วิจารณ์หนัง กวน มึน โฮ

วิจารณ์หนัง กวน มึน โฮ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กวน มึน โฮ ตอนแรกที่ผมได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้ นึกว่า เป็นหนังเกาหลี อีกอย่างหนึ่งต้องยอมรับครับว่าระยะหลังนี้หนังเกาหลีมาตีตลาดหนังไทยเราเป็นอย่างมาก เรียกว่า ตีตลาดทั้งจอเงินและจอแก้วเลยทีเดียว ก็ไม่น่าแปลกใจที่จะมีหนังชื่อเกาหลีออกมาอีกสักเรื่อง แต่พออ่านไปๆ อ้าว...ชื่อภาพยนตร์ไทยนิหน่า

กวน มึน โฮ เป็นภาพยตร์คุณภาพเรื่องล่าสุด จากค่ายหนังดัง GTH ที่ได้ บรรจง ปิสัญธนะกูล (โต้ง) มาเป็นผู้กำกับ และถ้าจะให้พูดถึงผู้กำกับคนนี้ ผมขอยกนิ้วหัวแม่มือให้เลยครับทั้งสองมือ โต้ง เกิดจากการเป็นผู้กำกับ เรื่อง "ชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ" ซึ่งเรื่องแรกก็ทำรายได้ไปร้อยกว่าล้านแล้ว แล้วยังถูกเมืองนอกซื้อไปทำใหม่(รีเมก)อีกต่างหาก เรียกว่าเรื่องแรกก็ได้ทั้ง เงินและรางวัลเชียวล่ะ พอมาเรื่องที่สอง "แฝด" ก็ทำรายได้ไม่น้อยหน้าไปกว่าเรื่องแรกสักเท่าไหร่นัก มาเรื่องที่ สามอย่าง "4แพร่ง" ตอน คนกลาง เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวมากที่สุดในบรรดาทั้ง 4 ตอนของหนัง ว่าเป็นตอนที่สนุกที่สุด พอมีเรื่อง "5แพร่ง" ตอนคนกอง ทุกคนก็จับตามาที่ผู้กำกับคนนี้เลยที่เดียวว่าเขาจะมีมุกอะไรจะมาเสนออีก ซึ่งคนดูก็ไม่เคยผิดหวังกับการกำกับของคุณโต้งเลยสักครั้ง แม้จะเป็นมุกเดิมๆ ที่มาหลอกใช้อีกแต่ก็เป็นการหลอกที่สนิทใจเลยที่เดียว กับเรื่อง กวน มึน โฮ นี้ ถือว่าเป็นการกำกับภาพยนตร์รักโรแมนติกเรื่องแรก ของคุณโต้งก็ว่าได้เพราะว่าทั้ง 4 เรื่องที่ผ่านมาคุณโต้งกำกับแต่หนังผีทั้งสิ้น กวน มึน โฮ เป็นเรื่องราวของ ชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งที่ได้เลือกไปเที่ยวเกาหลีด้วยเหตุผลที่ไม่ซ้ำใคร และทั้งคู่ก็ไม่ได้ไปด้วยกันไม่รู้จักกันมาก่อน ชายหนุ่ม (เต๋อ-ฉันทวิชช์ ธนะเสวี ) ผู้ชายที่จะไปย่ำแดนกิมจิด้วยรองเท้าแตะคีบ และเสื้อยืดย้วยๆ บวกกางเกงขาสั้น เขาเป็นคนเดียวในกรุ๊ปทัวร์ที่ไม่มีครอบครัวหรือคนรักมาด้วย บางทีที่นั่งว่างเปล่าข้างๆ อาจเป็นสาเหตุให้เขาเมามายขนาดนี้ในวันเดินทางก็เป็นไปได้ ส่วนหญิงสาว (หนูนาหนึ่งธิดา โสภณ) หญิงสาวที่หลงไหลในดินแดนโสมและที่สำคัญเธออยากมาอยู่ในที่ที่เป็นโลเก ชั่นซีรีย์สสุดฮิตของเกาหลีที่เธอดูจนติดงอมแงม โดยเอางานแต่งของเพื่อนที่อยู่เกาหลีมาเป็นข้ออ้างกับแฟนหนุ่มของเธอในการเดินทางมาในครั้งนี้ ชายหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ว่า ทำไมหญิงสาวถึงมาเที่ยวคนเดียว เธอตอบง่ายๆว่า เที่ยวคนเดียวไม่ต้องเกรงใจใคร อยากไปไหนก็ไป ไม่ต้องทะเลาะกับใครด้วย อาจเพราะความคะนอง หรือ ความเหงาเต็มที่ก็สุดจะเดา อยู่ๆ ชายหนุ่มก็ยื่นข้อเสนอ "งั้นเรามาเที่ยวด้วยกันมั้ย ถ้าเธอไม่ชอบเที่ยวกับคนรู้จักเราก็ไม่ต้องรู้จักกัน ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้ข้อมูลส่วนตัว เราจะเป็นแค่คนแปลกหน้าสองคนที่ไปเที่ยวด้วยกัน" จากนั้นเรื่องกวนๆ มึนๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น

ในส่วนรวมๆของเรื่องแล้ว สอบผ่านเลยที่เดียว อาจจะเป็นการลองของใหม่ ของโต้งก็ได้ ในเรื่องนี้ ช่วงครึ่งแรกของหนังจะเป็นแบบกวนๆ ฮาๆ มึนๆ เรียกเสียงหัวเราะให้คนดูได้ตลอดเวลา ส่วนครึ่งหลังของเรื่อง พี่ท่านอัดดราม่าแบบเต็มสูบเลย แต่เป็นดราม่าที่น่าติดตามยิ่งนัก บางฉากบางคนถึงกับกลั่นน้ำตาไม่อยู่เลยก็มี เรียกว่าถ้าไม่แน่จริง ครึ่งหลังจะเสี่ยงมากกับการดูแล้วน่าเบื่อน่าง่วงนอน แต่กับเรื่องนี้ อาการที่ว่าไม่เกิดกับคนดูสักคน ตัวหนังพยายามให้คนดูลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่า ทั้งคู่ชื่ออะไรกัน จะบอกกันตอนไหน ถึงแม้ว่าจะเป็นฉากดราม่าแรงๆแล้ว ตัวละครก็ยังไม่ปริปากบอกชื่อตัวเองเลยสักครั้ง และอาจจะเป็นธรรมเนียมไปเสียแล้ว สำหรับค่ายหนังค่ายนี้กับคำคมในหนังที่ใคร ต่อใครหลายๆคนชอบกันนักชอบกันหนา "คุณจะรักฉันได้ยังไง เราไม่รู้จักกัน ชื่อฉันคุณยังไม่รู้จักเลย " "ผมรู้แค่ว่า เวลาที่ได้อยู่กะคุณ ผมแม่งโครตมีความสุข อย่างนี้เค้าเรียกว่ารักปะ" เรียกว่าเป็นประโยคที่โดนไปเต็มๆ ในเรื่องของ ฉากนั้นเราอาจจะแปลกตาสักหน่อย เพราะน้อยเรื่องนักที่คนดูหนังไทย จะเห็นภาพที่เป็นสถานที่ต่างประเทศทั้งเรื่อง ซึ่งแต่ละสถานที่เราก็ไม่เคยคุ้นตาสักเท่าไหร่ นั้นเป็นผลดีสำหรับนักสร้างหนัง และคนดู คนสร้างหาอะไรแปลกๆใหม่ๆมาเสนอ คนดูได้เห็นสิ่งใหม่ๆที่แปลกหูแปลกตาไป เรียกว่าได้ดีทั้งสองทาง งานนี้เอาคะแนนไปอีกหนึ่งกระบุง นักแสดงนำเรื่องนี้ถือว่าน้อยมากเพราะว่ามี แค่ 2 คน คือ เต๋อ กับหนูนา ในส่วนของเต๋อนั้น ตัวจริงกับในภาพยนตร์เหมือนเป็นตัวตนคนเดียวกันเลย เพราะตัวจริงของเต๋อก็จะเป็นคนกวนๆ เหมือนในหนังเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น โต้งเลือกนักแสดงไม่ผิดในส่วนการแสดงของเต๋อที่ผ่านมา อย่าง เรื่อง "ปิดเทอมใหญ่...หัวใจว้าวุ่น" และ "โปรแกรมหน้า วิญญาณอาฆาต" ก็การันตีการแสดงของเต๋อพอสมควร แต่เรื่องนี้ ผมว่าการแสดงของเต๋อพัฒนาขึ้นอีกระดับนะครับ เรียกว่าแสดงได้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากขึ้น เพราะสองเรื่องที่ผ่านมาเต๋อยังเล่นแข็งๆอยู่ และความสามรถของเต๋ออีกอย่างก็คือ ร่วมเขียนบทในภาพยนตร์เรื่องนี้ เรียกว่าเขียนบทให้ตัวเองเล่นนั้นแหละ

นักแสดงอีกคน ที่ผมไม่คิดว่าเธอจะเล่นได้ดีอย่างนี้ "น้องหนูนา" เธอดังมาจากการเล่นละครเวที แม้ว่าปัจจุบันหเธอยังอายุไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ แต่การแสดงเรื่องนี้ของเธอเรียกว่าตีบทกระจุย เธอเล่นได้ดีมากทั้งบทกวนๆ บทดราม่า แววตาและท่าทางการแสดงของเธอเป็นธรรมชาติมาก ทั้งสองคนเลยเข้าขากันได้ดีในเรื่องนี้ เห็นที่อันดับนางเอกในดวงใจผมต้องมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งแล้ว และอาจจะเป็นเพราะว่าเธอเคยร้องเพลงประกอบละครมาก็หลายเรื่องแล้ว พอได้มาเล่นเรื่องนี้ ก็เลยได้ร้องเพลงประกอบด้วย อย่างเพลง"รักไม่ต้องการเวลา" ที่เธอร้องไว้ตอนนี้ก็ติดชาร์ตอันดับหนึ่งอยู่ในคลื่นวิทยุหลายสถานีด้วยกันส่วนอีกเพลง "ยินดีที่ไม่รู้จัก" ของวง 25hours ก็ดังไม่แพ้กัน ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัววันแรกได้ไป 7.2 ล้านบาท แม้ว่าสู้หนังรุ่นพี่อย่าง "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" ของเพื่อนร่วมค่ายไม่ได้ แต่ก็ถือว่าเป็นตัวเลขอันดับหนึ่ง สำหรับหนังที่เปิดตัวในวันธรรมดา (ไม่ใช่วัน ศุกร์-เสาร์-อาทิตย์)เลยทีเดียว นี่ผ่านมา7วันแล้วทำรายได้ไปถึง 60 ล้านบาท เรียกว่าหนูนา กับเต๋อ กำลังเป็นว่าที่ พระเอกและนางเอก 100ล้านคนต่อไปของวงการภาพยนต์ไทย หนังเรื่องนี้ดูสนุก วิวสวย นักแสดงเล่นดี อย่างนี้จะไม่เอาใจช่วยไหวเหรอครับ ผมว่า 100 ล้าน แค่ชิวๆสำหรับเรื่องนี้ ต้อง 150ล้านเลย และผมขอทิ้งท้ายกับคำสามคำที่อยากจะบอกกับคุณโต้งว่า หนังเรื่องนี้ "มันส์ จัง แก"

บทวิจารณ์โดย TCK tck05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ

อัลบั้มภาพ 6 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง กวน มึน โฮ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook