วิจารณ์หนัง 2012
ผมได้ดูตัวอย่างหนังเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก นี้ครั้งแรกถ้าจำไม่ผิดก็น่าจะสักประมาณปลายปีที่ หลังจากดูแล้วก็ตั้งปณิธานเลยว่า จะไม่พลาดดูภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอันขาด จากนั้นก็รอๆๆ จวบจนวันนี้ได้ดูแล้วครับ แต่ว่าจะคุ้มกับหนึ่งปีที่รอคอยหรือเปล่าเดี๋ยวค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้ผมเชื่อว่าคงไม่มีภาพยนตร์เรื่องไหนกล้าออกมาฉายชนกับภาพยนตร์เรื่อง 2012 นี้แน่
สำหรับผู้กำกับเรื่องนี้คือคุณ Roland Emmerich (โรแลนด์ เอ็มเมอริช) ผลงานเด่นๆ ที่ผ่านๆ มาของเขาอย่าง Independence Day (1996) เรื่องนี้ผมจำได้แม่นเลย เป็นหนัง UFO เรื่องเดียวที่ผมชอบมาก งานนี้คุณโรแลนด์ได้ทั้งเงินและได้ทั้งกล่องไปเต็มๆ ส่วนเรื่องถัดมาคือเรื่อง Godzilla(2000) เรื่องนี้ทำให้เราเชื่อว่าก๊อตซิลล่าไม่ได้เป็นสัตว์ประหลาดของญี่ปุ่นประเทศเดียวอีกต่อไป The Day After Tomorrow (2004) คืองานลำดับต่อมาของคุณโรแลนด์ สำหรับงานเรื่องนี้ ในบ้านเราก็ถือว่าดีในระดับหนึ่งแต่ยังสู้เรื่องก่อนๆ ของโรแลนด์ไม่ไ่ด้
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับภัยธรรมชาติ แต่ดูแล้วก็ยังไม่ถึงที่สุด ฉากส่วนใหญ่เล่นกันในห้องสมุด แม้จะมีฉากน้ำท่วมเข้าตัวเมืองอเมริกา จนทำให้เทพีเสรีภาพพังลงมาก็ตาม เรื่องต่อมาเรียกว่า แป้กสนิท เพราะว่าคุณโรแลนด์ของเราเล่นพากลับย้อนยุคไปซะไกลเลยกับเรื่องราว 10,000 B.C. (2008) เพราะหนังดูไม่สนุกเท่าที่ควร ว่าแล้วคุณโรแลนด์ก็คงมานั่งคิดแล้วคิดอีกล่ะทีนี้ทำไมตูยิ่งทำหนังยิ่งถอยลงๆ เลยมองไปที่หนังเรื่องแรกว่าทำไมประสบผลสำเร็จ ก็คงได้คำตอบว่าจะทำอะไรต้องทำให้มันยิ่งใหญ่ ทำให้มันใหญ่สุดๆ ไปเลย อย่างเรื่องแรกที่ทำ UFO ให้มองข้ามทวีปมาแล้ว (ภาพยนตร์มนุษย์ต่างดาวสมัยก่อน UFO มักมีขนาดเล็ก เรียกว่าเห็นกันแค่เมืองๆ หนึ่ง หรือแค่จังหวัดๆ หนึ่งเท่านั้น แต่เรื่อง Independence Day หรือ ID4 UFO มีขนาดใหญ่มาก มองเห็นได้ถึง 2-3 ทวีปเลย) และแล้วคุณโรแลนด์ของเราก็มองไปที่ความเชื่อเรื่องโลกแตก พี่ท่านก็เลยวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องโลกแตกจนได้มากำกับเรื่องนี้
2012 วันสิ้นโลก กล่าวถึงความเชื่อตามปฏิทินของชาวมายันหรือชาวมายา ชนเผ่าโบราณที่โด่งดังชนเผ่าหนึ่ง ชาวมายันได้ชื่อว่าเป็นชนเผ่าที่มีความสามารถด้านคำนวณเก่งที่สุดในโลก กล่าวไว้ว่าวันที่จะทำให้โลกบูดเบี้ยวใบนี้แตกดับลงไปคือวันที่่ 21 ธันวาคม 2012 (เลขสวยดีเนอะ 122012) ซึ่งตามทฤษฎีของชาวมายัน วันดังกล่าวถือว่าเป็นวันสิ้นสุดปฏิทิน ตามคำทำนายในวันนั้นน้ำจะท่วมฟ้าปลาจะกินดาว ว่ากันอย่างนั้นเลย
นอกจากคุณโรแลนด์จะเอาความเชื่อในคำทำนายของชนเผ่ามายันมาเป็นแกนของภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว ก็ยังได้นำความรู้และความเชื่อทางด้าน โบราณคดี, โหราศาสตร์ และที่ขาดไม่ได้คือความเชื่อทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย เรียกว่าเก็บรายละเอียดได้ดีมาก ถึงแม้ว่าบทภาพยนตร์จะแป๋งๆ ไปสักนิดในในตอนท้ายของเรื่อง อ๋อ..ในเรื่องของบทภาพยนตร์ได้คุณแฮโรลด์ โคลเซอร์ ที่เคยเขียนบทเรื่อง 10,000 B.C.มาช่วยดูแลให้ แต่ผมว่าคุณแฮโรลด์ ยังไม่เก่งด้านเขียนบทพอ (คุณแฮโรลด์ เก่งทางด้านแต่งเพลงมากว่า เพราะว่าแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์มาแล้วหลายเรื่อง) จึงทำให้คุณ โรแลนด์ เอ็มเมอริช ต้องเข้ามาดูเรื่องบทเสริมให้อีกคน แต่พอผมดูแล้วรู้สึกว่า ตลอดการดูเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่งของเรื่องนี้ มีบทดราม่าครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว แล้วดูรวมๆแล้ว ผมว่าบางฉากต้ดออก แล้วให้เหลือประมาณ 2 ชั่วโมง หนังเรื่องนี้จะน่าดูขึ้นไปอีก อย่างฉากชกมวย ไม่ต้องมีก็ได้แค่บอกที่มาที่ไปก็พอ สำหรับทุนสร้างเรื่องนี้ บอกไว้ที่หมื่นล้านบาทนี่ถ้าเอางบตรงนี้มาสร้าหนังไทย คงได้หลายเรื่องเลย
เรื่องของนักแสดงได้คุณจอห์น คูแซค (John Cusack) รับบทเป็น แจ็คสัน เคอร์ติส พ่อลูกสอง ที่มีความเชื่อในวันโลกแตกนี้ เมื่อพวกเขาเปิดเผยถึงความลับของวันโลกแตก ที่แสนอันตรายให้ผู้คนฟัง จนกระทั่งมันเกิดขึ้นจริงๆ แจ็คสันต้องปกป้องครอบครัวของเขาจากแผ่นดินไหว ลาวาระเบิด สึนามิ และภัยธรรมชาติอื่นๆ ให้ผ่านไปให้ได้ (อุ๊บ..เผลอเล่าเรื่องไปนิดนึง ขอโทษที ^_^) คุณจอห์น คูแซค เป็นนักแสดงคุณภาพอีกท่านหนึ่งที่มักได้รับคำวิจารณ์ทั้งในและนอกประเทศในแง่บวกมากมาย เรื่องที่ผมจำคุณคูแซคได้เป็นอย่างดีคือเรื่อง คอนแอร์ เรื่องที่ทำให้คุณ จอห์น คูแซค ดังมาก ในเรื่องนี้คุณจอห์นก็ได้แสดงฝีไม้ลายมืออย่างเต็มที่ ไม่มีฉากการแสดงฉากไหนของคุณจอห์น คูแซค เลยที่ไม่สามารถดึงอารมณ์ร่วมของคนดูออกมาได้
ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ อย่าง อาแมนด้า พีท (Amanda Peet) รบบทเป็น เคต คนที่รู้ใจมากที่สุดของ แจ็คสัน ปกติเราจะเห็นเธอเล่นแต่ภาพยนตร์เขย่าขวัญ พอเธอมาเล่นเรื่องนี้เหมือนเปลี่ยนคาแร็คเตอร์ของเธอทีเดียว (...เอ๋...แล้วเรื่องนี้เขย่าขวัญหรือเปล่านี่ ) อีกคนที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้เลยคือ แดนนี่ โกลเวอร์ (Danny Glover) รับบทเป็น ประธานาธิบดี ของเรื่องนี้ บอกตามตรงผมเห็นหน้าตาแดนนี่ โกลเวอร์ นี่บ่อยมากเลย และบทที่แกได้รับก็มักจะเป็นบทพวกตำรวจหรือไม่ก็พวกทหารนี่แหละ มาเรื่องนี้ก้าวขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีเลย ร้ายจริงๆ ยังมีนักแสดงดีๆ มากด้วยฝีมืออีกหลายคนในเรื่องนี้ อย่างเช่น แธนดี้ นิวตัน (Thandie Newton), โอลิเวอร์ แพลท (Oliver Platt), วู้ดดี้ ฮาร์เรลสัน (Woody Harrelson), ชิวีเทล เอจิโอฟอร์ (Chiwetel Ejiofor) ขอไม่กล่าวถึงก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวมันจะยาว
CG ไม่อยากพูดคำนี้กับหนังไทยเลย หลังจากดูเรื่องนี้แล้วก็มานั่งคิดว่า ทำไม CG ของไทยเราทำได้ไม่เท่าเขาสักที (ครึ่งหนึ่งก็ยังดี) เพราะว่าCG เรื่องนี้ยอมรับเลยครับว่าเนียนมาก ไม่ว่าจะเป็นฉากน้ำท่วมภูเขา อุกกาบาตตก หรือแผ่นดินไหว แผ่นดินแยก โดยเฉพาะฉากตึกถล่ม เนียนจริงๆครับหาที่ติแทบไม่ได้เลย ยิ่งCG สวยๆ เนียนๆ อย่างนี้ บวกกับ แบ็คกิ้งแทร็ค หรือซาวด์ประกอบแบบเร้าใจ ทำให้อารมณ์ร่วมในการติดตามฉากนั้นๆ ยึดไม่ให้เราไปไหนได้เลย ถึงแม้บางครั้งจะเบื่อกับฉากดราม่าที่มักตัดสลับไปมาบ้างก็ตาม ในตอนต้นเรื่องยังไปเรื่อยๆมาเรียงๆอยู่ แต่ตั้งแต่กลางเรื่องไปจนจบ บอกได้คำเดียวว่า ห้ามหลับเด็ดขาดครับ เพราะว่าถ้าหลับแล้ว บางทีอาจพลาดฉากสำคัญๆ สวยๆ ไปได้ และพอผมเห็นฉากภัยธรรมชาติต่างๆ จากหนังเรื่องนี้แล้วก็นึกถึงหนังไทยเรื่องหนึ่ง ซึ่งเพิ่งออกจากโปรแกรมไปไม่ถึงครึ่งปี เป็นหนังไทยที่เกี่ยวกับภัยธรรมชาติ แต่...(เรื่องมันเศร้า)
สรุปเรื่องนี้ ผมว่าเป็นหนังดีระดับห้าดาว ด้วยความยาวของตัวหนังเกือบ 2 ชั่วโมงครึ่ง แค่ดูฉากภัยพิบัติต่างๆ ก็คุ้มแล้วครับ ดูแล้วอยากให้หนังไทยบ้านเราพัฒนาศักยภาพให้เทียบเท่าหรือใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ยังดี อย่างที่ทราบๆ กันอยู่ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เชื่อเกี่ยวกับคำทำนาย ยังงั้นผมก็ขอทำนายไว้ว่า ในปี 2012 พี่น้องคนไทยเรา จะมีแต่ความสุข หัวเราะกันได้ตลอดทั้งปี (ไม่ใช่บ้านะ) ถ้าไม่เชื่อลองเอา ค.ศ.2012 มาเทียบกับ พ.ศ. ของบ้านเราดูสิครับ แล้วจะรู้ว่าในปีนั้นพี่น้องคนไทยเราจะมีความสุขหัวเราะตลอดทั้งปีจริงเหรอเปล่า...(ค.ศ.2012=พ.ศ.2555/สองห้าห้าห้า)
บทวิจารณ์โดย : TCK E-mail :TCK05@sanook.com