วิจาร์ณหนัง องค์บาก3

วิจาร์ณหนัง องค์บาก3

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แล้วในที่สุดภาพยนตร์ไตรภาคของ จา พนม หรือที่คนต่างประเทศรู้จักกันดีในนาม โทนี่ จา องค์บาก 3 ก็ออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับใครที่รอคอยงานนี้ไม่รู้ว่าคุ้มกับการรอคอยหรือเปล่า เพราะระยะเวลาในการสร้างภาค 2 กับ ภาค 3 นี้ รู้สึกว่าจะเร็วเกินไปหน่อย สำหรับการทำงานของผู้กำกับหน้าใหม่อย่าง จา พนม เพราะเมื่อครั้งที่องค์บาก 2 ใช้เวลาในการถ่ายทำถึง 3 ปีด้วยกัน แต่พอมาเป็นภาค 3 แล้ว ใช้เวลาเพียงปีกว่าๆ เท่านั้น ถ้าเรามองในแง่ดี ก็อาจจะเป็นเพราะว่า ในภาคสองจะต้องสร้างฉากต่างๆ มากมาย เลยใช้เวลานานหน่อย แต่ภาค 3 นี้ไม่ต้องสร้างฉากอะไรแล้ว ก็เลยทำให้ถ่ายทำได้เร็วขึ้น แต่อีกกระแสก็ว่าเรื่องนี้งบเหลือน้อยแล้ว เพราะทุนที่ให้ถ่ายทำเรื่องนี้ของนายทุน จาได้ทุ่มไปใน ภาค 2 ค่อนข้างมากแล้ว ก็เลยต้องรีบทำให้เสร็จๆ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวงบจะบานปลาย เดี๋ยวผู้ออกทุนจะไม่ปลื้มอีก ซึ่งยังเหลือเงินอีกก้อนหนึ่งก็เน้นไปที่การทำ CG ของภาคนี้เท่านั้น งานนี้เป็นเรื่องจริงเรื่องเท็จประการใดก็คงต้องหาข่าวกันเอาเอง สำหรับงานในภาคนี้ ก็ยังคงเป็นอะไรในสไตล์ขององค์บากอยู่ คือเนื้อเรื่องน้อยแต่พยายามยืดเข้าไว้ อาจจะด้วยเหตุเพราะว่าในภาค 2 มีเสียงบ่นมาค่อนข้างมากว่า งานองค์บากนี้มีแต่บทต่อสู้กันอย่างเดียว ไม่เห็นมีเนื้อเรื่องอะไรเลย พอมาในภาค 3 นี้ จา พนม ในฐานะของผู้กำกับและคนเขียนบท เลยพยายามใส่เนื้อเรื่องให้มากขึ้น แต่จากที่ดูแล้ว เนื้อเรื่องก็ยังคงมีน้อยนิดเช่นเดิม แต่สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือเนื้อเรื่องยืดขึ้น ยืดขึ้น โดยที่สิ่งที่ยืดออกมานั้นบางครั้งก็ไม่จำเป็นกับเนื้อเรื่องสักเท่าไหร่นัก หรือไม่มีก็ได้ บางตอนก็เป็นฉากซ้ำๆ กัน ซึ่งจะตัดออกก็ไม่มีปัญหาอะไร หรือจะเรียกว่า น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง ก็ไม่ผิดอะไร และในเรื่องนี้จาได้เพิ่มบทดราม่าเข้ามา และเป็นเรื่องแรกของหนังในตระกูลองค์บากที่มีนางเอกเต็มตัว แต่บทเหล่านั้นก็ไม่ได้เรียกร้องให้ซาบซึ้งหรือน่าจดจำเท่าไหร่ ภาพบางภาพถูกพรีวิวซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นเคย ไม่รู้จะเสนอให้ซ้ำไปซ้ำมาทำไม ในเรื่องของฉากต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของหนังองค์บากนั้นในภาคนี้ หายไปเกือบหมด ท่าการต่อสู้ที่ถูกดีไซน์ออกมา อย่างโขนหรือนาฏศิลป์ที่ต้องไปรวมกับมวยไทยที่จาเรียกว่า นาฏยุทธ์ อาจจะดูสวยดี แต่ดูแล้วอ่อนช้อยเกินไป เพราะความโดดเด่นในเรื่องการต่อสู้ของคนที่ชื่อ จา พนม ที่ถูกบันทึกไว้ในหัวสมองของนักดูหนังชาวไทยและต่างประเทศนั้น จะต้องเป็นท่าที่ดุดันและทรงพลังยิ่งนัก ผมว่าเพราะจาต้องใช้ นาฏยุทธ์ ที่จาตีโจทย์ไว้เมื่อภาคที่แล้ว จนมาต่อภาคนี้ ทำให้ภาคนี้ต้องเสียความเป็นจาไปเสียสนิท โดยเฉพาะท่าแต่ละท่า ่าก็ไม่เข้ากับการต่อสู้สักเท่าไหร่นัก การร่ายรำของพิมที่เป็นนางเอกของเรื่อง น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของท่านาฏยุทธ์ แต่ไหงรำไปรำมาก็เห็นมีอยู่ท่าเดียว หมุนไปหมุนมาทีแรกนึกว่าจะมีท่าแปลกๆ ที่จะสามารถนำไปเปรียบเทียบกับท่าต่อสู้(นาฏยุทธ์)ได้ ก็ไม่เห็นมี ตอนที่จาไปฝึกเรียกพลังคืนตรงบริเวณหนองน้ำก็มีหินเรียงกันเป็นท่ามวยอยู่ใต้น้ำ แต่ก็ไม่เห็นจะบอกที่มาที่ไปเลยว่า มันคือท่าอะไร หลายคนรู้ว่าคุณจา พนม เป็นคนที่มีความสามารถมาก หลายคนรอคอยการออกแบบท่าการต่อสู้ใหม่ๆ ของคุณจา อย่างภาค 2 ที่คุณจาสามารถใช้อาวุธทุกชนิดได้เป็นอย่างดี ฉากต่อสู้มีการดีไซน์ใหม่ๆ ขึ้นมาเยอะ ฉากต่อสู้สวยงามมีฉากตื่นตาตื่นใจมากมาย จนหลายคนตั้งใจรอคอยดูท่าการต่อสู้ใหม่ๆ จาก จา ในองค์บาก 3 นี้ และคงให้ความหวังไว้เยอะ แต่พอเอาเข้าจริง คนดูในภาคนี้กลับรู้สึกว่า เขาไม่ได้อะไรใหม่ๆ ขึ้นมาเลย การต่อสู้กลับเป็นแบบธรรมดาถึงแม้จะมีการต่อสู้บนหลังช้าง หรือมีช้างเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย แต่ก็เป็นอะไรที่เคยเห็นมาแล้วในภาคที่แล้ว ดูไปดูมาก็เหมือนเราดูหนังจีนหรือหนังฮ่องกงต่อสู้เรื่องหนึ่งเท่านั้น ดราม่าที่ใส่เข้ามาเยอะจนขาดความเป็นหนังบู๊ของจา ได้กลบพลังส่วนนี้ของจาไปค่อนข้างมากทีเดียว แม้ว่านักแสดงทุกคนจะแสดงได้ดีแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่า สิ่งที่เพิ่มเข้ามามันไปลดฉากต่อสู้ลงเกือบครึ่ง ซึ่งมันไม่น่าจะเกิดขึ้นในหนังสไตล์ของ จา พนม นอกจากนี้แล้ว หนังเรื่องนี้ยังหนักไปทาง CG อีกด้วย อาจจะเป็นเพราะในภาคนี้เกี่ยวกับเรื่องของคำสาป และต้องมีวิชาอาคมเพิ่มเข้ามา เลยต้องใช้ CG ช่วย แต่นั้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ไปลดความขลังของสโลแกนหนัง เล่นจริง เจ็บจริง ไม่ใช้ลวดสลิง ไม่ใช้ตัวแสดงแทน แต่ใช้ CG แทน แต่จะว่าไปแล้ว CG ในเรื่องนี้ถือว่าทำใช้ได้เลยทีเดียว โดยเฉพาะตอนช้างรูปปั้นที่มีชีวิตขึ้นมา และฉากอีกาบินอยู่เต็มท้องฟ้า ในด้านการแสดงก็ต้องยอมรับว่า นักแสดงทุกคนโดยเฉพาะจา พนม แสดงได้ดีไม่มีที่ติ ไม่ว่าจะเป็นท่วงท่า หรือแววตา อารมณ์ต่างๆ จายังเล่นได้ดีไม่มีที่ติ ตอนที่โดนทรมานก็แสดงถึงความเจ็บปวดได้ถึงขั้วหัวใจ ว่าเจ็บปวดจริงๆ เวลาโกรธแสดงแววตาอาฆาตมาดร้ายได้ดี ส่วนนางเอกของเรื่อง พิม (พริมรดา เดชอุดม) แม้ว่าภาคที่แล้วไม่ค่อยได้แสดงฝีมือเท่าไหร่นัก แต่มาภาคนี้ได้เล่นเยอะขึ้น และได้เห็นความสามารถในการรำที่ดูสวยมาก ส่วนคุณหม่ำ เห็นบอกภาคนี้มีบทเยอะขึ้น ก็นึกว่าจะเป็นตัวเด่น แต่ก็ไม่ใช่ แค่ออกมาเรียกเสียงฮาในบางฉากเท่านั้น นักแสดงอีกคนที่ไม่กล่าวถึงคงไม่ได้ เพราะเป็นตัวเอกของเรื่องเหมือนกัน คือคุณเดี่ยว ชูพงษ์ ช่างปรุง คุณเดี่ยวเป็นที่มีร่างกายเล็กกว่าคุณจา เพราะฉะนั้นการต่อสู้ที่ปะทะกันตรงๆ กับคุณจานั้น ดูแล้วคุณเดี่ยวจะไม่สามารถสู้พลังของคุณจาได้ ในเรื่องนี้ก็เลยทำให้คุณเดี่ยวเป็น อีกา ซะเลย เป็นคนที่ฝึกวิชาจนมนตร์ดำเข้าตัว ซึ่งก็สร้างพลังในการต่อสู้ให้คุณเดี่ยวขึ้นมาอีกลำดับหนึ่ง และเป็นจุดขายให้หนังเรื่องนี้ แต่ดูเหมือนว่า จุดขายหรือจุดโปรโมทของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ว่า มวยอีกา หรือ นาฏยุทธ์ ใครจะเก่งกว่ากัน แค่ดูคำโปรยไม่ต้องดูในตัวภาพยนตร์ก็รู้ว่า ใครจะแพ้ใครจะชนะ แต่ดูรวมๆ แล้วการต่อสู้ของทั้งสองคนในตอนท้ายเรื่อง ก็ไม่เห็นจะมีอะไรแปลกใหม่เลย เหมือนหนังต่อสู้กันธรรมดาทั่วๆ ไป แม้จะมีคำว่า มวย นาฏยุทธ์ ค้ำคออยู่ก็ตาม ซึ่งก็เป็นท่าแปลกๆ ที่ไม่ได้ทำให้คนดูแปลกใจแต่ประการใด อีกเรื่องที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เน้น ก็คือการถ่ายภาพสวย ซึ่งก็ยอมรับว่ามีฉากสวยๆมุมสวยๆ ที่เกิดจากการถ่ายทำในเรื่องนี้อยู่หลายฉากหลายตอนเหมือนกัน แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นอะไรที่คนดูติดตาติดใจ ยิ่งดนตรีประกอบด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครับ สำหรับในเรื่องการโปรโมท ผมว่าไม่โดนตั้งแต่เป็นโปสเตอร์ตัวแรกๆ ออกมาแล้ว ส่วนโปสเตอร์ตัวหลังนี่ค่อยดูได้หน่อย ตัวอย่างหนังก็สอบผ่านสามารถเรียกคนให้เข้าไปดูได้ แต่อาจด้วยว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มาเร็วเกินไป จนทำให้หลายฝ่ายโดยเฉพาะฝ่ายโปรโมชั่นโปรโมทหนังเรื่องนี้สู้ภาคที่แล้วไม่ได้ เลยเน้นขายเฉพาะฉากต่อสู้ระหว่างเดี่ยว ชูพงษ์ กับ จา พนมเท่านั้น ส่วนเรื่องการขายสายหนังให้ต่างประเทศก็เงียบๆ ไป แต่คิดว่าคงขายให้ประเทศเดิมๆ นั่นแหละ เพราะว่าเป็นหนังภาคต่อ คงต้องมีการติดต่อกันอยู่แล้ว (แต่ทำไมเงียบจัง สู้ภาคที่แล้วไม่ได้) สรุปแล้ว ผมว่า องค์บาก ภาคที่แล้ว จะดูสนุกและน่าตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจมากกว่าภาคนี้หลายเท่านัก โดยรวมๆ แล้วก็ไม่ได้เป็นหนังที่เลวร้ายอะไร่นักหรอก เป็นหนังที่พอดูได้ (ผมไปดูมาแล้ว 2 รอบ/รอบสื่อ กับ รอบธรรมดาเสียเงิน) แต่ถ้าใครเคยดูภาค 2 แล้วอย่าตั้งความหวังไว้สูงว่า จะสนุกกว่าหรือสนุกเท่าภาคที่แล้ว เพราะภาคนี้จาลืมคำว่า หัวใจของหนังแอ็คชั่นไป หัวใจของหนังแอ็คชั่น ก็คือฉากแอ็คชั่นครับ ภาคนี้จาเดินพลาดไปแล้ว....

บทวิจารณ์โดย : TCK E-mail :TCK05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ วิจาร์ณหนัง องค์บาก3

วิจาร์ณหนัง องค์บาก3
วิจาร์ณหนัง องค์บาก3
วิจาร์ณหนัง องค์บาก3
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook