วิจารณ์หนัง Clash Of The Titans
อากาศร้อนๆ กับช่วงเทศกาลสงกรานต์ก็คงทำให้ใครหลายๆ คนดับร้อนกันได้บ้างนะครับ ถึงแม้ว่าประเทศเราตอนนี้จะมีแต่เรื่องร้อนแรงก็ตาม แม้เมืองไทยไม่มีเทพเจ้าสงกรานต์ที่สามารถนำำความชุ่มฉ่ำของน้ำมาให้ได้ใช้ตลอดทั้งปี แต่ประเพณีดีๆ อย่างนี้ของเราก็มีเทพีสงกรานต์ที่ทำให้คนไทยเรามีความสุขและยิ้มได้ไม่แพ้กัน
ในช่วงนี้ถ้าจะแวะเข้าชมภาพยนตร์สักเรื่อง ผมขอแนะนำเรื่อง Clash Of The Titans หรือมีชื่อเป็นภาษาไทยว่า "สงครามมหาเทพประจัญบาน" หนังเก่าแก่เมื่อปี 1981 ที่ถูกนำมารีเมคขึ้นมาใหม่ให้มันมีชีวิตในโลกใบใหม่ ถ้านับตามอายุของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วก็น่าจะมีอายุประมาณ 29-30 ปีเลยทีเดียว หลายคนอาจจะเกิดไม่ทันเวอร์ชั่นเก่า ทันทีที่ผมได้ชมภาพยนตร์ตัวอย่างเรื่องนี้ ก็ไปเสาะหาเวอร์ชั่นเก่ามาดู และทราบมาว่า ถ้าใครอยากดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นเก่า ก็สามารถเข้าไปดูในเว็บ www.youtube.com ได้เลย เซิร์ชคำว่า "Clash Of The Titans 1981" ก็จะเห็นเรื่องนี้อยู่เต็มจอไปหมด เพราะว่าคนที่นำมาโพสท์ได้แบ่งเรื่องนี้ออกเป็น Part เอาไว้ โดยทั้งเรื่องก็ประมาณ 12 Part พอดี แต่ขอบอกไว้ก่อนนะครับว่า เนื้อเรื่องในเวอร์ชั่นเก่ากับเวอร์ชั่นใหม่นี้ไม่ค่อยจะเหมือนกันสักเท่าไหร่นัก เรียกว่าเวอร์ชั้นใหม่นี้มีอะไรที่แตกต่างจากเวอร์ชั่นเก่ามากมายเลยทีเดียว แต่โครงเรื่องหลักๆ ก็ยังคงเหมือนกันอยู่
สำหรับในเวอร์ชั่นปี 2010 นี้ได้ผู้กำกับมือทองแห่งฮอลลีวู้ดมากำกับให้ คือหลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ (Lousi Leterrier) ซึ่งเมื่อดูผลงานที่หลุยส์เคยกำกับมาแล้วก็ล้วนแล้วแต่เป็นหนังดังๆ ทั้งนั้น อย่างเช่น เรื่อง Danny the dog หรือชื่อภาษาไทยว่า "คนหมาเดือด" เรื่องนี้ได้พระเอกอันดับต้นๆ ของชาวเอเซียมาเล่นให้คือ คุณเจ็ท ลี หรืออย่างเรื่อง Transporter 2 (ทรานสปอร์ตเตอร์ 2) ที่ได้พระเอกอย่าง คุณเจสัน สเตทแธม มาเล่นให้ หรือเรื่อง The Incredible HULK 2 (มนุษย์ตัวเขียวจอมพลัง ภาค 2) ก็ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือการกำกับของคุณหลุยส์ เลแตร์ริเย่ร์ แทบทั้งสิ้น ส่วนเรื่องล่าสุดนี้ Clash Of The Titans ผมไม่รู้ว่าใครไปเข้าสิงให้คุณหลุยส์ทำเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ถือว่าเก่ามากๆ อาจจะเป็นเพราะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณหลุยส์ชอบตั้งแต่เด็กแล้วก็ได้ จะว่าไปแล้วภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับกรีกโบราณในสมัยก่อนที่โด่งดังก็มีหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง "ซินแบ็คผจญแม่มดตาสมิง" หรือจะเป็นเรื่อง "อภินิหารขนแกะทองคำ" ก็เป็นเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้เรื่อง Clash Of The Titans เลย
Clash Of The Titans เรื่องราวความเก่าที่เล่าขาน ถูกจารึกไว้ในหมู่ดาว เรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์และเทพเจ้าเมื่อครั้งเทพไทตันครองโลก ถึงแม้ว่าเทพไทตันจะทรงพลังและยิ่งใหญ่มากแค่ไหนก็ตาม แต่บัลลังก์ต้องสิ้นสุดลงเพราะบุตรชายทั้ง 3 ซุส, โพโซดอน และ เฮเดส ซุสชักชวนให้น้องชายเฮเดส สร้างอสูรที่ชื่อที่แข็งแกร่งสามารถโค้นล้มพ่อแม่ตัวเองได้ และจากเนื้อหนังของเขาเอง เฮเดสได้ให้กำเนิดความสยดสยองที่มากล้น เดอะคาเคน ซุสได้เป็นเจ้าแห่งสรวงสวรรค์ โพโซดอนเป็นเจ้าแห่งท้องทะเล และเฮเดสถูกล่อลวงโดยซุสให้ต้องปกครองยมโลกที่มืดมิตจมอยู่กับความทุกข์ทรมาน ซุสเป็นผู้ที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาและมนุษย์สวดสรรเสริญเพื่อเป็นพลังให้กับเทพเจ้า วันเวลาผ่านไป เผ่าพันธุ์มนุษย์เริ่มแข็งกล้าและตั้งข้อกังขากับเหล่าทวยเทพ และสุดท้ายก็ลุกขึ้นเพื่อต่อต้านกับเทพเจ้า
ในเรื่องของการเขียนบทนั้น ได้คุณเทรวิส บีแชม (Travis Beacham) และคุณ ฟิล เฮย์ (Phil Hay) มารับหน้าที่เขียนบท อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าเนื้อเรื่องในเวอร์ชั่นนี้ ถูกเปลี่ยนไปมากมายหลายจุด อย่างเช่น ตัวแมงป่องในเวอร์ชั่นเก่า ถึงแม้จะเป็นแมงป่องยักษ์ แต่ก็ตัวเท่าคนเท่านั้น ส่วนในเวอร์ชั่นนี้แมงป่องถูกเนรมิตให้เป็นแมงป่องยักษ์แบบอลังการงานสร้าง ตัวใหญ่โตมโหฬารมาก แถมมีความคล่องแคล่วว่องไวและดุร้ายมากกว่าเวอร์ชั่นเก่าหลายเท่า ในส่วนของตัว "เมดูซ่า" ที่เป็นตัวชวนติดตามอีกตัวหนึ่งของเรื่องนี้ก็ทำเทคนิคได้ดี ในสมัยเก่านั้นเทคนิคของตัวปิศาจหรือสัตว์ประหลาดต่างๆ ยังคงเป็นแบบ Stopmotion การเคลื่อนไหวของเหล่าสัตว์ประหลาดเหล่านี้ยังดูแข็งๆ และเชื่องช้า แต่พอถูกเนรมิตมาอยู่ในเวอร์ชั่นใหม่ เมดูซ่า ดูเธอช่างงดงามและดุร้ายปราดเปรื่องว่องไวเป็นที่สุด ไม่เว้นแม้บอสตัวสุดท้าย คาเคน ที่ดูยิ่งใหญ่ตระการตาอย่างมาก ดูแล้วน่ากลัวสุดๆ และทำให้คิดไปด้วยว่า ใครจะสามารถไปสู้หรือต่อกรกับสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ขนาดนั้นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสัตว์ประหลาดต่างๆ ในเรื่องนี้ก็ยังคงเหมือนเวอร์ชั่นเดิมไม่ผิดเพี้ยนนั้นก็คือ "ตายง่ายจัง" และที่ขัดใจผมเล็กๆ ก็ตรง "ม้าเพกาซัส" นั้นตามตำนานเป็นม้าสีขาว แต่ในเรื่องนี้เปลี่ยนเป็นม้าสีดำเฉยเลย แต่ก็น่าจะมีเหตุผลที่เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีดำนะครับ
ยังคงเสียดายในส่วนของระบบ 3D ที่ถูกแทรกมาในเวอร์ชั่นนี้ ได้ข่าวว่าเพิ่งมาทำใน 3 เดือนสุดท้ายก่อนหนังเข้าฉาย ซึ่งถ้าเป็นจริง อย่าทำดีกว่า ก็ดูเป็นเพียงแค่ หน้ง3D ธรรมดาที่ทำให้ดูลึกและมีมิติเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรพิเศษที่ทำให้เราตกใจเวลามีอะไรพุ่งออกมาจากจอ หรือส่วนลึกๆ แบบภาพยนตร์ AVATAR ก็หาไม่ เรียกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ดูแบบธรรมดาหรือ 3D หรือ 2D ก็มีความรู้สึกที่ใกล้เคียงกันมาก
ในด้านของการแสดง แซม เวิร์ธธิงตัน (Sam Worthington) ซึ่งรับบทเป็น เพอร์ซีอุส ลูกชายของซุส ที่เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งเทพแสดงได้ดีสมกับเป็นนักรบผู้กล้าหาญ จะว่าไปแล้วแซมกำลังเป็นดาราเนื้อหอมที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ ด้วยผลงานที่ผ่านมาจะได้รับบทเด่นๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง คนเหล็ก 4 Terminator Salvation หรือจะเป็นเรื่อง AVATAR ก็ตาม ส่วน เลียม นิสัน (Liam Neeson) ที่รับบทเป็น เทพเจ้าซุส หลายคนคงคุ้นหน้ากันดี เพราะว่าเลียม นิสันนั้นเล่นหนังมามากกว่า10 เรื่องด้วยกัน อย่างล่าสุดก็เรื่อง BATMAN BEGINS และเรื่อง TAKEN และกำลังจะมีโปรแกรมต่อจากเรื่อง Clash Of The Titans อีกคือเรื่อง THE A-TEAM เรื่องนี้ยิงกันสนั่นลั่นจอเลยทีเดียว ตัวเด่นอีกคนคือ ราล์ฟ ไฟนส์ (Ralph Fiennes) ที่รับบท เฮเดส ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่แสดงได้ถูกใจนักดูหนังเป็นจำนวนมาก สำหรับนักแสดงท่านนี้ถ้าใครชอบดูภาพยนตร์ประเภทแฟนตาซีอย่างเรื่อง Harry potter แล้วก็คงคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เพราะว่าราล์ฟนั้นรับบทเป็น ลอร์ด โวลเดอมอร์ ในเรื่องนี้หลายภาคแล้ว
สำหรับอากาศที่ร้อนๆ ได้ดูอะไรที่ผ่อนคลายผมว่าก็ดีไม่น้อยนะครับ อย่างภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เทคนิคสมัยใหม่ใส่เข้ามาอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์โบราณมาก่อน แต่ก็ดูไม่เบื่อแถมยังตื่นเต้นทุกฉากทุกต้อนด้วยงานสร้างที่ยิ่งใหญ่อลังการ ถ้าเทพเจ้ามีจริงในตอนนี้ผมก็อยากจะขอให้บ้านเมืองสงบสุขกันเสียทีครับ รับรองว่าผมจะไม่ต่อต้านเทพเจ้าเหมือนหนังเรื่องนี้โดยเด็ดขาด
"นี่ผมจะงมงายเกินไปหรือเปล่าเนี่ย!!"
บทวิจารณ์โดย : TCK E-mail :TCK05@sanook.com