วิจาร์ณหนัง บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)
แล้วภาพยนตร์เรื่องแรกของปี 53 จากค่าย GTH ก็พร้อมฉายให้ชมกันแล้ว หลังจากปีที่แล้วค่ายนี้กวาดทั้งเงินทั้งรางวัลไปเป็นกระบุง จากเรื่อง "5 แพร่ง" และ "รถไฟฟ้ามาหานะเธอ" และเรื่องหลังนี้ บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) ก็กลายเป็นหนังไทยที่ทำสถิติทำรายได้สูงสุดของประเทศไทยไปแล้ว (145ล้านบาท / ไม่รวมหนังของท่านมุ้ย) สำหรับปีนี้ก็เปิดตัวด้วยเรื่อง "บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) โดยปะหน้าหนังไว้ว่า เป็นภาพยนตร์แนวตลกครอบครัว อบอุ่น ซึ้งกินใจ อะไรจะขนาดนั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ คุณบอล (วิทยา ทองอยู่ยง) มาเป็นผู้กำกับ อาจจะเป็นเพราะว่าภาพยนตร์เรื่องที่แล้วที่คุณบอลกำกับ คือเรื่อง "เก๋า..เก๋า" ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควรมั้ง ในเรื่องนี้คุณบอลเลยพกผู้กำกับมาอีกคนคือ คุณเมษ ธราธร ให้มาช่วยกำกับและร่วมกันเขียนบทด้วย พูดถึงการเขียนบทเรื่องนี้แล้ว แว่วๆ มาว่ายังมีอีกคนที่ร่วมกันเขียนบทด้วยคือคุณอมราพร แผ่นดินทอง สำหรับตัวคุณบอลแล้ว มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมได้พบปะกับเขาเป็นประจำ ในช่วงที่หนังเรื่องแฟนฉันกำลังโด่งดังอยู่ พอดีผมเป็นแฟนคลับ (2FC) ของภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ก็เลยเจอคุณบอลบ่อยมากในช่วงนั้น คุณบอลเป็นคนที่คุยดีคุยสนุก และคุณบอลนี่แหละเป็นคนจุดประกายเริ่มต้นของภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน (ชื่อเดิมของหนังเรื่องแฟนฉันคือชื่อ "รักครั้งแรก" ซึ่งคุณบอลเป็นคนเขียนไว้) และเรื่องนี้ "บ้านฉัน ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้)" ก็ยังมีกลิ่นอายของเรื่อง "รักครั้งแรก" กลายๆ เลย แต่เป็นรักครั้งแรกของเด็กชายที่ชื่อ ต๊อก อายุ 12 ปี
บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) ได้รับแรงบันดาลใจ จากหนังสั้นเรื่อง "ทำไมต้องตลก" หนังสั้นที่คุณบอลเคยทำส่งประกวดและได้รับรางวัลมา ว่าไปแล้วหนังสั้นเรื่อง "ทำไมต้องตลก" ก็เป็นหนังเรื่องแรกที่ "แจ๊ค แฟนฉัน" เล่นให้กับคุณบอลด้วย เพราะฉะนั้นบทของต๊อกก็น่าจะมาจากบทของแจ๊ค ที่เคยเล่นเรื่องสั้นเรื่องนี้ไว้
บ้านฉัน..ตลกไว้ก่อน (พ่อสอนไว้) เป็นเรื่องของเด็กชายต๊อก (น้องเฟม-เด็กชายชวิน ลิขิตเจริญพงษ์) อายุ12 ปี ที่เกิดมาในครอบครัวตลกคาเฟ่ ที่สืบทอดเสียงหัวเราะมาตั้งแต่บรรพบุรุษ โดยพ่อของต๊อก (จาตุรงค์ พลบูรณ์) หมายมั่นปั้นมืออยากให้ต๊อกเป็นตลกสุดยอดของเมืองไทยขณะที่พ่อของต๊อกมักจะกล่าวบนเวทีตลกตลอดเวลาในตอนที่ต๊อกเป็นเด็กๆ ว่า "เด็กคนนี้เกิดมาเพื่อที่จะปราบหม่ำ คว่ำโก๊ะตี๋ ขยี้ถั่วแระ แซะโหน่ง ชะชะช่า ตามล่าเท่ง แล้วมาเฉ่งจาตุรงค์" แต่ทายาทอันดับหนึ่งของครอบครัวนี้ มุขฝืดอย่างแท้จริงๆ เรียกว่าฝืดสนิท ขึ้นเวทีไม่เคยมีคนดูขำเลย ผิดกับทายาทอันดับสอง น้องม่อน (น้องจีน่า-ณิชาพัชร์ จารุรัตน์นาวารี) ที่สามารถเล่นมุขตลกได้แพรวพราว ต๊อกได้ไปหลงรัก หมอน้ำแข็ง (พอลล่า-พัลลภา เทเลอร์) หัวปักหัวปำ ทั้งๆที่ตัวเองเพิ่งอายุ 12 แต่หมอน้ำแข็งอายุ 24 แล้ว โดยมารู้ที่หลังว่าหมอน้ำแข็งก็มีปัญหาหัวใจอยู่ ด้วยวัยที่ยังเป็นเด็กอยู่ จึงต้องให้พ่อช่วยร่วมกันใช้วิชาตลกแก้ปัญหาให้คุณหมอน้ำแข็งให้ได้
เมื่อก่อนผมเคยเชื่อว่า หนังตลกมักไม่มีสาระ แต่พอดูเรื่องนี้แล้ว ผมขอเถียงหัวชนฝาเลยว่า หนังตลกถ้าจะทำให้มีสาระแล้ว ทำได้ครับ อย่างหนังเรื่องนี้เป็นตัวอย่าง นอกจากตัวหนังจะตลกโปกฮาแล้ว แก่นแท้ของหนังเรื่องนี้ยังแทรกสาระไว้เพียบ หนังเรื่องนี้ให้คำนิยามของคำว่า "พ่อ" ได้ดีมากๆ ผมเชื่อว่าปกติธรรดาทุกๆ คนเป็นคนรักพ่อของตัวเองอยู่แล้ว แต่ถ้ามาดูเรื่องนี้แล้วจะรักพ่อเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าทวีคูณเลยทีเดียว คุณจาตุรงค์เล่นบทพ่อเรื่องนี้ได้ดีมาก ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นบทเครียด แต่พอถึงบทเข้าจริงๆกลับเป็นบทที่ทำให้เรารักพ่อมากขึ้น อย่างตอนที่ต๊อกหนีไปกรุงเทพฯเพื่อไปหาหมอน้ำแข็ง เมื่อต๊อกกลับมา พ่อเป็นเดือดเป็นแค้นมากที่ต๊อกหายไปทั้งคืน ถือไม้เรียวมาหวดๆๆ แต่ไม่ได้หวดต๊อกนะ ตีตัวเองแทนจนเป็นแนวเลือดซิบ เพราะรักลูกมาก แม้ว่าลูกจะทำผิดยังไงก็ไม่กล้าตีลูกรุนแรงเพราะกลัวลูกเจ็บ ลูกคนไหนที่คิดว่าพ่อแม่รักลูกไม่เท่ากัน หรือพ่อแม่ไม่รักผม อยากให้มาดูหนังเรื่องนี้แล้วจะรู้ว่าพ่อแม่นั้นรักลูกมากขนาดไหน ดูเรื่องนี้ยังแอบน้ำตาซึมบางตอนเลยครับ
ในบทของต๊อกเอง ถึงแม้จะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของน้องเฟม แต่ก็เล่นดีเกินคาด คุณบอลบอกว่าน้องเฟมเป็นเด็กที่ตั้งใจทำงานมาก แม้จะให้เล่นซีนเดิมกี่สิบเทคก็ไม่เคยบน แต่กลับตั้งใจเล่นและเล่นดีขึ้นเรื่อยๆ การแสดงที่ยากที่สุดก็คือการแสดงแววตาในบทต่างๆ แต่น้องเฟมก็เล่นผ่านไปได้อย่างง่ายดาย อาจจะเป็นเพราะว่าน้องเฟมเป็นนักแสดงโขนของโรงเรียนก็ได้ (น้องเฟมเรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตมศว.ประสานมิตร ฝ่ายประถม ปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ป.6) ซึ่งได้รับบทเด่นเป็นถึงพระรามเลยทีเดียว และเคยไปเล่นโขนงานวันเด็กที่นายกรัฐมนตรีไปเปิดงานด้วย นอกจากนี้แล้วน้องเฟมยังเป็นนักเต้นตัวยง เคยประกวดเต้น K-POP และติด 1 ใน 15 ทีมที่ต้องขึ้นไปเล่นบนคอนเสิร์ต SM TOWN และล่าสุดได้เล่ม MV ในเพลง To Be Number One ในทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ อีกด้วย เรียกว่าอนาคตน้องเฟมในเส้นทางบันเทิงไปไกลแน่ๆ ถ้าทำตัวดีๆ สำหรับน้องจีน่าคงไม่ต้องกล่าวถึง เพราะเคยเห็นหน้าน้องเขาในทีวีจากละครเรื่อง "เซ็น สื่อรักสื่อวิญญาณ" และซีรี่ส์เรื่อง "สายลับ เดอะซีรี่ส์" ก็คงการันตีฝีมือน้องเขาได้แล้ว
ผู้หญิงสวยอีกคนคงเป็นนางเอกของเรื่องนี้ หมอน้ำแข็ง นั่นเอง คุณพอลล่า ดูยังไงก็ยังเป็นสาวที่สวยมากๆ เหมือนเดิม แม้ว่าเรื่องที่แล้วที่เธอเล่นไว้ "รักจัง" จะห่างมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่ความสวยบวกการแสดงของเธอยังคงเป็นมืออาชีพอยู่เหมือนเดิม บอกตามตรงผมอิจฉาฉากที่น้องเฟมจูบคุณพอลล่าจัง น้องเฟมเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดในโลกเลย อิจฉาๆ
ชอบนะครับที่นำเพลง "อารมณ์ดี" ของคุณสามารถ พยัคฆ์อรุณ มาเป็นเพลงประกอบหนังเรื่องนี้ ได้อารมณ์ดีครับ และอีกเพลงที่ชอบคือเพลง ปาฏิหาริย์ ของคุณกบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี ที่ดูแล้วอยากจะให้ต๊อกได้ปาฏิหาริย์ อย่างนั้นจริงๆ
สรุปแล้วหนังเรื่องนี้ดูสนุกครับ ฉากตลกก็ตลกดี ฉากตลกฝืดของต๊อก ก็ฝืดจริงๆ แต่ถึงแม้ต๊อกจะเล่นตลกฝืดแต่ก็ได้ใจคนดูไปตรึมเลย และจะมีเด็กสักกี่คนที่ไม่รู้ว่าพ่อแม่รักลูกมากขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่เป็นพ่อ ที่ลูกมักจะคิดว่าพ่อไม่รัก คำนิยามในต้อนท้ายของเรื่องตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดีครับ "เราอาจไม่รู่ว่าพ่อเรารักเรามากแค่ไหน ก็ต่อเมื่อเราได้เป็นพ่อคนแล้ว" ดูหนังเรื่องนี้แล้วรับรองว่าไม่เสียดายเงินครับ และผมขอเอาใจช่วยและเชียร์หนังเรื่องนี้ให้เป็นหนังที่ได้ทั้งเงินและกล่องอีกเรื่องครับ
บทวิจารณ์โดย : TCK E-mail :TCK05@sanook