เจอแต่บทโหดๆ อย่างนี้แทบทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องก่อนหน้านี้อย่าง The horemen (อำมหิต 4 สะทาน) หรือ The Texas Chainsaw Massacre (ล่อ...มาชำแหละ) ก็ได้รับบทโหดไม่แพ้กันผมว่าเขาเป็น นักแสดงที่เล่นได้ดีเป็นธรรมชาติอีกคนและตอนนี้ก็มี ภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่กำลังถ่ายทำอยู่โดยเขาได้ เป็นตัวเอกของเรื่องด้วย เรียกว่ากำลังมาแรงเลยทีเดียว

ส่วน สก็อตตี้ ธอมป์สัน รับบทเป็น อีเลน แฟนสาวของ จาร์รอด สำหรับเธอคนนี้ ใครที่เป็นแฟนซีรี่ย์อเมริกา คงรู้จักเธอดีเพราะเธอเล่นซีรี่ย์สุดฮิตมาหลายเรื่องแล้วเช่นกัน กับบทอีเลนเดี๋ยวผีเข้าผีออกแต่ในส่วนลึกๆแล้วเธอก็ ยังคงรัก จาร์รอดเป็นชีวิตจิตใจ กับบทยากๆของเรื่องนี้ เธอก็เล่นได้ดีอย่างไม่มีที่ติเช่นกัน กับนักแสดงอีก 3 คนที่เป็นตัวเอก อย่าง โดนัลด์ ไฟสัน ที่รับบทเป็น เทอร์รี่ เจ้าของงานวันเกิดงานปาร์ตี้บนคอนโดสุดหรู และแฟนสาว แคนดิส (บริตตานีย์ แดเนียล) ส่วนอีกคน เดวิส ซาบัส รับบทเป็น โอลิเวอร์ไม่รู้เป็นใครมาจากไหน อยู่ๆก็โผล่ออกมา คาดดว่าน่าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในคอนโดแห่งนี้ด้วย แต่ก็เป็นตัวเอกเหมือนกัน ดูแล้วนักแสดงแต่ละคนก็ผ่านงานแสดงมาแล้วหลายเรื่อง แต่ส่วนมากแล้วจะเป็นหนังเกรด B แทบทั้งสิ้น ถือว่าการมาแสดงหนังเรื่องนี้ของทั้ง 5 คนกับหนังเกรด A อย่าง "SkyLine" เป็นก้าวใหม่ของพวกเขาที่รอให้เราพิสูจน์ว่า พวกเขาจะไปถึงดวงดาวหรือเปล่า

อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ภาพยนตร์เรื่องนี้ดูสนุดตื่นเต้นดี ตั้งแต่ต้นเรื่องจนถึงก่อนจบ 10 นาที ถ้าไม่รวม 10 นาทีสุดท้ายแล้ว จะเป็นหนังที่ดูสนุกมาก แล้วทำไมไม่ตัด 10 นาทีสุดท้ายทิ้ง ตัดไม่ได้ครับเพราะถ้าตัดหนังก็ไม่จบ แต่ที่จบก็คือ "จบแบบนี้เลยเหรอ"..แม้ตอนจบจะเป็นการจบแบบทิ้งเชื้อ ไว้ว่ามีต่ออีกภาคแน่นอน เพราะว่าภาคนี้ มนุษย์ต่างดาวยังไม่ตายเลยสักตัว .เข้าใจว่า ผู้เขียนบท เลียม โอดอนเนล และ โจชัว คอร์เดส ต่างก็เป็นนักเขียนบทหน้าใหม่ด้วยกันทั้งคู่ อาจจะคิดไม่ออกแล้วว่า ตอนจบให้มันจบอย่างไรดี ก็เลยจบไปดื้อๆอย่างนั้น แต่ถ้ามีเหตุผลอื่น ก็คงเป็นเหตุผลที่เข้าใจยากมากทีเดียว เอาเป็นว่าถ้าไม่คิดอะไรมากก็อยากเชิญชวนไปดูเรื่องนี้ ไม่แน่ผมอาจจะไปดูอีกรอบหนึ่งก็ได้ ถึงแม้ว่าจะขัดใจตอนจบเล็กน้อยอย่างนี้ก็เถอะ เพราะการดำเนินเรื่องอย่างที่บอกสนุกดี มนุษย์ต่างดาวเก่งดีแปลกตาดี และก็เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมดูภาพยนตร์จบแล้วคนดูข้างๆ ผม ลุกขึ้นมาพร้อมคำสรรเสริญเรื่องนี้ว่า "เฮ้ย..(สัตว์เลื้อยคลาน)..เอ๊ย" แฮ่ๆ หวังว่าถ้าผมเข้าไปดูรอบที่สองคงไม่ได้ยินคำนี้อีกนะครับ...

TCK E-mail: tck05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง SkyLine

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook