วิจารณ์หนัง Avatar

วิจารณ์หนัง Avatar

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ครั้งแรกที่เห็นภาพโปสเตอร์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ ในความรู้สึกของผมตอนนั้นบอกได้คำเดียวว่า มาอีกแล้วเหรอภาพยนตร์ประเภทนี้ ดูจากภาพโปสเตอร์แล้วก็คล้ายๆ กับหนังวิทยาศาสตร์เรื่อง Star Trek และภาพโปสเตอร์ก็ไม่ได้ดึงดูดให้อยากดูนัก แต่พอดูไปดูมา ผมก็มาสะดุดหัวแทบทิ้มกับชื่อของผู้กำกับเรื่องนี้ เจมส์ คาเมรอน ครับ อ่านไม่ผิดแน่ ภาพยนตร์เรื่อง Avatar ผู้กำกับคือ เจมส์ คาเมรอน ผู้กำกับในตำนานของผมเลย เจมส์ คาเมรอน (James Cameron) โด่งดังในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง The Terminator หรือคนเหล็กในปี1984 โดยเฉพาะคนเหล็กภาค 2 ที่ได้ อาร์โนลด์ ชวาร์ซเนกเกอร์ เล่นประกบคู่กับ ลินดา แฮมมิลตัน ทำให้ชื่อของคาเมรอนเป็นชื่อที่ติดหูมากเลย ถัดจากนั้นก็มีภาพยนตร์ที่สร้างความฮือฮาออกมาอีกอย่าง Aliens ในปี 1986 และที่สุดของที่สุดก็คงเป็นเรื่อง Titanic ในปี 1997 หนังเรื่องนี้ได้ทั้งเงินได้ทั้งรางวัลอีกมากมาย และเป็นหนังที่ทำสถิติรายได้สูงสุดอีกด้วย ทำให้ชื่อของแจ๊ค กับ โรส ติดตาตรึงใจคนทั้งโลกจนถึงทุกวันนี้ และคาเมรอนก็ได้ตำแหน่ง ราชาแห่งภาพยนตร์ (King of the world) ไป หายไปประมาณ 12 ปี คาเมรอนก็นำผลงานชิ้นใหม่มาให้ชาวโลกอย่างเราๆ ได้ดูกันอีก แถมคุยอีกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ที่ออกมาเพื่อปฏิวัติวงการภาพยนตร์ ซึ่งคาเมรอนมั่นใจในเทคโนโลยีที่เขานำมาสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้มาก ทั้งการเป็นหนัง 3 มิติและการผสมผสานการถ่ายทำจากคนจริงๆ เข้ากับการสร้างภาพจากเครื่องคอมพิวเตอร์คุณภาพสูงสุด (Computer Generated Imagery-CGI) ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงไม่ใช่มีจุดเด่นที่พล็อตเรื่อง แต่เป็นสารพัดเทคโนโลยีที่เขาเอามาสร้างหนังเรื่องนี้มากกว่า และใช้เวลาถึง 4 ปีในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมได้มีโอกาสดูเบื้องหลังการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากบอกว่าอุปกรณ์การถ่ายทำของเขาทุกๆ อย่างสุดยอดมาก โดยเฉพาะกล้องถ่ายหนังที่เป็นระบบ 3 มิติ นั้น สุดยอดจริงๆ แม้จะเป็นแค่ห้องสี่เหลี่ยมๆ แต่เมืื่อมองผ่านกล้องตัวนี้แล้วภาพพื้นหลังต่างๆ ก็จะเห็นเป็นภาพตามที่ได้ลงโปรแกรมไว้ทันที ส่วนนักแสดงก็ใช้นักแสดงจริงๆ ติดสายระโยงระยางเต็มไปหมด แต่ภาพที่เห็นผ่านกล้องตัวนี้ ก็คือตัวตนของตัวละครในภาพยนตร์เลย เรียกว่าตอนที่เราดูเรื่องนี้เห็นหน้าตาตัวละครเป็นอย่างไร ตอนที่ถ่ายทำผ่านกล้องนี้ ก็จะเห็นเป็นอย่างนั้นเช่นกัน นักแสดงก็มีหน้าที่แสดงไปตามบทเท่านั้น ภาพยนตร์เรื่องนี้จึงได้ชื่อว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีทุนในการสร้างสูงที่สุดในโลก คือประมาณ หนึ่งหมื่นล้านบาท ซึ่งทาง 20th Century Fox บริษัทต้นสังกัด ก็เชื่อในฝีมือของคาเมรอน และยอมควักกระเป๋าตังค์จ่ายตรงนี้ให้ เราเคยดูแต่ภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับมนุษย์ต่างดาวมาบุกโลกเรา แต่ภาพยนตร์เรื่องนี้ พวกเรา (ชาวมนุษย์โลก) กลับกลายเป็นพวกมนุษย์ต่างดาวที่เราไปบุกหรือลุกลานในโลกของคนอื่นเขา เรื่องย่อๆ มีอยู่ว่า โลกเราได้ขาดพลังงานก็ต้องแสวงหาจากแหล่งอื่น และก็สืบทราบมาว่าที่ดวงดาว แพนโดร่า เป็นดาวที่สมบูรณ์ที่สุด และที่สำคัญ มีแร่พลังงานเต็มไปหมด (ในหนังบอกว่า แร่พวกนี้ขายกันที่กิโลกรัมละ 200 ล้าน แพงจริงๆ) บริษัทที่จัดการเรื่องนี้จึงได้ส่งพวกนักวิทยาศาสตร์ และพวกทหารรับจ้างไปยังดาวแพนโดร่านี้ทันที ซึ่งเจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ธธิงตัน/Sam Worthington) พระเอกของเรื่องผู้พิการขาทั้งสองข้างและเป็นทหารรับจ้างก็ติดไปกับโครงการนี้ด้วย ด้วยบรรยากาศของดาวแพนโดร่าที่เป็นพิษต่อร่างกายมนุษย์ พวกเขาจึงต้องพัฒนาโปรแกรมอวตาร เพื่อแปลงสภาวะจิตของคนให้ไปอยู่ในร่างอวตาร และเจคที่อยู่ในร่างของอวตาร มีภารกิจต้องแทรกซึมเข้าไปในกลุ่มชาวนาวี ชนเผ่าพื้นเมืองของดาวดวงนี้ ที่เป็นอุปสรรคสำคัญของชาวโลกในการเข้าถึงเหมืองแร่ล้ำค่า แต่นาวีสาวสวยชื่อ นีย์ทิรี้ (โซอี้ ซัลดาน่า/Zoe Saldana) ได้ช่วยชีวิตเจคไว้และแผนการทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลง เจคได้เข้าร่วมชนเผ่าของเธอ ต่อต้านพวกมนุษย์โลก นอกจากภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีเทคนิคในการสร้างที่ล้ำสมัยสุดๆ แล้ว ยังสร้างภาษาขึ้นมาอีก 1 ภาษา คือภาษาของชนเผ่านาวี เคยมีปรากฏการณ์อย่างนี้มาแล้วครั้งหนึ่งกับเรื่อง The Lord of the Ring ซึ่งหนังเรื่องนี้ได้สร้างภาษาให้กับชาว เอลฟ์ แล้วพวกแฟนคลับที่ชอบหนังเรื่องนี้ก็เลยไปศึกษาภาษาเอลฟ์กันอย่างมุ่งมั่น แล้วคุยภาษาเอลฟ์กันในหมู่แฟนคลับอีกด้วย ก็หวังว่าภาษาที่ถูกสร้างขึ้นใน Avatar กับภาษาของชาวนาวี ถ้ามีแฟนคลับของเรื่องนี้มาศึกษาภาษานี้อีก อีกไม่นานก็คงได้ยินแฟนคลับของหนังเรื่องนี้พูดคุยกันด้วยภาษานาวีเป็นแน่แท้ อ้อ..นอกจากจะมีภาษาที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถูกนำไปสร้างเป็นเกมส์คอมพิวเตอร์อีกด้วยนะครับ (ของเครื่องเล่น X-BOX) ใครที่เป็นแฟนคลับเรื่องนี้ก็คงไม่พลาดเช่นกัน ตลอดระยะเวลาเกือบ 3 ชั่วโมงสำหรับการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ เรียกว่าเป็นการดูภาพยนตร์ที่ไม่อยากให้สายตาของเราพลาดไปแม้แต่ฉากเดียว เนื้อเรื่องดำเนินได้เร็วกระชับเข้าใจง่ายแม้จะเป็นหนังวิทยาศาสตร์ ส่วนเรื่องภาพคงไม่ต้องพูดถึงกันแล้ว เป็นอะไรที่สุดยอดมาก สำหรับผมชอบมากที่สุดก็เป็นฉากเรื่องแสงต่างๆ สวยดีครับ อีกฉากที่ชอบก็คงเป็นฉากที่เป็นภูเขาลอยได้ ถ้าใครเป็นพวกเกมเมอร์ด้วยแล้ว คงจะเห็นฉากต่างๆ เหล่านี้มาบ้างแล้วในเกมต่างๆเช่น มอนสเตอร์ฮันเตอร์ หรือเกมฟรอนท์มิชชั่นหรือจะเป็นเกมไฟนอลแฟนตาซี ฉากจะคล้ายกันบ้าง แต่ Avatar สุดยอดกว่า ผมว่าคาเมรอนฉลาดที่เอาสิ่งดีๆ ที่คนเห็นในโลกภาพยนตร์ต่างๆ มาแต่งเติมเสริมยอดให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ จะเห็นว่าไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ดูธรรมดาที่สามารถเดาเนื้อเรื่องถูกได้ตลอดทั้งเรื่อง แต่เป็นเนื้อเรื่องที่ไม่ธรรมดา เมื่อมีการสอดแทรกสิ่งดีๆ เอาไว้อย่างมากมาย ผมว่าเป็นภาพยนตร์เรื่องเดียวที่อุดช่องโหว่ไว้หมดถึงแม้ว่าจะเป็นหนังแฟนตาซี แต่เหตุและผลดีมาก ไม่มีหลุดอะไรออกมาให้ตำหนิแม้แต่น้อย นักแสดงแสดงได้ดีกันทุกคน ไม่ว่าจะเป็นตัวเอกอย่างเจค ซัลลี่ (แซม เวิร์ธธิงตัน/Sam Worthington - ซึ่งเรื่องก่อนหน้านี้ ในคนเหล็ก 4 เขาก็ได้รับบทเด่นเช่นกัน) หรือนางเอกของเรื่องอย่าง นีย์ทิรี้ (โซอี้ ซัลดาน่า/Zoe Saldana) อีกคนที่ผมชอบเธอมาก ชอบมาตั้งแต่เธอเล่นเรื่อง Resident Evil แล้วคือ มิเชล ร็อดริเกซ (Michelle Rodriguez) เธอเล่นเป็นทรูดี้ในเรื่องนี้ยังคงเท่เหมือนเดิม อีกคนถ้าไม่เอ่ยถึงคงไม่ได้ กับตัวร้ายของเรื่อง สตีเฟน แลง (Stephen Lang) ในบทพันเอกไมล์ ควอริชท์ ดูเรื่องนี้แล้วผมว่าได้อะไรมากกว่าที่คิดไว้เยอะ ดูเรื่องนี้แล้วผมไม่ชอบพวกมนุษน์ที่เห็นแก่ได้ รังแกผู้อื่นเพื่อต้องการของๆเขา แต่ถ้ามองในอีกมุมชาวโลกก็ต้องการเอาตัวรอดจากสภาวะโลกขาดพลังงาน แต่ชาวนาวีเขาก็ต้องการเอาตัวรอดจากการถูกลุกลานของชาวโลกเช่นกัน เขาจึงต้องลุกขึ้นมาสู้ และก็เห็นอีกว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีเทคโนโลยีดีแค่ไหน แต่ก็ยังแพ้ความสามัคคีของคนในชาติ แพ้ความรักที่มีให้กับแผ่นดินบ้านเกิดเมืองนอน แพ้ในความรู้สึกชั่วดี และก็ยังมีอะไรดีๆ อีกหลายอย่างที่อยู่ในเรื่องนี้ Avatar ถูกเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม, ดนตรีประกอบยอดเยี่ยม และเพลงประกอบยอดเยี่ยม ผมก็หวังไว้ว่า ทั้ง 4 รางวัล Avatar คงได้หมดทุกรางวัล สำหรับผมช่วงปีใหม่นี้คงหาเวลาไปดูอีกสักรอบ แต่คราวนี้คงดูในระบบ 3 มิติเลย และก็เชื่ออีกว่า คงจะคุ้มค่ากับเงินที่ต้องเสียไปแน่ๆ ครับ เพราะเรื่องนี้ผมให้ 10 เต็ม 10 เลยครับ

บทวิจารณ์โดย : TCK E-mail :TCK05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง Avatar

วิจารณ์หนัง Avatar
วิจารณ์หนัง Avatar
วิจารณ์หนัง Avatar
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook