วิจารณ์หนัง ฝันโคตรโคตร

วิจารณ์หนัง ฝันโคตรโคตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แล้วความฝันของคุณพิง ลำพระเพลิง ก็เป็นจริงขึ้นมาอีกครั้ง กับภาพยนตร์อันดับที่ 3 ของเขาใน ฝันโคตรโคตร ภาพยนตร์รักโรแมนติกที่คุณพิงเคยจั่วหัวเอาไว้ ว่าไปแล้วเรื่อง ฝันโคตรโคตร เป็นหนึ่งในสี่ไลน์อัพที่คุณพิง "ฝัน" เอาไว้ว่าอยากทำ และต้องทำให้ได้ โดยไลน์อัพเรื่องแรกที่ทำเกี่ยวกับ "ความรัก" ก็ทำสำเร็จไปแล้วในเรื่อง "โคตรรักเอ็งเลย" เรื่องนี้ได้คุณโน้ต อุดม มาเป็นตัวเอกให้ ส่วนไลน์อัพในเรื่องที่สองที่คุณพิงอยากทำเป็นเรื่องเกี่ยวกับ "ความศรัทธา" คุณพิงก็ทำสำเร็จไปแล้วเช่นกัน ในเรื่อง "คนหิ้วหัว" แม้หนังสองเรื่องที่ผ่านมาของคุณพิงจะประสบผลสำเร็จทางด้านรายได้ต่างกัน แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงานในไลน์อัพอันดับสามของเขากับภาพยนตร์เรื่อง "ฝันโคตรโคตร" แต่ตรงกันข้ามเสียอีก เมื่อได้ลงมือทำเรื่องนี้แล้วมันเหมือนกับว่า ฝันของคุณพิงเริ่มเป็นจริงขึ้นมาแล้วกับการกำกับหนัง 4 เรื่อง และเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ 3 แล้ว เรียกว่าเป็นความรู้สึก "ฝันโคตรโคตร" ของคุณพิงเลยทีเดียว สำหรับในเรื่อง ฝันโคตรโคตร นี้ เป็นความฝันที่สวนทางกันของคนสองคน คนแรกคือ "ไอ้ด่าง" (ภูพิงค์ พังสะอาด) นักแสดงข้างถนนอายุ 40 กว่าๆ ที่ใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ เขาหมดศรัทธาในเรื่องของความรักตั้งแต่ภรรยาเขาตายจากโลกนี้ไปแล้วเมื่อหลายปีก่อน และเขาเชื่อว่ารักแท้ไม่มีในโลก ความรักก็แค่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลหนึ่งเท่านั้น ไม่มีชายหญิงคนไหนที่มอบความรักให้กับคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ซึ่งเป็นความเชื่อที่สวนทางกับตัวละครอีกคนที่ชื่อ เปิ้ล (ภาวิณี วิริยะชัยกิจ-มิลค์) นักแสดงสาวสวยที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังในวงการแสดง เปิ้ลเชื่อว่า รักแท้มีอยู่จริง เป็นรักที่ไม่หวังสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น หนังเรื่องนี้มีตัวละครหลักๆ เพียงแค่ 2 ตัวเท่านั้น และมีกลิ่นของหนังเรื่อง โคตรรักเอ็งเลย อยู่สูงมาก หรือจะว่าไปหนังเรื่องนี้ ก็คือโคตรรักเอ็ง ภาคสองก็ว่าได้ เพราะฉากหรืออุปกรณ์ประกอบฉาก ก็ดึงมาจากเรื่อง โคตรรักเอ็งเลย 50-60 % เลยที่เดียว ในเรื่องของการเล่าเรื่องนั้น ผมว่าเรื่องนี้คุณพิงเล่าเรื่องให้เขาใจยากไปสักหน่อย เพราะมีการสลับกันระหว่างความฝันและความเป็นจริงของคนสองคนไปมาจนบางครั้งสำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นนักดูหนังหรือไม่ชินกับหนังประเภทนี้จะรู้สึกงง มันตอนไหนกันแล้วนะ เดี๋ยวหมาโตเดี๋ยวหมาเล็ก เดี๋ยวโกนหนวดเดี๋ยวไม่โกนหนวด อะไรอย่างนี้เป็นต้น มันก็เลยทำให้อารมณ์ในการชมภาพยนตร์ไม่น่าติดตามสักเท่าไหร่นัก ผลงานของคุณพิงนั้นก็มีออกมามากมายแล้ว ล้วนแต่เป็นผลงานที่กลั่นออกมาจากส่วนลึกในตัวตนของคุณพิงแทบทั้งสิ้น แต่สำหรับเรื่องนี้ผมว่าคุณพิงพลาดในการเรียงลำดับเรื่องราวในตัวภาพยนตร์นะครับ ถ้าเรียงลำดับดีๆ หนังเรื่องนี้จะเป็นหนังอีกเรื่องที่ซึ้งกินใจให้กับผู้ชมที่เดินเข้าไปดูได้มากทีเดียว คุณพิงจะเน้นไปทางสร้าง Dialouge ด้วยถ้อยคำหรูๆ กินใจเสียมากกว่า เช่น "นาฬิกาและเวลามันต่างกันยังไง นาฬิกาเมื่อเราให้ใครไปแล้วเราสามารถขอคืนได้ แต่เวลาถ้าเราให้ใครไปแล้วไม่สามารถขอคืนได้" หรือจะเป็น "ใครว่าในความฝันมันไม่เจ็บ มันไม่จริงใช่ไหม" , "ความรักก็เหมือนอัตราแลกเปลี่ยนสกุลหนึ่ง ไม่มีใครมอบความรักไปแล้วไม่หวังสิ่งตอบแทน" ซึ่งถ่อยคำเหล่านี้ก็สามารถกินใจคนดูได้จริงๆ ในด้านการแสดง สำหรับเรื่องนี้นอกจากคุณพิงจะเป็นผู้กำกับการแสดงแล้ว ยังลงมาแสดงเป็นพระเอกของเรื่องเองด้วย ผมว่ามันก็เข้ากับบทดีแล้วครับใน ด้านการแสดงสำหรับคุณพิงคงไม่มีอะไรต้องติเพราะคุณพิงเป็นนักแสดงอาชีพอยู่แล้ว แต่มีหลายกระแสบอกว่าคุณพิงแก่เกินไปที่จะเป็นพระเอก แต่ผมว่าหนังต่างประเทศที่พระเอกแก่ๆ ก็มีหลายคนนะครับ และอีกอย่างเรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับความฝัน ผมก็เชื่ออย่างที่คุณพิงได้เคยกล่าวไว้ในบทสัมภาษณ์ว่า "ความฝันมันไม่มีตีนนกหรอกนะ" คำว่าตีนนก น่าจะหมายถึงตีนกา คำว่า ตีนกา ก็น่าจะหมายถึงคนสูงอายุ นั่นก็หมายความว่า ความฝันมันไม่ได้มีแค่หนุ่มสาว เด็กหรือผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ ก็สามารถมีความฝันได้ อันนี้ผมก็ว่ามันเป็นเรื่องจริงครับ สำหรับการแสดงของคุณมิลค์ (ภาวิณี วิริยะชัยกิจ์) ที่แสดงเป็น "เปิ้ล" ในเรื่องนี้ แม้จะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเธอ แต่เธอก็เคยผ่านงานหน้ากล้องมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง เธอเล่นเป็นธรรมชาติมาก คุณพิงเลือกนางเอกมาไม่ผิดเลยครับ ผมว่าคุณมิลค์เธอสวยและน่ารักดีนะครับ เหมาะกับเปิ้ลในเรื่องนี้ ที่มองโลกในแง่ดีตลอดเวลา หนังเรื่องนี้ให้ข้อคิดดีๆ หลายๆ อย่างเลยครับ เกี่ยวกับเรื่องความรัก และความพยายามไล่ตามฝันของแต่ละคน ผมว่าดูหนังเรื่องนี้แล้วใครที่มีความฝันอะไรไว้ก็ต้องทำให้ได้ เรียกว่า "ฝันให้ไกล แล้วต้องไปให้ถึง" อย่างเช่น คุณพิง เป็นต้น ฝันอยากจะเป็นผู้กำกับหนัง นักคิดนักเขียนก็ไปถึงฝังฝันจนได้ เก่งจริงๆ ครับ (ดูหนังเรื่องนี้แล้วเหมือนดูประวัติของตัวคุณพิงเลย) สรุปแล้วจะเรียกว่าหนังเรื่อง "ฝันโคตรโคตร" เป็นหนังอาร์ตอีกเรื่องหนึ่งก็ได้ เพราะขึ้นชื่อว่าหนังอาร์ตแล้วต้องใช้พลังในการชมระดับหนึ่งถึงจะเข้าใจในเนื้อเรื่องที่ผู้สร้างต้องการสื่อได้เป็นอย่างดี หนังอาร์ตไม่ใช่หนังไม่ดี หน้งอาร์ตมักมีสิ่งดีๆ ซ่อนไว้ด้านในอยู่เสมอ อยู่ที่ว่ามันอยู่ลึกแค่ไหน แล้วเราจะเข้าไปถึงส่วนที่ลึกๆ นั้นหรือไม่ หรือถ้าใครอยากจะลองเสียเงินดูหนังที่คิดว่าดูแล้วจะเข้าใจยากสักหน่อยก็น่าลองดูนะครับ เพื่อจะเพิ่มจำนวนคนชอบดูหนังแนวนี้มากขึ้น หรือว่าพยายามจนถึงที่สุดแล้วก็ยังดูไม่รู้เรื่องอยู่ดีก็หลับฝันไปเลย แล้วจะรู้ที่เขาว่า "ในความฝันมันไม่เจ็บ" มันเป็นเรื่องที่ไม่จริง....

บทวิจารณ์โดย : TCK E-mail :TCK05@sanook.com

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ

อัลบั้มภาพ 3 ภาพ ของ วิจารณ์หนัง ฝันโคตรโคตร

วิจารณ์หนัง  ฝันโคตรโคตร
วิจารณ์หนัง  ฝันโคตรโคตร
วิจารณ์หนัง  ฝันโคตรโคตร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook