วิจารณ์หนังเรื่อง หลวงพี่เท่ง 3

วิจารณ์หนังเรื่อง หลวงพี่เท่ง 3

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
การทำภาพยนตร์ที่มีความเกี่ยวข้องกับสถาบันสำคัญๆ นั้น ผู้กำกับหลายคนพยายามหลีกเลี่ยงไม่อยากจะทำ อาจจะเป็นเพราะว่าเสี่ยงกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบต่างๆ และเมื่อทำออกมาแล้วก็เสี่ยงกับการถูกเซ็นเซอร์จากทาง ก.บ.ว. ตัดในส่วนที่ทางผู้กำกับตั้งใจนำเสนอออกไป เหตุผลเพราะว่า ไม่สมควรที่จะอ้างหรือกล่าวถึงในสถาบันนั้นๆ สถาบันครอบครัวอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเลื่อนขึ้นไปเป็นสถาบัน "ศาสนา" ด้วยแล้ว อัตราการเสี่ยงที่ภาพยนตร์เรื่องนั้นจะถูกเซ็นเซอร์ยิ่งมากขึ้นเป็นเท่าตัว แต่ถึงกระนั้นก็ตาม "โน้ต เชิญยิ้ม" ผู้กำกับดาวตลกมือทองของไทยเรา ก็กล้าพอที่จะเสี่ยงกับเรื่องเหล่านี้ และทันทีที่ได้ทราบข่าวว่า ภาพยนตร์เรื่อง "หลวงพี่เท่ง 3" ผ่านกองเซ็นเซอร์ ก็ถึงกับน้ำตาไหล ที่รอดพ้นกรรไกรจากกองเซ็นเซอร์อย่างหวุดหวิด ก็อย่างที่บอก ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับพระเกี่ยวกับศาสนาทำง่ายซะที่ไหน!! ปัญหาจากกองเซ็นเซอร์ที่ผ่านไปก็คงเหมือนการยกภูเขาออกจากอก เพราะก่อนหน้านั้นปัญหาในการหาตัวนักแสดงที่จะมาเล่นเป็น "หลวงพี่เท่ง" ในภาคนี้ก็สาหัสสากรรจ์ไม่แพ้กัน เพราะติดปัญหาบางประการที่จะเอาพระเองตลกอย่าง "เท่ง เถิดเทิง" มาเล่นได้ ปัญหานี้เคยเกิดขึ้นแล้วในภาคที่สอง ในภาคนั้นแก้ปัญหาโดยการให้ "โจอี้บอย" มาเล่นแทน ส่วนภาคนี้แก้ปัญหาโดยให้ "น้อย" วงพรู มาเล่น หลวงพี่เท่ง 3 เป็นเรื่องราวของ "น้อย" (น้อย วงพรู) นักร้องหนุ่มมาดเซอร์ ที่พยายามจะหลีกหนีจากโลกที่วุ่นวาย และความจริงที่ตนเองได้รับ โดยหนทางที่เค้าเลือก เพื่อหวังจะพบกับความสงบนั้น คือการบวช แต่ "พระน้อย" ยังคงเป็นตัวของตัวเอง เป็นพระที่ขวางโลก รักความยุติธรรม พูดจากำปั้นทุบดิน เป็นคนตรงเหมือนไม่บรรทัด ที่มาบวชเพราะเบื่อสังคม เบื่อคนไทยไม่รักกัน เบื่อความแตกแยก แต่เส้นทางในชีวิตเส้นนี้ไม่เป็นไปดังหวัง เพราะในวัดที่บวช ยังมี "พระประเสริฐ" (อุ๋ย บูดาเบลส), "พระโยกเยก" (โยกเยก เชิญยิ้ม), "ตาส่ง" (โน๊ต เชิญยิ้ม) มัคทายกประจำวัด และเด็กวัดตัวแสบอีก 2 คน (เอ็ม บูดาเบลส, แจ๊ค แฟนฉัน) ที่คอยสร้างความวุ่นวายให้วัดอยู่เสมอ ไม่เพียงเท่านั้นพระน้อยยังต้องพบกับเหตุการณ์อลหม่านป่วนจิตจนต้องเข้าไปมีส่วนร่วมกับพวกแก๊งขโมยเศียรพระอีกต่างหาก งานนี้พระน้อยจะสงบเหมือนดังที่หวังไว้หรือไม่ต้องเข้าไปติดตามเองครับ ก่อนอื่นผมขอปรบมือดังๆให้กับ คุณโน้ต เชิญยิ้ม ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่สามารถนำเรื่องของศาสนามาสร้างเป็นภาพยนตร์ได้ถึง 3 ภาคแล้ว และโดยเฉพาะภาคนี้ แม้ว่ามุขตลกในเนื้อเรื่องทั้งหมดยังคงเท่าๆเดิมหรืออาจจะมากกว่านิดหน่อย แต่สิ่งที่เห็นชัดๆเลยคือเรื่องการสอดแทรกในเรื่องของ "ธรรมะ" ที่ในภาพยนตร์เรื่องนี้มีให้มากขึ้นกว่าสองภาคที่ผ่านมา และคำสอนต่างๆ ก็กลมกลืนไปกับบทหนัง ไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดในหลักคำสอนต่างๆ หรืออาจจะเป็นเพราะว่าจากประสมการณ์สองเรื่องที่ผ่านมา ทำให้คุณโน้ตเห็นจุดบกพร่องต่างๆ และนำมาแก้ไขปรับปรุงจนเกือบจะเข้าที่ได้ในภาคนี้ การโน้มนาวให้คนดูเชื่อในคำสอนของศาสนาหรืออย่างน้อยก็ผ่านหูผู้ดูให้คิดตามได้ คุณโน้ตก็ทำได้อย่างแนบเนียน เนื้อเรื่องที่ไหลไปตามเหตุการณ์ต่างๆ เกือบดีแล้ว ถ้าไม่มีฉากที่ต้องการแสดงมุข อย่างฉากนักมวย ซึ่งไม่มีก็ได้ เข้าใจว่าต้องการเล่นมุขมากกว่าในฉากนี้ หรือในฉากที่เด็กวัดตัวแสบสองคนนอนแช่อยู่ในน้ำแล้วคุยกัน ไม่ต้องมีก็ได้ ถึงไม่มีก็ไม่ทำให้หนังเสีย แต่ก็เขาใจว่าต้องการเล่นมุขก็ไม่ว่ากัน มีอยู่ฉากเดียวที่ผมคิดว่าเป็นฉากที่แย่มากๆ ก็คือฉากที่มีหมอทำขวัญนาคทั้งสามคน ออกมาแหล่ขวัญนาค โดยพูดถึงพ่อแม่ของนาคในทางที่ไม่ดี ผมว่าทางผู้สร้างต้องการเล่นมุขตลก แต่มุกนี้ไม่ตลกเลยมุกนี้เล่นเอาพ่อแม่มาว่าในงานมงคลของลูกถึงแม้ว่าเรื่องที่หมอทำขวัญนากกล่าวออกมาจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็ไม่สมควรเอามาพูดในงานบวชเช่นนี้ ฉากนี้ไม่ตลกเลยแถมแย่มากอีกต่างหาก ส่วนเรื่องธรรมมะที่แทรกเข้ามาตั้งแต่ต้นเรื่องและแทรกมาเรื่อยๆ จนถึงจบเรื่องก็ยังมีคำสอนอยู่ อันนี้ดีครับอันนี้เห็นด้วยมากๆ เลย ในเรื่องของการแสดง ผมว่าคุณน้อย(กฤษดา สุโกศล แคลปป์ /น้อง วงพรู) แสดงเหมือนพระโรคจิตจัง แต่แค่เหมือนเฉยๆนะเพราะในเรื่องก็ไม่ได้บอกว่า คุณน้อยเป็นโรคจิต เพียงแต่ว่าเป็นคนที่ขวางโลก และอาจจะพูดตรงไปสักหน่อย เวลาพูดมักใส่อารมณ์ ดูแล้วทำให้นึกถึงคาแร็คเตอร์ในตอนที่คุณน้อยเล่นเรื่อง "13 เกมสยอง" เลย เหมือนจริงๆ ในบทของพระประเสริฐ(นที เอกวิจิตร/อุ๋ย บูดาเบลส) นั้น จะเรียกเสียงฮาเสียมากกว่า แต่ผมว่าคุณอุ๋ยเล่นดีนะครับเหมือนเป็นพระจริงๆ ส่วนพระเด๋อ หรือ หลวงตาเชื่อมนั้น ยังไม่สำรวมเท่าไหร่ โดยเฉพาะฉากที่มีงูปลอมมาหลอกหลุดด่าออกมาหลายคำทั้งที่ตัวเองเป็นพระแท้ๆ แต่ทางผู้สร้างอาจจะตั้งใจเพื่อจะบอกว่า ถึงเป็นพระก็อาจมีบางช่วงเวลาที่หลุดออกไปได้เหมือนกัน การแสดงเด็กวัดจอมเกเรอย่าง แจ๊ค แฟนฉัน น้องคนนี้มีการพัฒนาการทางด้านการแสดงได้ดีมาเรื่องๆ ผมติดตามผลงานของแจ๊คมาเกือบทุกเรื่องเห็นพัฒนาการในด้านการแสดงของเขาแล้วยอมรับว่า ดีวันดีคืน อีกอย่างผมเห็นนักแสดงในเรื่องนี้หลายคน มาจากเวที "ดันดารา" ของรายการ "ตีสิบ" ก็หลายคน โดยเฉพาะยายแหวว (คนที่เล่นเป็นภรรยาคุณจตุรงค์ตอนใส่บาต)นี่ ขวัญใจผมเลยครับ ซึ่งตัวจริงแกยังสาวอยู่เลยนะครับแต่ก็แต่งเป็นคนแก่และเล่นเป็นคนแก่ได้เหมือนมาก คงต้องยกความดีนี้อีกข้อให้คุณโน้ตที่คัดเลือกนักแสดงเหมาะกับการแสดงในส่วนต่างๆนี้มาก ผมไม่รู้หรอกนะครับว่าเรื่อง "หลวงพี่เท่ง"นี้จะเป็นหนังไตรภาคหรือเปล่า แต่ที่รู้แน่ๆแล้วคือ น้องแจ๊ค กับ โก๊ะตี๋ บอกว่า ถ้าเรื่องนี้มีรายได้เกิน 100 ล้านอีก ในหลวงพี่เท่งตอนหน้าจะยอมโกนหัวเล่นแบบไม่คิดค่าตัวเลยทีเดียว อันนี้จริงไม่จริง ใครที่เจอหน้าสองคนนี้ก็คงต้องให้ไปถามกันเอง แต่ผมว่า ถ้าเรื่องนี้ได้ 100 ล้านจริงๆ คุณโน้ตต้องพา หลวงพี่เท่ง 4,5,6, ออกมาอีกแน่ และถ้าถึงภาค 10 เมื่อไหร่ คุณโน้ตคงออกบวชได้สบายเลย ใครที่เคยบวชเรียนมาแล้ว และได้มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะมีการทบทวนคำสอนต่างๆที่มีในภาพยนตร์เรื่องนี้ และถ้ายังไม่เคยทำก็คงได้ไปปฏิบัติธรรมกันบางล่ะ ส่วนใครที่ยังไม่เคยบวชเรียนมาก่อน เมื่อได้ยินคำสอนในหลายๆช่วงของหนังเรื่องนี้ ก็อยากแนะนำให้ลองไปปฏิบัติดูบาง และจะเห็นทางสงบสุขทางใจที่แท้จริง ที่หลายคนกำลังโหยหากันอยู่ เพราะว่าสังคมบ้านเราในขณะนี้ต้องใช้ธรรมมะอย่างนี้แหละ ถึงจะทำให้จิตใจสงบได้ และอีกอย่างที่อยากจะบอกคือ "หนังตลก" ไม่เคยขาดตลาดเมืองไทย สร้างมาเมื่อไหร่คนไทยอ้าแขนรับหมอ เพราะเสียงหัวเราะ เหมาะกับคนไทย มากกว่าเสียระเบิด ถ้าคนไทยมีธรรมะอยู่ในใจกันทุกคนอย่างพระน้อยในเรื่องนี้ เสียงระเบิดหรือเรื่องของการกระชับพื้นที่คงไม่เกิดขึ้นกับคนไทย...แน่นอนครับ

บทวิจารณ์โดย TCK tck05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ

อัลบั้มภาพ 4 ภาพ ของ วิจารณ์หนังเรื่อง หลวงพี่เท่ง 3

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook